Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ได้เปิดตัว Mirage (มิราจ) และ Attrage (แอททราจ) เวอร์ชั่นปี 2017 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจ ทางค่ายก็ได้เชิญชวนคณะสื่อมวลชนร่วมสัมผัสถึงสมรรถนะ พร้อมฟังค์ชั่นสุดล้ำใหม่ๆ ที่ได้ใส่เข้าไปเมื่อส่งให้ยนตรกรรมอีโค่คาร์ทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า และง่ายต่อการครอบครอง
Mitsubishi Mirage 2017
Mitsubishi Mirage และ Attrage รุ่นปี 2017 เน้นการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรียกว่าโดนใจคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างความบันเทิงในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นฟังค์ชั่น Apple CarPlay สำหรับรองรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของ Apple ช่วยให้ผู้ขับสามารถโทรออก รับสาย ส่งข้อความ ฟังเพลง รวมไปถึงรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri รวมไปถึงระบบล็อคความเร็วบนพวงมาลัย หรือ Cruise Control เพื่อตอบโจทย์การเดินทางในระยะไกลได้แบบน่าประทับใจ กับความสบายอีกระดับ
Mitsubishi Attrage 2017
นอกจากนี้ยังมีการปรับรายละเอียดในส่วนอื่นๆ โดย Mitsubishi Mirage ได้เสริมชุดไฟตกแต่ง LED ที่กันชนหน้า ส่วน Mitsubishi Attrage ได้เสริมกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ห้องโดยสารตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเบาะหนังเดินด้ายแดง, พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง, พอร์ท USB ที่ได้รับการย้ายตำแหน่งมาติดตั้งที่คอลโซลเกียร์เพื่อให้ใช้งานสะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมอบความสะดวกสบายกับผู้โดยสารตอนหลังด้วยพนักพิงศีรษะหลัง 3 ตำแหน่ง พร้อมทั้งยังมีชุดระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุที่ทันสมัย ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) โดยระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถยนต์คันหน้า, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยระบบจะทำการเตือนและตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน หากระบบตรวจพบวัตถุด้านหน้าในขณะที่มีการเหยียบคันเร่งผิดพลาด, ระบบ G-Sensor ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์บนทางลาดชันได้อย่างแม่นยำ ห้องโดยสารติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเบาะหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง และระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ ซึ่งทั้งหมดนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
Mitsubishi Mirage และ Attrage รุ่นปี 2017 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC ความจุ 1.2 ลิตร ให้สมรรถนะสูงสุด 78 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control) ตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะที่รถยนต์หยุดนิ่ง และเหยียบเบรคในตำแหน่งเกียร์ D ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งแอททราจ มอบอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 23.3 กม./ลิตร ส่วนมิราจ มีตัวเลขอยู่ที่ 23.8 กม./ลิตร
การทดลองขับขี่ในครั้งนี้จะใช้เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่สวนละไม จ.ระยอง รวมระยะทางทั้งสิ้นราว 350 กม. โดยรถแต่ละคัน จะถูกจำลองรูปแบบการขับขี่และการใช้งานในรูปแบบครอบครัว คือ นั่ง 4 คน โดยในช่วงแรก BoxzaRacing รับบทเป็นผู้โดยสารในเบาะนั่งตอนหลัง ด้วยความที่ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด ทำให้การนั่ง 4 คน สำหรับผู้โดยสารไซส์มาตรฐานชายไทย อาจต้องมีการจัดท่าทางและตำแหน่งของเบาะให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลบ้าง ฟีลลิ่งในการนั่งเบาะหลังให้ความรู้สึกที่สบายในระดับที่ยอมรับได้สำหรับรถในเซ็กเม้นท์นี้ ซึ่งจะให้สบายเหมือนรถที่ไซส์ใหญ่กว่า ก็คงจะเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ทำให้รู้สึกขัดใจเล็กน้อย คือ ที่แผงประตูหลังไม่มีช่องใส่ของ ทำให้ต้องวางของส่วนตัว เช่น แทบเล็ต หรือกระเป๋าสตางค์ไว้บนเบาะ ซึ่งอาจไม่ใช่ที่ที่ของเหล่านี้ควรจะอยู่ แต่สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ เรื่องของความนุ่มนวล ไม่ว่าจะใช้ความเร็ว หรือเจอเส้นทางที่ไม่ราบเรียบไปบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาของ Mitsubishi Mirage รุ่นปี 2017
นั่งมาจนถึงช่วงครึ่งทาง ก็ได้เวลาที่ตัวขี่จาก BoxzaRacing จะได้สำแดงพิษสง ซึ่งการขับขี่ในช่วงขากลับ เป็นรูปแบบ Free Run เป็นโอกาสดีที่ให้ได้ทดลองขับขี่ในย่านความเร็วสูงและทดลองเรื่องพละกำลังของเครื่องยนต์และสมรรถนะของช่วงล่างกันได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเร็วส่วนใหญ่ที่ใช้ ยังคงเป็นความเร็วที่กฎหมายกำหนด คือ ย่าน 100 -120 กม./ชม. สิ่งที่เป็นข้อสังเกตสำหรับการขับขี่ Mitsubishi Mirage รุ่นปี 2017 ในเรื่องของอัตราเร่งช่วงต้นนั้น ถือว่าให้การตอบสนองได้ดีพอควร คือ แตะคันเร่งเบาๆ รถก็พร้อมที่จะออกตัวแบบไม่ต้องเค้นมากนัก การวิ่งที่ความเร็วในย่าน 100 – 110 กม./ชม. ดูจะเป็นความเร็วที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางด้วยรถรุ่นนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่รอบเครื่องยนต์อยู่ในเรนจ์ที่ไม่หักโหมจนเกินไปนัก ช่วยในเรื่องของอัตราการบริโภคที่ประหยัด (เพื่อนสื่อมวลชนทำได้ที่ 21.x กม./ลิตร แต่ตอนที่ BoxzaRacing ได้ลองขับ กำแพงแห่งความประหยัดนั้น ได้ถูกทำลายจนหายไปอย่างหมดสิ้น) ด้วยรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่เกิน 2,000 รอบ/นาที และเป็นความเร็วที่ระบบช่วงล่างยังคงให้การตอบสนองได้อย่างน่าพอใจ โดยผสานระหว่างความนุ่มนวล และประสิทธิภาพในการทรงตัวได้อย่างบาลานซ์กัน ซึ่งหากใช้ความเร็วสูงกว่า 120 กม./ชม. ขึ้นไป อาจต้องใช้สกิลของผู้ขับขี่เข้ามาช่วยเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงที่มีลมปะทะค่อนข้างมาก อาจรู้สึกวูบวาบได้เป็นครั้งคราว สำหรับการเร่งแซงที่ความเร็วสูงนั้น ควรอาศัยประสบการณ์ในการกะจังหวะเพื่อให้สามารถแซงได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ส่วนจุดที่เป็นข้อสังเกตอีกหนึ่งจุดก็คือ เรื่องของระบบเบรก ที่อาจต้องเผื่อระยะไว้สักเล็กน้อย เนื่องจากในสัมผัสแรกที่เหยียบลงไปนั้น ตัวรถมีอาการไหลอย่างต่อเนื่อง ต้องเติมแรงเข้าไปอีกพอสมควร จึงจะสามารถชะลอความเร็วหรือหยุดได้ตามต้องการ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะรถที่นำมาให้ทดลองขับยังใหม่ โดยผ่านการขับขี่มาเพียง 500 กม./ชม. อาจส่งผลให้ผ้าเบรกยังไม่สามารถสำแดงประสิทธิภาพออกมาได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
Mitsubishi Mirage และ Attrage รุ่นปี 2017 มาพร้อมกับรับประกันคุณภาพ โดยจะได้รับทั้ง ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน, บริการช่วยเหลือเป็นระยะเวลา 3 ปี, ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 3 ปี โดยผู้สนใจสามารถสอบถามและเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่โชว์รูม Mitsubishi ทั่วประเทศ
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Attrage ทั้ง 4 รุ่น ประกอบไปด้วย
-Mitsubishi Attrage รุ่น GLX เกียร์ธรรมดา ราคา 472,000 บาท
-Mitsubishi Attrage รุ่น GLX เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 506,000 บาท
-Mitsubishi Attrage รุ่น GLS เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 561,000 บาท
-Mitsubishi Attrage รุ่น GLS LTD เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 599,000 บาท
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Mirage ทั้ง 4 รุ่น ประกอบไปด้วย
-Mitsubishi Mirage รุ่น GLX เกียร์ธรรมดา ราคา 457,000 บาท
-Mitsubishi Mirage รุ่น GLX เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 491,000 บาท
-Mitsubishi Mirage รุ่น GLS เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 557,000 บาท
-Mitsubishi Mirage รุ่น GLS LTD เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 596,000 บาท