บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการยนตรกรรมหรู ด้วยการเปิดตัว 2 รุ่น ยอดนิยมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz CLA ใหม่ รวมไปถึง C-Class Coupé รุ่นประกอบในประเทศ จากนั้นไม่นาน ทางค่ายดาวสามแฉกก็เชิญชวนคณะสื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ เพื่อพิสูจน์ถึงสมรรถนะแบบเต็มขั้น ภายใต้ความหรูหราตามแบบฉบับของทางค่าย
Mercedes Benz CLA 200 Urban
Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic
Mercedes Benz CLA 250 Shooting Brake AMG Dynamic
สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ ทางค่ายได้จัดรถทดสอบมาให้ได้ลองขับกันอย่างจุใจถึง 5 รุ่น ซึ่งประกอบไปด้วยรถยนต์ในกลุ่ม Compact Car อย่าง The new CLA ที่มากันครบครันทั้ง CLA 200 Urban และ CLA 250 AMG Dynamic สปอร์ตซีดาน 4 ประตู ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์สุดโฉบเฉี่ยว รวมถึง CLA 250 Shooting Brake AMG Dynamic ยานยนต์สปอร์ตคอมแพกต์แบบ 5 ประตู ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่นพี่อย่าง The C-Class Coupé ยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่ม Dream Car ที่ประกอบในประเทศไทย ให้ได้สัมผัสสมรรถนะกันอย่างเต็มอิ่มบนเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 300 กม.
ด้วยความที่มีรถมาให้ทดลองขับกันหลายรุ่น การจะเลือกทดลองขับรุ่นใดรุ่นหนึ่ง คงทำให้รู้สึกเหมือนกันรักพี่ เสียดายน้อง ทาง Mercedes Benz จึงใช้วิธีแบบบ้านๆ โดยการจับฉลากเลือกรถที่ได้ทดลองขับ ซึ่งรุ่นที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับในครั้งนี้ก็คือ Mercedes Benz CLA 200 Urban ในช่วงขาไปจากกรุงเทพฯ – พัทยา และ Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic ในช่วงเดินทางกลับ
สำหรับ Mercedes Benz CLA 200 Urban มาพร้อมดีไซน์ที่มีความโดดเด่น โดยการผสานความเป็นสปอร์ต ปราดเปรียว และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ดูสุขุมตามแบบฉบับของทางค่ายด้วยกระจังหน้า Diamond Grille สีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes Benz จับคู่กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมกับชุดอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ, ไฟหน้าแบบ LED High Performance, ไฟ Daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบ ไฟหน้า และไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด เช่นเดียวกับในส่วนของห้องโดยสารที่ได้รับการแต่งแต้มอารมณ์ความสุขุม ภายใต้ความเป็นสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมขุมพลังเบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ในพิกัด 1,595 ซีซี. ให้แรงม้า 156 ตัว ที่ 5,300 รอบ/นาที และแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร แบบยาวๆ ตั้งแต่ 1,250-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G TRONIC PLUS พร้อมจำหน่ายในราคา ราคา 2,140,000 บาท
ขุมพลัง 1.6 ลิตร เทอร์โบ กับสมรรถนะที่เร้าใจเกินตัว
ห้องโดยสารกับลุคคลีนๆ ชวนสัมผัส
Mercedes Benz CLA 200 Urban ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมลูกเล่นที่มีความโดดเด่นอย่างปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation SD-Card Navigation), ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และมาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถ พับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 ตามความต้องการ, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 12 สี พร้อมทั้งพื้นที่เก็บบรรทุกสัมภาระด้านหลังที่มีความจุถึง 495-1,354 ลิตร นับเป็นความจุสูงสุดของรถยนต์หรูในเซ็กเมนต์นี้ ซึ่งพื้นที่นี้สามารถรองรับสัมภาระได้อย่างหลากหลาย ซึ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับได้อย่างลงตัว
