Honda CR-V ถือเป็นรถ SUV รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ได้รับการเปิดตัวเจเนอเรชั่นแรกในปี พ.ศ. 2539 ซึ่งมีกระแสการตอบรับที่ดีเกินคาด และได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 5 ในปัจจุบัน ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2560 ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา Honda CR-V ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถ SUV ประเทศไทย และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด SUV เสมอ ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะการขับขี่ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งทำให้ Honda CR-V ครองใจลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด
Honda CR-V i-DTEC ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร
สำหรับ Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 5 ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของ Honda เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทางค่าย นำเสนอยนตรกรรมที่มาพร้อมกับขุมพลังในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซล ภายใต้นิยามว่า "i-DTEC Diesel Turbo" ซึ่งมาในพิกัด 1.6 ลิตร ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing ได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำยนตรกรรม SUV รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ให้มาทำการทดสอบสมรรถนะ และเป็นพาหนะคู่ใจในการเดินทางไปยัง สนาม Chang International Circuit จ.บุรีรัมย์
ไฟหน้า พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED เต็มระบบ
กระจังหน้าแบบโครเมียม เพิ่มความหรูหราให้กับมุมมองด้านหน้า
ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว
ไฟท้ายใหม่แบบ LED
เพียงแค่ต้องตา ก็ยอมรับว่าต้องใจ เพราะ Honda CR-V ใหม่ มาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหรา และดูภูมิฐานอันเหนือระดับ สมกับเป็นรถ SUV ระดับพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไฟหน้าที่มาพร้อมกับไฟ Daytime Running Light แบบ LED เต็มระบบ ออกแบบเส้นสายให้ดูโฉบเฉี่ยวรับกับกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรู กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมติดตั้งไฟตัดหมอกแบบ LED ให้ในตัว บริเวณกระจกมองข้างด้านซ้ายมาพร้อมกล้อง Honda Lane Watch เพื่อแสดงภาพมุมอับสายตา อีกขั้นของความปลอดภัยที่เหนือระดับ รวมไปถึงไฟท้ายใหม่ ที่มาในรูปแบบ LED เต็มระบบเช่นเดียวกัน ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
ภายในดีไซน์หรู ห้องโดยสารโทนดำ ตัดด้วยวัสดุลายไม้
เบาะหนังพร้อมระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง สำหรับผู้ขับ
ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 พร้อมช่องเสียบ USB อีก 2 ช่อง
สำหรับภายในของ Honda CR-V ใหม่ มาพร้อมกับดีไซน์สุดหรู ที่แฝงไว้ด้วยความสะดวกสบาย และความอเนกประสงค์ที่เหนือระดับ เริ่มจากห้องโดยสารสีทูโทน ที่มาในสีดำตัดกับวัสดุลายไม้, เบาะนั่งแบบหนังพร้อมระบบปรับไฟฟ้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, มาตรวัดแบบดิจิตอลพร้อมจอแสดงผลแบบ TFT, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ i-Dual Zone, หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, ระบบปุ่ม Push Start, ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3, ช่องเสียบ USB ตอนหลัง ฯลฯ
Honda Lane Watch แสดงภาพมุมอับสายตา ผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว
ระบบเกียร์ไฟฟ้าควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) และระบบเบรคมือไฟฟ้า
พื้นที่สำหรับวางสัมภาระ ตอบรับกับไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนยุคใหม่
