บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์ จากัวร์ (Jaguar) และ แลนด์ โรเวอร์ (Land Rover) ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบ รถยนต์ จากัวร์ (Jaguar) และแลนด์ โรเวอร์ (Land Rover) ได้แก่ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-PACE), จากัวร์ เอ็กซ์ อี (Jaguar XE), จากัวร์ เอ็กซ์ เจ (Jaguar XJ), เรนจ์โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) และ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (Range Rover Sport Hybrid) บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต รวมระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร โดยสื่อมวลชนจะได้สัมผัสสมรรถนะของเครื่องยนต์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ครบครันเพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง
Jaguar F-Page รถ SUV รุ่นแรกจากค่าย Jaguar
จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Page) ถือได้ว่าเป็นการทดสอบวิ่งระยะทางไกลเป็นครั้งแรก โดยสื่อมวลชนจะได้สัมผัสกับรถยนต์ SUV คันแรกที่ผลิตภายใต้แบรนด์รถยนต์ Jaguar สำหรับ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Page) ถือเป็นรถ SUV สมรรถนะสูง ที่ออกแบบขึ้นเพื่อมอบความคล่องตัว การตอบสนองที่ฉับไว และความงามสง่าอันโดดเด่นตามแบบฉบับ Jaguar พร้อมพลศาสตร์ที่เหนือระดับ และประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันที่ครบถ้วน
Jaguar XE
จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) รถยนต์โครงสร้างอะลูมิเนียมระดับพรีเมี่ยม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีสำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อการเข้าถึงทุกแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น InControl Apps บนหน้าจอสัมผัสภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชั่นจุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบ Wi-Fi จากเสาสัญญาณของตัวรถ ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์สื่อสารของคุณได้หลากหลายรูปแบบ
Jaguar XJ
จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ) ล้ำหน้าด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยี และดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา สุดยอดยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดจากจากัวร์ มอบมาตรฐานใหม่ทั้งการดีไซน์ที่เปี่ยมเสน่ห์ และเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราเหนือระดับ การผสานอย่างลงตัวของความ ภูมิฐาน ความงดงามปราดเปรียวและพลังแห่งการพุ่งทะยานอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมการตกแต่งห้องโดยสารภายในที่มอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้โดยสารทุกคน และด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับสภาพถนน และยานพาหนะใกล้เคียงเพื่อเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่อย่างดีเยี่ยม
Range Rover Hybrid
เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ไฮบริดระดับสูงรุ่นล่าสุด ด้วยการนำเอาเครื่องยนต์ดีเซล ไฮบริด เอสยูวี ที่มีสมรรถนะการยึดเกาะพื้นถนนอย่างเต็มรูปแบบมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด ถูกออกแบบ และสร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์อันสุดพิเศษทางด้านสมรรถนะ และอรรถประโยชน์ของผู้ใช้อย่างแท้จริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดต่างๆ สู่โครงสร้างรถ ทำให้ เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด เป็นยานยนต์ไฮบริดที่สมบูรณ์แบบในทุกองศา
Range Rover Sport Hybrid
เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid) รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลซึ่งมีระบบส่งกำลังแบบไฮบริดรุ่นแรกในตลาดรถหรูของเมืองไทย และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮบริดสำหรับรถ SUV รุ่นแรกของโลก พร้อมนำเสนอความเหนือระดับอีกขั้นด้วย การออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้นให้ครอบคลุมทุกสภาวะการขับขี่ ด้วยการผสานเทคโนโลยีไฮบริดเข้ากับโครงตัวถังอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ยานยนต์รุ่นนี้ยังคงความเป็นเลิศในแบบฉบับของเรนจ์ โรเวอร์ อย่างสมบูรณ์
คุณชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด
โดยตามกำหนดการเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ณ โชว์รูมจากัวร์-แลนด์โรเวอร์ พระราม 4 ซึ่งเป็นจุดนัดพบของคณะสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ โดยได้รับเกียรติจากคุณชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบ พร้อมทั้งบรรยายสรุปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทางเทคนิค เพื่อให้ทราบ และเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสมรรถนะของตัวรถ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ทาง Jaguar และ Land Rover ได้บรรจุลงในยนตกรรมรุ่นล่าสุด ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบขับจริง
กองทัพยนตกรรมรุ่นล่าสุดของ Jaguar และ Land Rover เดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.ภูเก็ต
