เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 6 มีนาคม 2560 - 16:03

Test Drive MG GS 1.5 Turbo ขุมพลังสุดแรง ช่วงล่างสุดเผ็ด เด็ดดวงเลเวลไหน คุณเท่านั้น...เป็นคนตัดสิน

 

           MG GS ยนตรกรรมสปอร์ตครอสโอเวอร์สัญชาติอังกฤษเปิดตัวในฐานะ SUV สุดร้อนแรงภายใต้คอนเซ็ปท์ Follow No Others ซึ่งถือว่าเป็นยนตรกรรมน้องใหม่ในเมืองไทย ที่สร้างปรากฏการณ์และได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถผู้หลงใหลในโลกแห่งความเร็วในวงกว้าง ด้วยขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบ สุดเร้าใจ ที่ให้พละกำลังในการขับเคลื่อนถึง 218 แรงม้า ภายใต้ความคุ้มค่าแบบยากจะปฏิเสธ มาในวันนี้ ทาง MG ได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการปล่อยรุ่นน้อง MG GS 1.5 Turbo เพื่อมาเติมเต็มทางเลือกของผู้ใช้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้ค่าตัวเริ่มต้นเพียง 8.99 แสนบาท

MG GS 1.5 Turbo น้องใหม่แห่งวงการ SUV ที่มาแรงสุดๆ

 

ไฟหน้า HID Projector ให้ทัศนวิสัยที่โดดเด่น คมชัด

 

LED Daylight วางขนาบข้างไฟตัดหมอก

 

            MG GS 1.5 Turbo เปิดตัวในฐานะครอสโอเวอร์ทางเลือกใหม่ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยจุดมุ้งหมายที่ทางค่ายวางเอาไว้ก็คือ เพื่อตอบโจทย์สำหรับคุณสุภาพสตรีที่เน้นใช้งานในเมือง เน้นให้ขับขี่ได้ง่าย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ตามเทรนด์กระแสโลกด้วยการ Down Size เครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กลง แต่ให้ประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้น และยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะที่โดดเด่น ดีไซน์ที่สวยงาม สะกดทุกสายตา ตามปรัชญา Brit Dynamic ที่ทางค่ายยึดถือมาโดยตลอด

 

บั้นทั้ยให้ทัศนวิสัยที่โดดเด่นด้วยไฟท้าย LED

 

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

 

          หลังจากที่เปิดตัวได้ไม่นาน ทางค่าย MG ก็ได้เชิญชวนคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ของ MG GS 1.5 Turbo โดยเส้นทางที่ใช้ก็คือ กรุงเทพฯ – ชัยภูมิ – ขอนแก่น และไปจบที่อุดรธานี ซึ่งนอกจากจะได้พิสูจน์ความเร้าใจของ MG GS 1.5 Turbo แบบเต็มอิ่ม ภายใต้ระยะทางกว่า 600 กม. แล้ว ยังได้สัมผัสถึงการสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่เหนียวแน่น อันเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของ MG ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย โดยการทดลองขับขี่ในครั้งนี้ BoxzaRacing ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ครบครันทุกรูปแบบ ทั้งสมรรถนะการขับขี่ ฟังก์ชั่นการใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย รวมไปถึงการทดสอบอัตราการสิ้นเปลือง ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงที่สุดแห่งความคุ้มค่าของรถสปอร์ตเอสยูวีอย่าง MG GS 1.5 Turbo ในแบบผู้นำที่ไม่จำเป็นต้องตามใคร

 

ช่วงล่างเฟิร์ม อัตราเร่งเยี่ยม เสียงรบกวนไม่เยอะ

 

           ขั้นตอนของการทดลองขับขี่ในครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งก่อนจะออกเดินทาง ผมมีโอกาสได้เดินวนรอบๆ รถเพื่อสัมผัสถึง Diamond Flow Design ที่สวยงาม ตามสไตล์ยนตรกรรมที่มาพร้อมกลิ่นอายแห่งเมืองผู้ดี โดย MG GS 1.5 Turbo มาพร้อมองค์ประกอบที่เรียกได้ว่าลงตัวตั้งแต่หัวจรดท้าย ชนิดที่เรียกได้ว่า มองแค่แว๊บแรก ก็รู้สึกว่าสะดุดตาขึ้นมาในทันที นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยกิมมิคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า HID Projector, ไฟท้าย LED, หลังคา Sunroof ที่วางขนาบด้วยราวเหล็กสำหรับบรรทุกสัมภาระ พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยาง 215/60 R17 หลังจากที่สัมผัสความงามกันจนหายอยาก การเดินทางก็เริ่มขึ้น งานนี้  BoxzaRacing จับคู่อยู่กับสื่อมวลชนชั้นนำอีก 2 ท่าน โดยผมรับบทเป็นผู้โดยสารในตอนหน้าก่อน ทำให้มีโอกาสได้ทดลองฟังค์ชั่น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในตัวรถ MG GS 1.5 Turbo อย่างเต็มที่ เริ่มต้นด้วยระบบความบันเทิงที่ทางค่ายชูจุดเด่นด้วยระบบ inkaNet ที่มีจุดเด่นที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถได้อย่างเข้าถึงยิ่งขึ้น โดยสามารถดูค่าต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างครบถ้วน

