เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 17 ตุลาคม 2559 - 14:53

Mini Track Day ขีดสุดแห่งประสบการณ์สุดเร้าใจ ภายใต้สมรรถนะที่เหนือชั้นเกินบรรยาย

          มินิ ประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดเร้าใจในชื่อ Mini Track Day โดยเชิญชวนสื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนาน ในสนามแข่งรถแก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพชรบุรี กับยนตรกรรมผู้เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อย่าง Mini หลากหลายรุ่น นำทีมโดย Mini John Cooper Works เจนเนอเรชั่นล่าสุดที่มาพร้อมขีดสุดแห่งความเร้าใจ รวมไปถึงยนตรกรรม Mini รุ่นอื่นๆ ทั้ง Clubman หรือแม้แต่ Mini Convertible ที่ให้เอกลักษ์และความโดดเด่นไม่แพ้กัน  

 

คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย

 

          กิจกรรม Mini Track Day ได้รับเกียรติจาก คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวถึงความสำเร็จเพื่อต่อยอดความสำเร็จของ Mini ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคหรูของเมืองไทย ทางบริษัทจึงจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับอีกด้านของประสบการณ์การขับขี่แบบ Mini เพราะนอกเหนือจากดีไซน์อันโดดเด่นที่เติมเต็มทุกอารมณ์แล้ว Mini ทุกรุ่น ยังมีสมรรถนะและความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

 

 

          สำหรับกิจกรรม Mini Track Day ในครั้งนี้ ทางค่ายได้จัดยนตรกรรมผู้เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์มาเปิดประสบการณ์ความเร้าใจกันแบบครบทุกรุ่น ไล่มาตั้งแต่ขีดสุดแห่งความเร้าใจอย่าง Mini John Cooper Works, Mini Cooper S, Mini Cooper S Convertible, Mini Cooper S Clubman และ Mini Cooper SD All4 Countryman โดยแต่ละคันที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับในสนามแข่งแก่งกระจานเซอร์กิต จะขับทั้งสิ้น 6 รอบสนาม รวม 5 รุ่น กว่า 30 รอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการสัมผัสความเร้าใจกันแบบเต็มอิ่มเลยทีเดียว

 

Mini John Cooper Works

 

 

          ด้วยความเป็นสายซิ่งอย่างเรา ผมไม่รีรอที่จะออกสตาร์ทด้วยรุ่นที่มาพร้อมขีดสุดแห่งความเร้าใจอย่าง Mini John Cooper Works ซึ่งแน่นอนว่า...เจ้านี่ คือ Mini ที่แรงและเร้าใจที่สุดตั้งแต่เคยมีมา กับตัวเลขแรงม้าถึง 231 ตัว ที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,250 รอบ/นาที จากขุมพลัง Mini TwinPower Turbo แบบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ซึ่งดูจากตัวเลขแรงบิดแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่า Mini รุ่นนี้ เป็นรถที่พร้อมสร้างความสนุกสนาน เร้าใจตั้งแต่เริ่มสัมผัสคันเร่งเลยทีเดียว ในส่วนของฟีลลิ่งการขับขี่นั้น ต้องบอกว่าให้ขีดสุดแห่งความมั่นใจในแบบฉบับความเป็น Gokart Feeling ทั้งในเรื่องของสมรรถนะจากช่วงล่างที่แน่นหนึบ รวมไปถึงสุ้มเสียงที่กระชากอารมณ์ความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะต้องเจอกับโค้งหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของ Mini John Cooper Works เนื่องจากตัวรถสามารถก้าวผ่านโค้งต่างๆ ไปได้อย่างมีเสถียรภาพ ไม่มีอาการหลุด หรือทำให้เหวอ ซึ่งส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้ลิมิเต็ดสลิปแบบไฟฟ้า ที่ช่วยดึงให้ตัวรถเกาะโค้งได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมีระบบตัวช่วยควบคุมเสถียรภาพต่างๆ ช่วยเก็บอาการของตัวรถได้แบบอยู่หมัด เช่นเดียวกับระบบเบรคขนาดใหญ่ที่เติมเต็มประสิทธิภาพในการสยบความเร็วได้อย่างใจสั่ง

Mini John Cooper Works ราคา  3,450,000 บาท

 

Mini Cooper SD All4 Countryman

 

 

