เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2561 - 15:01

Ford Ranger Raptor 2018 ที่สุดแห่งออฟโรด เครื่องแรง ช่วงล่างปึ้กตามแบบฉบับ Ford Performance

 

          Ford ตอกย้ำสโลแกน "เกิดมาแกร่ง" ให้คนทั้งโลกได้สัมผัสอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว New Ford Ranger Raptor 2018 กระบะออฟโรดขนาดกลางคันแรกของเอเชีย ที่ตั้งใจสร้างมาแบบไร้ข้อจำกัด ด้วยการพัฒนาขึ้นมาใหม่แบบจัดเต็ม อัดแน่นด้วย DNA จาก Ford Performance ให้สมรรถนะที่เร้าใจ พร้อมอัพเกรดช่วงล่างใหม่ให้แข็งแกร่ง ทรงพลัง รองรับการขับขี่แบบ Off-Road ลุยได้ทุกสภาพถนน และยังได้บุคลิกที่ดุดัน น่าเกรงขาม โดดเด่นให้เหนือกว่าใคร เพื่อเปิดประสบการณ์การผจญภัยครั้งใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น

 

ภายนอก

 

          Ford Ranger Raptor 2018 ได้รับการถ่ายทอดบุคลิกและสมรรถนะจาก Ford F-150 Raptor กระบะออฟโรดขนาด 1 ตัน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโลโก้ฟอร์ดขนาดใหญ่, ชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่ น่าเกรงขาม ทนทานสูง พร้อมไฟตัดหมอก LED และช่องรีดอากาศเพื่อลดแรงต้านอากาศ, แก้มข้างรถคู่หน้าดีไซน์พิเศษพร้อมขอบซุ้มล้อที่มอบความทนทานต่อการขีดข่วน รองรับการขยายเพลาล้อคู่หน้า และระยะยุบตัวของโช้ค

 

          บันไดข้างผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยที่ผ่านการเคลือบด้วยสี Powder-Coated และพ่น Grit-Paint ทับอีกชั้น มอบความทนทานสูงทั้งจากการขีดข่วนและการรับน้ำหนัก, กันชนท้ายติดตั้งชุดตะขอ 2 ชุด รองรับการลากจูงน้ำหนัก 3.8 ตัน ซึ่งได้รับการเชื่อมต่อตะขอเป็นพิเศษ, แผงกันกระแทกด้านล่างป้องกันห้องเครื่อง, ครบครันในด้านระบบส่องสว่าง ทั้งไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อม LED Daylight ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์พิเศษ พร้อมหุ้มยาง BF Goodrich 285/70 R17 All-Terrain เป็นต้น

 

 

          ข้อมูลมิติตัวถังของ Ford Ranger Raptor 2018 ใหม่ มีรายละเอียดดังนี้

  • ความสูง : 1,873 มม.
  • ความกว้าง : 2,180 มม.
  • ความยาว : 5,398 มม.
  • ระยะช่วงล้อหน้า - หลัง : 1,710 มม.
  • ความสูงใต้ท้องรถ : 283 มม.
  • มุมไต่ : 32.5 องศา
  • มุมคร่อม : 24 องศา
  • มุมจาก : 24 องศา

          และสีตัวถัง ที่มีให้เลือกด้วยกันดังนี้

  • สีฟ้า Lightning Bule
  • สีแดง Race Red
  • สีดำ Shadow Black
  • สีขาว Frozen White
  • สีเทา Conquer Grey และสีเทา Dyno Grey 

 

ภายใน

 

          ด้านภายในห้องโดยสารได้รับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในเพื่อยกระดับความทันสมัย สวยงาม ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความโดดเด่น และความประณีตขั้นสูงจากดีเอ็นเอของ Ford Performance ทั้งการออกแบบเบาะนั่งหุ้มหนังดีไซน์พิเศษ เพื่อรองรับการขับขี่ที่มีการสั่นสะเทือนสูง ไปจนถึงการขับขี่ด้วยความเร็วสูง นั่งได้สบายยิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้าในระหว่างการเดินทางทั้งในชีวิตประจำวันและการผจญภัย, แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ที่แสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่รูปแบบต่างๆ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์เฉพาะจาก Raptor พร้อมแถบสีแดงบอกตำแหน่งองศาบนพวงมาลัย On-Center Marker, แป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยที่ผลิตด้วยวัสดุแมกนิเซียม, ห้องโดยสารสีดำ ตัดด้วยตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน 

 

 

          Ford Ranger Raptor 2018 ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่อ SYNC 3 ซึ่งเป็นระบบสั่งการผ่านเสียงที่ผนวกเข้ากับรถคันนี้ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมระบบควบคุมและสั่งการที่ใช้งานง่ายขึ้น จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ ความบันเทิง และอุปกรณ์ภายในรถ เช่น กล้องมองหลัง ปิดท้ายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยรอบด้าน ได้แก่ ระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (EZ Lift Tailgate) ที่ช่วยผ่อนแรงให้กับผู้ใช้มากถึง 66% และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ ที่สามารถล็อกรถ ปลดล็อก และสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ และปุ่มสตาร์ท เป็นต้น