 

ห้องโดยสารมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบๆ เพียงพอต่อการใช้งาน

 

พื้นที่โดยสารกว้าง เพิ่มความสะดวกสบายด้วยพนักพิงปรับได้ 14 องศา

 

              ห้องโดยสารของ MG GS 1.5 Turbo ได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราสไตล์ยุโรป ให้อารมณ์ความสุขุมด้วยสีดำสลับแถบ Piano Black ที่ดูมีราคา โดยกลางหน้าปัดเป็นที่อยู่ของหน้าจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว ที่พร้อมรองรับการทำงานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความบันเทิงที่สามารถรองรับอุปกรณ์ได้อย่างครบครัน สามารถเชื่อมต่อได้โดยง่าย รวมไปถึงระบบนำทาง และกล้องมองหลังที่แสดงผลได้อย่างโดดเด่น ชัดเจน เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ให้ความเย็นสบาย ผ่อนคลายในการเดินทางเป็นอย่างดี เบาะนั่งทำจากหนัง โดยด้านคนขับมาพร้อมฟังค์ชั่นปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ซึ่งให้ความรู้สึกในการนั่งแบบสบายๆ ไม่อึดอัด แอบเติมความกระชับเข้าไปอีกนิด ด้วยปีกเบาะที่ยกให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อรองรับฟีลลิ่งการขับขี่ในสไตล์สปอร์ต ส่วนเบาะหลังออกแบบมาให้สามารถพับได้แบบ 60 : 40 และสามารถปรับเอนได้ถึง 14 องศา เพื่อความสบายสูงสุด

 

 

            สำหรับฟีลลิ่งในการเป็นผู้โดยสารตอนหน้า ต้องบอกว่ากำลังสบายและเหมาะกับการเดินทางอย่างยิ่ง ด้วยช่วงล่างที่ปรับเซ็ตมาได้อย่างลงตัว การขับขี่ที่ความเร็วเดินทาง 110-120 กม./ชม. เรียกได้ว่ากำลังกลมกล่อมเลยทีเดียว แต่หากเร็วกว่านี้ อาจมีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารบ้าง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการใช้ความเร็วระดับนี้ สิ่งหนึ่งแอบได้ยินเสียงจากผู้ร่วมเดินทางที่โดยสารในเบาะตอนหลังก็คือ ตัวรถมีอาการดีดเล็กๆ ซึ่งหลังจากได้ทดลองนั่งที่เบาะหลัง ความรู้สึกก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำ – ปานกลาง ในสภาพถนนที่ไม่ราบเรียบ แต่หากขับขี่ในย่านความเร็วสูงๆ (หรือเพิ่มผู้โดยสารตอนหลังอีกสัก 1-2 คน) อาการนี้จะลดลงไปบ้าง ซึ่งเป็นสไตล์ที่ทางค่ายเซ็ตเอาไว้เพื่อสื่อถึงความเป็นสปอร์ตและสามารถรองรับกับการขับขี่ได้ทุกสถานการณ์

 

หมัดเด็ดของ MG GS รุ่นนี้ อยู่ที่ขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่สร้างความเร้าใจได้เกินตัว

 

เทอร์โบขนาดย่อมๆ กับอัตราการบูสต์ที่ 0.9 - 1.4 บาร์

 

            สิ่งที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของ MG GS 1.5 Turbo คงหนีไม่พ้นเรื่องของขุมพลังในพิกัด 1.5 ลิตร เทอร์โบ TGI-TECH ระบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ Twin Clutch 7 สปีด โดยเครื่องยนต์และเกียร์ชุดนี้ เป็นเซ็ตใหม่ที่นำมาใช้กับ MG GS 1.5 Turbo เป็นรุ่นแรก (ต่างจากบล็อค 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ประจำการอยู่ใน MG 5 Turbo) หลังจากที่ให้สื่อมวลชนท่านอื่นได้สัมผัสกันไปเป็นที่เรียบร้อย ก็เป็นทีที่ BoxzaRacing จะได้ลองบ้าง ให้รู้กันไปเลยว่า MG GS 1.5 Turbo จะทำได้ดีขนาดไหน สัมผัสแรกที่เข้าไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็คือ การจัดท่านั่งในรถทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งอาจสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หากระดับของพวงมาลัยสามารถปรับลงได้ต่ำกว่านี้ (สำหรับผู้ขับขี่ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่น่าจะรู้สึกถึงอาการนี้) ในภาพรวมยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจ ทันทีที่ออกรถ เพียงแตะคันเร่งเบาๆ MG GS 1.5 Turbo ก็จะพร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าแรงบิดสูงสุดที่สามารถเรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่ 1,700 รอบ/นาที นั้น ช่วยให้ชีวิตการขับขี่ง่ายขึ้นทั้งในและนอกเมือง ไม่ต้องเค้นคันเร่งแต่อย่างใด การไต่ความเร็วของ MG GS 1.5 Turbo สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ต้น กลาง ปลาย เรียกใช้งานตอนไหน ขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร ก็พร้อมที่จะสำแดงเดชออกมาอย่างน่าประทับใจ จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...นี่คือ เครื่องยนต์ที่มีขนาดเพียง 1.5 ลิตร

 

ทรงตัวโดดเด่น เข้าโค้งมั่นใจแม้ในย่านความเร็วสูง (มาก)

 

 

           สำหรับการขับขี่ในบางช่วง เป็นถนนเลนสวน ต้องมีการเร่งแซงอยู่บ่อยครั้ง แต่ MG GS 1.5 Turbo ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถเร่งแซงได้อย่างเฉียบขาด ทั้งในจังหวะปกติ หรือแม้แต่ในช่วงที่ทดลองใช้โหมดสปอร์ต ที่สามารถขยับความเร้าใจได้มากยิ่งขึ้นด้วยแป้น Paddle Shift ที่ให้การตอบสนองอย่างเฉียบคม ไม่มีอาการรอจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้เลยก็คือ การเซ็ตช่วงล่างมาได้อย่างโดดเด่น โดยหลังจากที่ได้ทดลองสอบถามจากทีมงาน ก็ได้ทราบข้อมูลมาว่า MG GS 1.5 Turbo มีการปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่หมด ซึ่งต่างจากตัว 2.0 ลิตร เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมกล้าพูดได้เลยว่า ช่วงล่างของ MG GS 1.5 Turbo ถูกปรับเซ็ตมาให้รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการขับขี่ในย่านความเร็วสูงที่สามารถทำได้อย่างโดดเด่น มั่นใจได้สูงสุด ไม่ว่าจะสาดโค้งด้วยความเร็วขนาดไหน 120-140 กม./ชม. ตัวรถก็ไม่ออกอาการหลุดให้เราต้องลุ้น เช่นเดียวกับระบบเบรกที่เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการใช้โลหะผสมเซรามิค ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นใจในขณะที่ลดความเร็วได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้แล้ว MG GS 1.5 Turbo ยังอัดแน่นด้วย 13 เทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป อาทิ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS TRACTION CONTROL SYSTEM) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CURVE BRAKE CONTROL) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS STABILITY CONTROL SYSTEM) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR MOTOR CONTROL SLIDE RETAINER) เป็นต้น

 

 

           อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนยังสงสัย คงหนีไม่พ้นเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองของ MG GS 1.5 Turbo ว่าสามารถทำได้น่าประทับใจขนาดไหน สำหรับการขับขี่แบบค่อนข้างใช้ความเร็วที่หลากหลาย มีการเร่งและเบรกอยู่ตลอด บนหน้าจอแสดงอัตราการสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดราวๆ 11.x กม./ลิตร ซึ่งทำให้ตัวผมเอง เกิดความคลางแคลงใจอยู่เล็กน้อย จนกระทั่งได้ทดลองขับแบบเนียนๆ ค่อยๆ ไล่คันเร่งแบบไม่เค้น ในระยะทางราว 110 กม. โดยเติมน้ำมัน E20 ให้เต็มถัง แล้วขับปกติที่ความเร็ว 100-110 กม./ชม. จนกระทั่งถึงที่หมาย เติมน้ำมันเต็มอีกครั้ง (แต่ไม่ได้เขย่าและหยอดจนถึงคอ เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด) น้ำมันที่ใช้ไปทั้งสิ้น คือ 6.71 ลิตร หรือประมาณ 160 บาท

 

           มาถึงตรงนี้แล้ว...ถ้าผมจะแง้มเป็นนัยๆ ว่า MG GS 1.5 Turbo เป็นรถที่ขับสนุกที่สุดในคลาส คุณผู้อ่านจะมีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ อย่าเพิ่งเชื่อ...จนกว่าจะได้ลองครับ ความครบเครื่อง ในราคาที่คุณสัมผัสได้ยังมีให้เห็น ทดลองขับ MG GS 1.5 Turbo ตัวจริงเสียงจริงได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ MG ทั่วประเทศ แล้วคุณจะหลงรักสปอร์ตครอสโอเวอร์ผู้นี้แบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยครับ

 

 

MG GS 1.5 Turbo รุ่น 1.5 D ราคา 890,000 บาท รุ่น 1.5 X ราคา 990,000 บาท

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook