ตำนานกลับมาคืนชีพในไทยแล้ว ที่งานมอเตอร์โชว์ 2018
รถที่คนทั่วโลกนิยม ให้การยอมรับว่าขับสนุกครบเครื่องมีไม่กี่รุ่นหรอกนะครับ แต่มีรถญี่ปุ่นรุ่นหนึ่งทำได้คือ Nissan GT-R ด้วยปรัชญาการทำรถอย่างตั้งใจตามนิสัยคนญี่ปุ่น มาทำรถสปอร์ตที่อาจจะไม่ได้แรงที่สุด แต่มีสมดุลดีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนขับ (จากคำพูดของ...มร. ฮิโรชิ ทามูระ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายผลิตภัณฑ์ GT-R ของ Nissan ที่ BoxzaRacing มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัว) ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่รถสปอร์ตรุ่นนี้ สามารถกระแสแรงตั้งแต่เปิดตัวในไทย ทำให้คิวจองยาวครึ่งปีแล้ว เรามาเจาะลึกกันว่า เจ้ารถสีส้มนี้มีอะไรดี ถึงได้ครองใจคนครึ่งค่อนโลกขนาดนี้
GT-R ที่ได้ชื่อว่ารถศูนย์นิสสันแท้ๆ
ประวัติความเป็นมาของ GT-R คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ว่ามาจาก Skyline GT-R รุ่นแรงในตำนาน แต่มีอยู่มุมหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ นั่นคือเป็นรถที่ทำขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อฆ่าปอร์เช่ 911 รถสปอร์ตจากเยอรมันได้ ถึงขั้นบุกไปทำลายสถิติถึงสนามแข่งในถิ่นเยอรมนีกันเลยทีเดียว และหากคิดว่ายังยากไม่พอแล้ว นิสสันยังต้องการให้รถแรงนี้มีราคาถูกกว่ารถ 911 อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้รับการคุมโปรเจคโดยประธานบริษัทอย่าง คาลอส กอล์น ถึงกับต้องมานั่งรถทดสอบด้วยตัวเองเลยทีเดียว นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติที่รถรุ่นหนึ่ง จะมีเจ้านายใหญ่มาตามงานด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่า รถคันนี้จะต้องสุดจริงๆ ไม่มีการปราณีประนอมด้านวิศวกรรม ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี ในการปั้นรถใหม่หมดทั้งคัน ไม่มีชิ้นส่วนหลักใดๆ ที่ใช้ร่วมกับรุ่นอื่นเลย
เป็นรุ่นย่อย Premium edition 2018
นอกจากนี้ในการพัฒนารถ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนต่างประเทศหลายสำนัก เข้ามาร่วมในขั้นตอนการพัฒนารถ รวมถึงให้แฟนๆ บางส่วนเข้ามามีส่วนในการแสดงความเห็น ก่อนที่จะเริ่มเปิดตัวจริง เป็นการสร้างกระแสแบบปากต่อปากที่โหมแรงตั้งแต่ก่อนเปิดตัว และมันก็เป็นอย่างที่นายใหญ่คาดหวังจริงๆ วันเปิดตัวเมื่อถึงงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ในปี 2007 ผู้คนก็บ้าคลั่งกันใหญ่ รวมถึง คาลอส กอล์น ที่ได้เป็นลูกค้าคนแรกของโลกด้วย
เปิดตัวในไทยด้วยราคา 13.5 ล้านบาท
รุ่นที่มาเปิดตัวในไทยที่งานมอเตอร์โชว์ 2018 ครั้งนี้ ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็น Nissan GT-R Premium Edition 2018 จัดเต็มทุกชิ้นส่วนให้สุดยอด ถ้าจะพูดให้หมดนี้ เกรงว่าจะไม่มีเวลาอ่าน เลยขอยกเอาชิ้นส่วนหลักๆ ที่ทำให้รถรุ่นนี้ขับดี ได้ทั้งความแรง เกาะถนน และขับสบายควบกัน ซึ่งประกอบด้วย
สคูปดูดอากาศ ใช้งานได้จริง ไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว
ท่อไอเสียไทเทเนียม ทุ่มทุนสร้างจากโรงงาน
ดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์ของจริง
หัวใจสำคัญของรถสปอร์ตก็คือ เครื่องยนต์รหัส VR38DETT ที่พัฒนาใหม่หมด มาแบบเบนซิน V6 Twin Turbo ความจุ 3.8 ลิตร ผลิตในเมืองโยโกฮามาโดยฝีมือของทาคูมิ ผู้เป็นช่างเทคนิคระดับมาสเตอร์ของนิสสัน ทำกำลัง 555 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 632 นิวตัน-เมตร พ่นใส่ท่อไอเสียไทเทเนียม พร้อมระบบวาล์วพิเศษ ให้เสียงคำรามที่เร้าใจ และดุดันยิ่งขึ้น ส่วนเกียร์ใช้แบบซีเควนเชียล ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด เปลี่ยนเกียร์แต่ละขั้นใช้เวลาเพียง 0.15 วินาที สามารถพูดได้ว่านี่มันระดับเดียวกับรถแข่ง ก็คงจะไม่เว่อร์เกินไป
เบรค Brembo ของซิ่งติดรถมาให้เลย ไม่มีลดต้นทุน
ผลลัพธ์ของสเปคจัดเต็มแบบนี้ ทำให้ขับสนุกติดเท้าจนสามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 2.7 วินาที เป็นไปได้ด้วยการขับใน R-Mode พร้อมมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยอีก และยังทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ 11.6 วินาที ที่ความเร็ว 190 กม./ชม. หรือใครอยากเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงสุดระดับ 313 กม./ชม. ก็ทำได้สบายเลยในคันนี้
มือเปิดประตูแบบฝังใน เพื่อความลู่ลมสุดๆ
ความพิเศษอีกอย่างของ Nissan GT-R Premium Edition 2018 ที่นำเข้ามาจำหน่ายโดยทาง Nissan คือ การได้รับบริการจาก Nissan TKF ซึ่งเป็นแห่งเดียวในไทยที่มีประสบการณ์ในการเซอร์วิส Nissan GT-R รวมถึงรถซูเปอร์คาร์โดยเฉพาะ โดยใครที่อยู่ไกลศูนย์ดังกล่าว ทางนิสสันก็มีบริการรถสไลด์ไปรับได้อยู่ครับ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าระดับพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง
แผงประตูด้านในสีส้ม เข้าชุดกับสีตัวถังจริงๆ
ถึงคิวจองจะยาว แต่ถ้ามีเงินก็ควรรีบซื้อเก็บไว้เถอะครับ เพราะเชื่อหรือไม่ว่า นี่อาจจะเป็น Nissan GT-R ดิบๆ รุ่นสุดท้ายที่คนไทยอาจจะได้ซื้อ เพราะว่ารุ่นต่อไปเตรียมพัฒนาเป็นขุมพลังไฮบริดตามกระแสนิยมแล้ว ฟิลลิ่งความดิบและแรงติดเท้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ราคาขาย 13.5 ล้านบาท กับตำนาน GT-R ที่รับประกันโดยนิสสัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ขับไปที่ไหนก็ยืดได้อย่างภูมิใจกับคำว่า “รถศูนย์นิสสันแท้”
เบาะหนังด้านในเป็นหนังแท้ หรูนุ่มสบายสุดๆ ในตระกูล GT-R
ข้อมูลทางเทคนิค Nissan GT-R Premium Edition 2018
เครื่องยนต์ | VR38DETT เบนซิน V6 Twin Turbo 24 วาล์ว |
ความจุ | 3,799 ซีซี |
ความกว้าง x ช่วงชัก | 95.5 x 88.4 มม. |
อัตราส่วนกำลังอัด | 9.0:1 |
กำลัง | 555 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที |
แรงบิด | 632 นิวตัน-เมตรที่ 3,200-5,800 รอบ/นาที |
ระบบขับเคลื่อน | 4 ล้อ |
เกียร์ | ซีเควนเชียล ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด |
น้ำหนัก | 1,770 กก. |
ช่วงล่าง | ด้านหน้าปีกนกอะลูมิเนียมฟอร์จ, ด้านหลังมัลติลิ้งค์อะลูมิเนียมฟอร์จ |
โช้คอัพ | Bilstein Damp Tronic |
เบรค | Brembo Monobloc หน้า 6 สูบ และหลัง 4 สูบ |
กว้าง x ยาว x สูง | 1,895 x 4,710 x 1,370 มม. |
ฐานล้อ | 2,780 มม. |
ราคาขาย | 13,500,000 บาท |