ในภาพรวมของความเป็น Mercedes Benz ถือว่ารังสรรค์ CLA 200 Urban ออกมาได้ตรงตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง สิ่งแรกที่อดชื่นชมไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของอารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในระดับที่ควรจะเป็น ขุมพลังในพิกัด 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้การตอบสนองได้อย่างโดดเด่นเกินตัว พร้อมรับกับทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว โดยผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Eco, Comfort, Sport หรือ Individual ซึ่งในแต่ละโหมดนั้น ให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และช่วงล่างได้อย่างชัดเจน นอกจากจะทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังทรงตัวได้อย่างมั่นใจ แม้จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง เช่นเดียวกับชุดเบรกที่มีพละกำลังเกินตัว พร้อมที่จะสยบความเร็วได้ทุกระดับ ซึ่งเมื่อรวมกับค่าตัวเพียง 2.14 ล้าน จัดว่า Mercedes Benz CLA 200 Urban เหมาะกับสายหรูรุ่นใหม่ ที่ยังคงรักความเป็นสปอร์ต และสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยรายจ่ายในการผ่อนต่อเดือนต่ำสุดเพียง 1 % หรือ 21,400 บาท เท่านั้น
Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic
ส่วนในช่วงขากลับ BoxzaRacing ได้ทดลองขับ Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic ที่มาพร้อมความเร้าใจในระดับที่สูงขึ้น ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ต รวมถึงขุมพลังที่มีแรงม้าสูงกว่า 200 ตัว โดย C-Class Coupé เป็นยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่ม Dream Car ที่ประกอบในประเทศไทย นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มยนตรกรรมสปอร์ต 2 ประตู ระดับพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง โดยดีไซน์ภายนอกของ Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic มาพร้อมความแข็งแกร่ง โฉบเฉี่ยว อัดแน่นด้วยความเร้าใจมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในห้องโดยสารที่แต่งแต้มให้ดูเคร่งขรึม เรียบง่าย แต่แฝงด้วยความเป็นสปอร์ต เร้าใจเต็มขั้น พร้อมเต็มอิ่มกับสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยระดับผู้นำ เช่น ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ, ระบบช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุ และระบบไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพถนน, กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (360 Degrees Camera), หลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟ, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า และระบบเครื่องเสียง Burmester® พร้อมระบบ DSP amplifier แบบรอบทิศทาง พร้อมลำโพง 13 ตัว เช่นเดียวกับรุ่นใหญ่อย่าง S-Class
ด้านขุมพลัง Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic มาพร้อมเครื่องยนต์ในพิกัด 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นบล็อคเดียวกับ CLA 250 แต่ต่างกันที่เรื่องเลย์เอาท์ของระบบขับเคลื่อน ซึ่ง CLA ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วน C-Coupe มาในแบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยเครื่องยนต์บล็อคนี้ มาในรูปแบบเบนซินไดเร็คอินเจ็คชั่นเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,991 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดแบบเหนือชั้น 350 นิวตัน-เมตร แบบยาวๆ ตั้งแต่ 1,200-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ 7G TRONIC PLUS พร้อมเติมอารมณ์ทุกการขับขี่ด้วย Paddle Shift
ขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบบล็อคนี้ ให้การตอบสนองที่โดดเด่น เร้าใจเกินคำบรรยาย
สีสันภายใน กับสไตล์ที่บ่งบอกถึงความเร่าร้อน
หลังจากที่ได้ทดลองขับ Mercedes Benz C 250 Coupé AMG Dynamic มาพอสมควรก็พบว่า นอกจากเรื่องของสไตลืที่โดดเด่นของตัวรถแล้ว สิ่งที่สร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างน่าประทับใจ นั่นก็คือ เรื่องของอัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างเฉียบคม ทั้งจากการออกตัวตั้งแต่หยุดนิ่ง (โรงงานเคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 6.8 วินาที) รวมถึงการเร่งแซงที่ทันอกทันใจตามแรงที่สัมผัสแป้นคันเร่ง โดยเฉพาะในโหมด Sport+ ผสานประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนตืและช่วงล่างได้อย่างกลมกล่อม สัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่ทางค่ายอยากให้สปอร์ตคูเป้ผู้นี้ ใกล้เคียงกับคำว่าอารมณ์ Racing ให้ได้มากที่สุด โดยยังคงไม่เสียอรรถรสแห่งความสะดวกสบาย และด้วยความครบเครื่องด้วยประการทั้งปวงที่กล่าวมานี้ ภาพลักษณ์ อารมณ์สปอร์ต ความหรูหรา สมรรถนะ ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ 3,590,000 บาท ถือว่าเป็นสปอร์ตอีกหนึ่งรุ่นที่เรียกได้ว่า...จบได้แบบไม่คาใจจริงๆ ครับ