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ทาง Jaguar และ Land Rover ได้เตรียมยนตกรรมรุ่นล่าสุดไว้ให้ได้สัมผัสกันถึง 5 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-PACE), จากัวร์ เอ็กซ์ อี (Jaguar XE), จากัวร์ เอ็กซ์ เจ (Jaguar XJ), เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (Range Rover Sport Hybrid) และ เรนจ์โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) ซึ่งทางทีมงาน BoxzaRacing ถูกจัดให้ได้สัมผัสความเร้าใจบทใหม่ ของยนตกรรม SUV รุ่นแรกจากค่าย Jaguar ภายใต้ชื่อรุ่น F-PACE
Jaguar F-Pace รถ SUV สมรรถนะสูงที่แฝงด้วย DNA ของรถสปอร์ต F-TYPE
สำหรับ Jaguar F-Pace คือรถ SUV สมรรถนะสูงที่แฝงด้วย DNA ของรถสปอร์ตอันได้แรงบันดาลใจจากรุ่น F-TYPE รูปลักษณ์อันบึกบึน ด้วยเส้นสายอันชัดเจนจากฝากระโปรงหน้าสู่โป่งหลัง ให้มุมมองที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา Jaguar F-Pace คือ นิยามใหม่ของขุมกำลัง ความแข็งแกร่ง และรูปทรงที่บริสุทธิ์หมดจดของรุ่น F-TYPE
มุมมองด้านหน้าของ Jaguar F-Pace
มุมมองด้านท้ายของ Jaguar F-Pace
Jaguar F-Pace มาพร้อมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งดุดันพร้อมองค์ประกอบต่างๆ อันเหนือระดับ เช่น ไฟหน้า Full LED ทรงเพรียว ล้อขนาด 22 นิ้ว และโอเวอร์แฮงด้านหน้าสั้น ที่สะท้อนภาพยนตรกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดดีไซน์ของ C-X17 สำหรับ Jaguar F-Pace คือรถยนต์ขนาด 5 ที่นั่ง ที่ให้ความสะดวกสบายในการโดยสารสูงสุด ภายใน คือ การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างวัสดุ และการตกแต่งระดับพรีเมี่ยม ความพิถีพิถันในรายละเอียด และความหรูหรา เช่น เบาะหลังปรับเอนด้วยไฟฟ้า และเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างระบบอินโฟเทนเมนต์ InControl Touch Pro และแผงคอนโซลพร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว
รายละเอียดภายในห้องโดยสารของ Jaguar F-Pace
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ของ Jaguar F-Pace ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกันทั้ง 3 รุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็นรุ่น F-Pace Pure, F-Pace Portfolio และ F-Pace R-Sport ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร ที่สะอาด และให้การตอบสนองดีเยี่ยม มอบสมรรถนะสูงสุดที่ 180 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ และมาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ซึ่งมีน้ำหนักตัวรถที่ 1,665 กก. ให้อัตรเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 8.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 208 กม./ชม. โดยมีอัตราปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 129 กรัม/กม.
Jaguar F-Pace มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตร 180 แรงม้า
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ทางทีมงาน BoxzaRacing ขอบอกเลยว่า Jaguar F-Pace ถือเป็นยนตกรรม SUV ที่ล้ำสมัย และให้การขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ ถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดเท่าที่ Jaguar และ Land Rover เคยจัดทริปทดสอบการขับขี่ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้สื่อมวลชนได้สัมผัสถึงสมรรถนะของตัวรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการขับขี่ในครั้งนี้ทางทีมงานได้ทดลอง Jaguar F-Pace ครบทุกเซกชั่น ไม่ว่าจะเป็นในย่านความเร็วต่ำ จนไปถึงความเร็วระดับ 200 กม./ชม. ที่สะท้อนให้เห็นว่า Jaguar F-Pace ให้สมรรถนะการทรงตัว และการควบคุมที่เหนือชั้น สามารถเอาอยู่ในทุกสถานการณ์ ผสานกับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร กับหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเชื่อต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย คอยให้ความบันเทิงตลอดเส้นทาง รวมไปถึงสมรรถนะของระบบช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวล นั่งสบายตลอดทั้งการเดินทางในครั้งนี้
สำหรับราคาจำหน่ายของ Jaguar F-Pace มีดังนี้
Jaguar XE ยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู
ถัดมาทางทีมงาน BoxzaRacing ได้เปลี่ยนอารมณ์มาขับเจ้า Jaguar XE ยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู โครงสร้างอะลูมิเนียมระดับพรีเมี่ยมแบบโมโนค๊อก ถือเป็นยานยนตสปอร์ตซาลูนที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุด และเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นเลิศ สำหรับดีไซน์ของ Jaguar XE มาพร้อมกับรูปทรงอันสปอร์ตเร้าใจ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวรับกับกระจังหน้าแบบ 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมช่องดักลมในตัว เส้นสายด้านข้างตัวรถออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ Aerodynamic ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED
Jaguar XE มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 200 แรงม้า
ด้านสมรรถนะการขับขี่ถือว่าตอบสนองได้อย่างเหนือชั้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มอบสมรรถนะสูงสุด 200 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตัน-เมตร ที่ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในระยะเวลาเพียง 7.1 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 237 กม./ชม. ภายใต้อัตราการบริโภคน้ำมันที่ 7.5 ลิตร ต่อ 100 กม.
Jaguar XE เข้าถึงทุกแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น InControl Apps
นอกจากนั้น Jaguar XE ยังพร้อมเทคโนโลยีสำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อการเข้าถึงทุกแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนได้ด้วยฟังก์ชั่น InControl Apps บนหน้าจอสัมผัสภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชั่นจุดกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบ Wi-Fi จากเสาสัญญาณของตัวรถ ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์สื่อสารได้หลากหลายรูปแบบ
สำหรับราคาจำหน่ายของ Jaguar XE มีดังนี้
Jaguar XJ ยนตกรรมซีดานพรีเมี่ยมรุ่นใหญ่สุดของ Jaguar
มาต่อกันที่ซีดานพรีเมี่ยมรุ่นใหญ่สุดของ Jaguar กันบ้าง กับ Jaguar XJ ซึ่งในรุ่น ทางทีมงาน BoxzaRacing ถือโอกาสเป็นผู้โดยสารบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ Jaguar XJ นั้น ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่เดินทางบ่อย และมีคนขับรถคอยบริการ เพราะภายในพื้นที่ห้องโดยสารตอนรับจะเรียกว่าห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่เลยก็ว่าได้
สำหรับดีไซน์ของ Jaguar XJ นั้น ถูกออกแบบมาในสไตล์รถหรูฝั่งยุโรปที่มีกลิ่นอายของผู้ดีอังกฤษไว้อย่างสมบูรณ์ โดยมาพร้อมกับไฟหน้าอันโฉบเฉี่ยว เข้าชุดกับกระจังหน้าแบบ 6 เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Jaguar ตัวถังรถแบบยาว ใช้โครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาเพื่อการขับขี่ที่ฉับไวขึ้น และการประหยัดน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ หลังคาแบบมูนลูฟ ไฟท้ายแบบ LED
Jaguar XJ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 200 แรงม้า
ส่วน Jaguar XJ นั้น มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร อัตราส่วนกำลังอัด 10:1 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมด Sport ที่ให้เลือกใช้ Paddle Shift ได้ตามอารมณ์ ให้สมรรถนะสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 - 4,000 รอบ/นาที โดยให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 237 กม./ชม. ภายใต้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 7.5 ลิตร ต่อ 100 กม. และปล่อยไอเสียเพียง 179 กรัม/กม.
ภายในห้องโดยสารตอนท้ายของ Jaguar XJ อันหรูหรา ที่ให้ความสะดวกสบายเหนือระดับ
มาต่อกันที่ไฮไลท์ของเจ้า Jaguar XJ กันบ้าง โดย Jaguar XJ เน้นหนักที่ความหรูหราของภายในห้องโดยสารอย่างที่บอกไปข้างต้น เริ่มจากธีมการตกแต่งภายในด้วยโทนสีแบบผสมที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ในแบบของตัวเอง ออพชั่น Illumination Package ระบบแสงไฮเทคเพื่อการปรับสภาพอารมณ์ตามต้องการ ติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และโดยสารระดับไฮเอนด์ตลอดทั้งคัน ควบคุมเพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านจอทัชสกรีนแบบ 2 มุมมอง นวัตกรรมใหม่จาก และสำหรับผู้โดยสาร Jaguar ได้ติดตั้งระบบ Jaguar New Rear Seat Comfort Package ที่นั่งปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า การปรับระดับช่วงเอว และฟังก์ชั่นการนวดผ่อนคลาย พร้อมมีจอทีวี และที่วาง Notebook พร้อมที่พักแขน และที่วางแก้วกาแฟในตัว สำหรับผู้โดยสารตอนท้าย ซึ่งทางทีมงาน BoxzaRacing ได้ทดลองใช้ลูกเล่นต่างๆ ของผู้โดยสารตอนหลัง และต้องขอบอกเลยว่า Jaguar XJ ให้ความสะดวกสบาย หรูหรา ที่เหนือระดับจริงๆ
สำหรับราคาจำหน่ายของ Jaguar XJ มีดังนี้
XJ 2.0 i4 LWB Premium Luxury เบนซิน 2.0 ราคา 7,999,000 บาท
Range Rover Sport Hybrid
หลังจากที่ได้สัมผัสความสะดวกสบายที่เหนือระดับภายใต้ความนุ่มนวล เงียบ และนั่งสบายของ Jaguar XJ กันไปแล้ว ก็ถึงคราวที่ทางทีมงาน BoxzaRacing ต้องย้ายมาทดสอบสมรรถนะของรถ SUV แบบ Hybrid จากค่าย Land Rover กันบ้าง กับเจ้า Range Rover Sport Hybrid
สำหรับ Range Rover Sport Hybrid มาพร้อมการออกแบบในเอกลักษณ์เฉพาะของ Range Rover อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มจากด้านหน้าที่มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อม Daytime Running Light อันโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าแบบแนวนอน พร้อมประทับตา Range Rover ที่ด้านหน้าฝากระโปรง ไฟตัดหมอกด้านหน้าแบบ LED ออกแบบไว้ภายในกันชนหน้าทรงสปอร์ต ดีไซน์ตัวรถแบบ 5 ที่นั่ง ท้ายสั้น ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยด์แบบใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านความเร็ว ด้วยรูปทรงแบบ Aerodynamic ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน
Range Rover Sport Hybrid มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร SDV6 ผสานกับมอเตอร์ขนาด 35 กิโลวัตต์ 340 แรงม้า
ด้านสมรรถนะของ Range Rover Sport Hybrid มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร SDV6 ผสานกับมอเตอร์ขนาด 35 กิโลวัตต์ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกใน Range Rover โดยมอบสมรรถนะสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-3,000 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 6.9 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 218 กม./ชม. ภายใต้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 6.4 ลิตร ต่อ 100 กม. พร้อมทั้งติดตั้งนวัตกรรมล่าสุดทางด้านวิศวกรรม ที่ให้การโอนถ่ายพลังงานระหว่างแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยระบบการเบรกจ่ายพลังงานคืน
สำหรับราคาจำหน่ายของ Range Rover Sport Hybrid มีดังนี้
Range Rover Hybrid
ปิดท้ายกันด้วยพี่ใหญ่สุดในทริป กับ Range Rover Hybrid ซึ่งถือเป็นยนตกรรมรุ่นเรือธงของค่าย Range Rover เลยก็ว่าได้ โดยภายใต้รถ SUV ไซส์ยักษ์คันนี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ผสานกับระบบช่วงล่างที่เลือกปรับได้ตามสถานการณ์
ด้านดีไซน์ของ Range Rover Hybrid ยังคงเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะของ Range Rover ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าถ้าหันไปมองเพียงแว๊บเดียวก็รับรู้ได้ว่านี้คือ Range Rover ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไฟหน้า กระจังหน้าแนวนอนพร้อมตะแกรงแบบรังผึ้ง กันชนหน้าแบบเป็นชุดเดียวกับบอดี้ ซึ่งการออกแบบทั้งหมดของ Range Rover Hybrid เน้นหนักไปที่หลักอากาศพลศาสตร์ Aerodynamic ซึ่งถึงแม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้านสมรรถนะการขับขี่เฉกเช่นเดียวกับรถสปอร์ตเลยทีเดียว
Range Rover Hybrid มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0L SDV6 340 แรงม้า
สำหรับ Range Rover Hybrid มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถเลือกปรับรายละเอียดได้ตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น Mud, Snow, 4H และ 4L รวมไปถึงการปรับระดับความสูง-ต่ำของตัวรถ เพื่อให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ส่วนขุมพลังของเจ้า Range Rover Hybrid มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0L SDV6 ผสานกับมอเตอร์ขนาด 35 กิโลวัตต์ โดยมอบสมรรถนะสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งจาก 0-100 ภายในเวลาเพียง 6.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กม./ชม. ภายใต้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 6.4 ลิตร ต่อ 100 กม. พร้อมทั้งติดตั้งนวัตกรรมล่าสุดทางด้านวิศวกรรม ที่ให้การโอนถ่ายพลังงานระหว่างแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยระบบการเบรกจ่ายพลังงานคืน
สำหรับราคาจำหน่ายของ Range Rover Hybrid มีดังนี้
ยนตกรรมจาก Jaguar และ Land Rover
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ต้องขอบอกเลยว่าครบถ้วนทุกอรรถรส ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ภายใต้ยนกรรมของ Jaguar และ Land Rover โดยหากท่านใดที่สนใจ และอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ Jaguar และ Land Rover ในประเทศไทย หรือติดต่อได้ที่โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ โทร. 02-666-7500 และ Email: sales@jaguarlandroverthailand.com พร้อมทั้งสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.jaguarthailand.com และ www.landroverthailand.com