 

ระบบขับเคลื่อน

 

         Ford Ranger Raptor 2018 ได้รับการยกระดับประสิทธิภาพการขับเคลื่อนเพื่อรองรับการเดินทางในทุกรูปแบบ ทุกสภาพถนน เริ่มจากเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ความจุ 2.0 ลิตร ซึ่งตัวเทอร์โบคู่นี้ จะมีทั้งเทอร์โบแรงดันสูง (HP) และเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่ควบคุมด้วยวาล์วบายพาสเพื่อควบคุมการทำงานของระบบเทอร์โบตามความเร็วของเครื่องยนต์ ให้สมรรถนะสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด จาก Ford F-150 Raptor ที่มีความทนทานสูง อัตราทดแคบลง ตอบสนองได้อย่างฉับไว และระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Steering Program)

         หัวใจสำคัญของการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ ก็คือการพัฒนาแชสซีส์ ช่วงล่าง และระบบเบรกใหม่ เริ่มจากแชสซีส์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรดด้วยความเร็วสูง ทนทานต่อแรงกระแทก รองรับการปรับช่วงล่างให้กว้างขึ้น จึงสามารถขยายเพลาล้อคู่หน้าหลังร่วมกับติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ โดยแชสซีส์ใหม่นี้ ผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low Alloy) พร้อมเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซีส์ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับจุดยึดหูโช้คที่ขยายขึ้นมา

         ระบบกันสะเทือนในฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ รุ่นใหม่นี้ ได้รับการติดตั้งชุดโช้คแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ผลิตโดย Fox Racing Shox ที่ช่วยเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบในกรณีขับขี่แบบออฟโรด และลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนทางเรียบ ด้วยแกนขนาด 46.6 มม. ทั้งคู่หน้าและคู่หลัง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อค พร้อมระบบวัตต์ลิงค์ที่ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น - ลงได้อย่างอิสระ โดยมีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก นอกจากนั้น ชิ้นส่วนปีกนกทำจากอลูมิเนียม โดยปีกนกบนผลิตด้วยวิธีการฟอร์จ และปีกนกล่างใช้กระบวนการหล่อ ที่ช่วยมอบความแข็งแรง ทนทาน ต่อการขับขี่แบบออฟโรดได้ถึงขีดสุด

         ระบบเบรกจะใช้เป็นระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ที่ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ ด้วยคาลิเปอร์เบรกคู่หน้าแบบลูกสูบคู่ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9.5 มม. พร้อมจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่ใหญ่ถึง 332 x 32 มม. ทางด้านชุดดิสก์เบรกหลังที่มาพร้อมกับระบบ Brake Actuation Cylinder ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกยิ่งขึ้น จานเบรกคู่หลังพร้อมครีบระบายความร้อนที่ใหญ่ถึง 332 x 24 มม. และคาลิเปอร์เบรกคู่หลังใหม่ขนาด 54 มม.

 

 

         ปิดท้ายด้วยระบบ Terrain Management System ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับขี่ทั้ง 6 โหมดผ่านปุ่มบนพวงมาลัย ได้แก่ 

  • โหมดปกติ (ทางเรียบ) : เน้นความสบาย นุ่มนวล ประหยัดน้ำมัน
  • โหมดสปอร์ต (ทางเรียบ) : เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็ว และฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงเพื่อให้การตอบสนองคันเร่งที่ดีขึ้น
  • โหมดหญ้า / กรวด / หิมะ (Off-Road) : ระบบจะทำเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้น พร้อมกับออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอัตราการลื่นไถลของล้อรถ
  • โหมดโคลน / ทราย (Off-Road) : ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึก และสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทราย พื้นโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง
  • โหมดหิน (Off-Road) : ใช้ความเร็วต่ำและควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ
  • โหมดบาฮา (Off-Road) : ระบบจะปรับอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการขับขี่แบบออฟโรดด้วยความเร็วสูง โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะตัดการทำงาน รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้น และเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม เสมือนได้สัมผัสการแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันลือชื่อ

 

ระบบความปลอดภัย

 

          Ford Ranger Raptor 2019 ได้บรรจุระบบความปลอดภัยระดับสูงทั้งแอคทีฟ และพาสซีฟ ที่ทันสมัย ครบคลุมทุกด้าน มอบความอุ่นใจในการเดินทางทุกเส้นทาง ประกอบไปด้วย

  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเข้าโค้งหรือเบรกกระทันหัน
  • ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control)
  • ระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control)
  • กล้องมองหลัง
  • สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง

 

ราคา

          สำหรับราคาและกำหนดการวางจำหน่าย Ford Ranger Raptor 2018 จะได้รับการเผยเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook