Toyota C-HR รถคอมแพ็คครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุด อัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม TNGA ยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น, ระบบ Telematics ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense สุดล้ำ และขุมพลังไฮบริดที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ ร่วมกับการดีไซน์บุคลิกที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดดเด่นเหนือกว่าใคร เพื่อให้เป็นยนตกรรมแห่งอนาคตที่คุณสัมผัสได้ พิเศษ สำหรับผู้ที่จองรถ Toyota C-HR ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561 รับฟรี Custom name plate เลือกดีไซน์ชื่อได้ตามสไตล์คุณ เพื่อสร้างสรรค์รถเพียงหนึ่งเดียวที่มีเพียแค่คุณเท่านั้นที่ครอบครอง
ภายนอก
Toyota C-HR 2018 รถอเนกประสงค์โฉมใหม่ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำแนวคิด "Ever Better Car" ที่มอบสไตล์ ความโดดเด่น สอดรับกับเทคโนโลยีแห่งสมรรถนะให้เหนือชั้น จากการดีไซน์รูปลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงเหลี่ยมมุมอันเป็นเอกลักษณ์ของเพชร ผสมผสานกับเทคโนโลยีเหนือชั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และสมบูรณ์แบบ
ด้านออพชั่นมาตรฐานภายนอก ประกอบไปด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ที่มีทั้งแบบ Bi-LED และ Bi-Halogen พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบ Follow-Me-Home ส่วนไฟท้ายจะเป็นแบบ LED, ไฟส่องกลางวัน LED Daylight ไฟตัดหมอก, กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้าและพับเก็บได้พร้อมไฟเลี้ยว LED, กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass), สปอร์เลอร์ท้ายแนวเดียวกับหลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ, คิ้วขอบกระจกประตูโครเมียม, คิ้วตกแต่งเสากลางเปียโนแบล็ค, แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง, ไฟส่องสว่างที่กระจกมองข้างแบบ LED (Welcome Lamp) เป็นต้น
มิติตัวถังของ Toyota C-HR 2018 ประกอบไปด้วย
และสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี มีด้วยกันดังนี้
White Pearl Crystal (ทุกรุ่น)
Attitude Black Mica (ทุกรุ่น)
Metal Stream Metallic (ทุกรุ่น)
Blue Metallic / Black roof (เฉพาะรุ่นไฮบริด)
Premium Red / Black roof (เฉพาะรุ่นไฮบริด)
Radiant Green Metallic / Black roof (เฉพาะรุ่นไฮบริด)
ภายใน
Toyota C-HR มอบบรรยากาศภายในที่หรูหรา กว้างขวาง สะท้อนความทันสมัยดุจรถยนต์หรู ด้วยการออกแบบแถบสีเงินที่ยาวพาดผ่านระหว่างแผงคอนโซลกลาง ถึงบานประตูให้ต่อเนื่อง ประกอบกับวัสดุตกแต่ง Soft Touch บริเวณแผงคอนโซลด้านบน และวัสดุบุแผงประตู ที่ตัดกับสีตัวถังอย่างสวยงาม ลงตัว เติมความมีชีวิตชีวาด้วยสีทูโทนดำ-น้ำตาล
ด้านออพชั่นภายใน ประกอบไปด้วย เรือนไมล์เรืองแสงสไตล์สปอร์ต พร้อมหน้าจอ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake), ระบบ Auto Brake Hold, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น และจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา, ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe, เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต โดยเบาะคนขับมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า, กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า, เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40, แผ่นปิดห้องสัมภาระท้าย, ไฟส่องสว่างบริเวณประตูหน้าและที่วางแก้วน้ำ, ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า, กระจกแต่งหน้า บริเวณแผงบังแดดคู่หน้า, กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ, เซ็นทรัลล็อค, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ (Electro Chromic) เป็นต้น
สำหรับระบบความบันเทิงในทุกรุ่นย่อย จะได้รับชุดเครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB/HDMI/Micro SD Card และ Bluetooth ปิดท้ายด้วยลำโพง 6 ตัว
มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อระหว่างตัวคุณและรถ Toyota C-HR ได้อย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีระบบ Telematics โดยระบบจะเชื่อมต่อรถยนต์ด้วยเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ กับแอพพลิเคชั่น T-Connect & Find My Car ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ มอบทั้งความสะดวกสบาย ความเพลิดเพลินและความอุ่นใจทุกการเดินทาง ประกอบไปด้วย
ระบบขับเคลื่อน
ชุดเครื่องยนต์ไฮบริด 2ZR-FXE
Toyota C-HR 2018 มาพร้อมกับขุมพลังที่มีให้เลือกถึง 2 แบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้
เครื่องยนต์เบนซิน "2ZR-FBE" แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,798 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักอยู่ที่ 80.5 x 88.3 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 และหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ให้สมรรถนะสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิด 166 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Shift Lock รองรับเชื้อเพลิง E85 และระบบเลือกโหมดขับขี่ระหว่าง Sport และ ECO Drive
เครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอเรชันใหม่ ประกอบไปด้วย
แบตเตอรี่นิกเกิลเมตัลไฮดราย
ทั้งหมดสามารถรีดสมรรถนะสูงสุด 122 แรงม้า (90 กิโลวัตต์) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และโหมดขับขี่ที่มีให้เลือกทั้ง Sport, ECO Drive และ EV Drive ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนไฮบริดได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ระบบไฮบริดจากโตโยต้า ให้คุณอุ่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันระบบไฮบริดนาน 5 ปี และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 10 ปี (* สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ผู้แทนจำหน่ายฯ)
สำหรับระบบช่วงล่างของ Toyota C-HR เริ่มจากระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone) พร้อมเหล็กกันโคลง, ดิสก์เบรก 4 ล้อ โดยคู่ล้อหน้าจะได้รับพร้อมครีบระบายความร้อนในดิสก์เบรก และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) ที่ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร
Toyota New Global Architecture (TNGA)
และโตโยต้า ภูมิใจนำเสนอนวัตกรรมแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด Toyota New Global Architecture (TNGA) ที่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างตัวถังมาตรฐานใหม่ เพื่อสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบทุกการขับเคลื่อนในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็น
ระบบความปลอดภัย
ทางด้านระบบความปลอดภัยของ Toyota C-HR 2018 โฉมใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ประกอบไปด้วย
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (PRE-Collision System)
ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control)
ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert With Steering Assist)
นอกจากระบบ Toyota Safety Sense ยังมีระบบความปลอดภัยอันทันสมัยอีกหลายรายการ ได้แก่
รวมไปถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่จัดเต็มใน Toyota C-HR ทุกรุ่นย่อย ดังนี้
ราคา
Toyota C-HR ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 4 รุ่น ประกอบไปด้วย
พิเศษ ! Custom Name Plate สำหรับผู้ที่จองรถ C-HR กับผู้แทนจำหน่ายและลงทะเบียนผ่าน www.toyota.co.th/c-hr ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.พ. 2561