นอกจากนั้นแล้ว Honda CR-V ใหม่ ยังออกแบบห้องโดยสารให้มีความกว้างขวางนั่งสบาย พร้อมเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในการเดินทาง ด้วยการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์ไฟฟ้าควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์(Shift by Wire) และระบบเบรคมือไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถ SUV ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบนี้ ส่งผลให้บริเวณพนักพิงแขนมีพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น สามารถวางโทรศัพท์, กระเป๋า ฯลฯ พร้อมออกแบบให้มีช่องวางแก้วน้ำเพิ่มอีก 2 ช่อง และมีช่องสำหรับ USB ด้านในอีก 1 ช่อง เรียกได้ว่าตอบรับกับไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง
เครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC ขนาด 1.6 ลิตร สมรรถนะสูงสุด 160 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC ขนาด 1.6 ลิตร ถือเป็นไฮไลท์หลักของ Honda CR-V เจนเนอเรชั่นที่ 5 นี้เลยก็ว่าได้ โดยขุมพลังบล็อคนี้ มาในรูปแบบดีเซล พ่วงเทอร์โบชาร์จแบบ 2 จังหวะ (อัตราบูสต์สูงสุด 2.0 บาร์) โดยประกอบไปด้วยเทอร์โบแรงดันต่ำ และเทอร์โบแรงดันสูง ที่จะทำงานร่วมกันเพื่่อเรียกอัตราเร่งที่โดดเด่นตั้งแต่ในรอบต่ำ ซึ่งในตัวเทอร์โบแรงดันสูงนั้น จะมาในรูปแบบแปรผัน VGT (Variable Geometry Turbocharger) เพื่อการเร่งออกตัวที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเทอร์โบแรงดันต่ำนั้น จะสำแดงพลังเมื่อต้องการอัตราเร่งในย่านความเร็วที่สูงขึ้นไป โดยระบบจะปรับการทำงานของเทอร์โบทั้ง 2 ลูก อย่างเหมาะสม เพื่อรีดพละกำลังออกมาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงมาในรูปแบบคอมมอนเรลแรงดันในระบบ 1,600 บาร์ กำลังสูงสุดที่ทำได้คือ 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังได้แบบเนียนๆ ด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ให้ทั้งอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง และความประหยัดแม้ต้องเดินทางในย่านความเร็วสูง
ขุมพลัง i-DTEC Diesel Turbo ขับสนุก เร้าใจกว่าที่เคย พร้อมทั้งให้อัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหนือชั้น
สิ่งที่สัมผัสได้หลังจากที่ได้ทดลองขับ Honda CR-V ขุมพลัง i-DTEC คือ ความแรงที่มาในรอบต้นอันจัดจ้าน ทำให้ฟิลลิ่งการขับมีความสนุก และเร้าใจยิ่งขึ้น เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดในระดับ 350 นิวตัน-เมตร มาให้ใช้งานตั้งแต่ในรอบต่ำ ทำให้การออกตัว หรือเร่งแซงทำได้อย่างทันอกทันใจ โดยไม่ต้องเค้น ซึ่งสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป การขับเคลื่อนด้วยโหมด D ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับทุกการใช้งานอยู่แล้ว ด้วยความที่ชุดเกียร์มีอัตราทดอย่างต่อเนื่องถึง 9 จังหวะ ทำให้การส่งต่อกำลังมีความต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว แต่หากต้องการความสนุกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น เพียงแค่กดปุ่มสลับโหมดจาก D เป็น S ก็ยิ่งจะช่วยเพิ่มอารมณ์การขับขี่ให้สายซิ่งได้ประทับใจได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการปรับรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในช่วงที่สามารถเรียกแรงบิดสูงสุดออกมาใช้ได้ทันที คือ ในย่านประมาณ 2,000 รอบ/นาที
Honda CR-V เป็นรถ SUV ที่ขับสนุก และมีความปลอดภัยที่เหนือระดับ
รวมไปถึงสมรรถนะในการขับขี่ในเมือง และการทรงตัว Honda CR-V ใหม่ ก็ถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยมีความเฉียบคม เป็นไปอย่างที่ใจสั่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง, โค้งหักศอก, U-Turn, จังหวะการมุด และจังหวะใช้ความเร็วสูง Honda CR-V ใหม่ สามารถเอาอยู่ในทุกสถานการณ์ ไม่มีอาการลื่นไถล หรือสะบัดให้เหวอแต่อย่างใด ซึ่งเป็นผลพวงมาจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD ที่ควบคุม และกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 ได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยต่างๆ ที่คอยทำงานซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง ทำให้ Honda CR-V ใหม่ เป็นรถ SUV ที่ขับสนุก และมีความปลอดภัยที่เหนือระดับ
Honda CR-V i-DTEC 4WD ราคา 1,699,000 บาท
ทั้งนี้สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดย Honda CR-V ใหม่ มีราคาจำหน่ายดังนี้