          หลังจากได้สัมผัสของแรงกันมาพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาปรับอารมณ์มาอยู่กับ Mini Cooper SD All4 Countryman รุ่นใหญ่ที่พร้อมสะกดทุกสายตา ที่มาในสีสันและภาพลักษณ์ที่มีความโดดเด่น ซึ่งแม้ว่าโดยรวมแล้ว จะได้รับการออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์การใช้งานทั่วๆ ไป แต่เมื่อลองทำการขับขี่ในสนาม ก็ต้องบอกว่า รถคันนี้กลับทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะเรื่องของประสิทธิภาพในการทรงตัวที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างน่าพอใจ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ดีเซลในพิกัด 2.0 ลิตร 143 แรงม้า ที่โดดเด่นในเรื่องแรงบิดที่สูงถึง 305 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่รอบต่ำ ผนวกกำลังกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยให้ Mini Cooper SD All4 Countryman เป็นรถที่มีความคล่องตัว และพร้อมตอบโจทย์การใช้งานในทุกๆ รูปแบบ

Mini Cooper SD All4 Countryman ราคา 2,590,000 บาท

 

Mini Cooper S Clubman

 

 

          รุ่นที่ 3 ที่ได้ทดลองขับในสนามแก่งกระจานเซอร์กิตก็คือ Mini Cooper S Clubman ซึ่งแน่นอนว่าเราๆ ท่านๆ ทราบกันดีว่า นี่คือ Mini ที่ใหญ่ ทันสมัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีการนำระบบไฟฟ้ามาใช้เพื่อปรับรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปมากขึ้น ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 27 ซม. กว้างขึ้น 9 ซม. และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 ซม. เมื่อเทียบกับ Mini Hatch 5 ประตู โดยรุ่นนี้ พร้อมตอบรับทุกการใช้งานด้วยช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร ทั้งยังสะดวกสบายด้วยการเปิดประตูแบบไม่ต้องสัมผัส เพียงใช้เท้าจ่อบริเวณใต้กันชนท้ายเมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น

Mini Cooper S Clubman ราคา 3,288,000 บาท

 

Mini Cooper S Convertible

 

 

          อีกหนึ่งรุ่นที่มีความโดดเด่น และถือเป็นไฮไลท์สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ก็คือ Mini Cooper S Convertible ที่มาพร้อมคอนเซ็ป Stay Open ภายใต้ดีไซน์ที่โดดเด่น พร้อมเปิดประสบการณ์ในการขับขี่ได้อย่างหลากหล่ายยิ่งขึ้น โดยหลังคาผ้าใบสามารถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าด้วยเวลาเพียง 20 วินาที และสามารถเปิด-ปิดในขณะที่รถวิ่งได้ที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. หลังคารถหรือซอฟต์ท็อปผลิตจากวัสดุผ้าทอพิเศษ ด้วยวัสดุป้องเสียงหลายชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดที่ว่า...ถ้าปิดหลังคาแล้ว แทบไม่รู้สึกต่างจากรุ่นปกติเลย ด้านระบบขับเคลื่อนเต็มพลังทุกย่างก้าวด้วยเครื่องยนต์เบ็นซิน Mini TwinPower Turbo ในพิกัด 2.0 ลิตร 192 แรงม้า ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.1 วินาที พร้อมระบบรองรับสุดเฉียบในแบบฉบับความเป็น Gokart Feeling ที่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ตั้งแต่ Sport, Mid และ Green ซึ่งการขับขี่ในแต่ละโหมดนั้น ให้อารมณ์และความสบายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของช่วงล่าง รอบเครื่องยนต์ รวมถึงความไวในการตอบสนอง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คู่กับ Mini Cooper S Convertible ในทุกโหมด ก็คือ ความมั่นใจและความสนุกสนานในการขับขี่ตามแบบฉบับของตัวรถ

Mini Cooper S Convertible ราคา 3,050,000 บาท

 

Mini Cooper S Hatch 5 ประตู

 

 

          ปิดท้ายความเร้าใจในกิจกรรม Mini Track Day กันด้วย Mini Cooper S ที่ได้รับการแต่งแต้มความเร้าใจอีกระดับด้วยเครื่องเคียงจาก John Cooper Works ซึ่งทาง Mini จัดมาให้ลองทั้งรุ่น 3 และ 5 ประตู สำหรับชุดแต่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาในรุ่นนี้ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่งแอโรไดนามิค, ล้ออัลลอย Cup Spoke ขนาด 18 นิ้ว ภายในมาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบสเต็ปโทรนิค สปอร์ต ตกแต่งด้วยพวงมาลัยหนัง JCW หัวเกียร์หนัง แท่นเหยียบสแตนเลส และที่วางเท้า ช่วงล่างที่มีระบบ Dynamic Damper Control ไฟหน้าแบบ LED และสุดยอดระบบเครื่องเสียง Harman Kardon ที่ช่วยเพิ่มสุนทรียะแห่งการขับขี่ ซึ่งนอกจากจะขับสนุกแล้ว ยังพร้อมสร้างความผ่อนคลายในทุกการเดินทางอีกด้วย

Mini Cooper S Hatch 3 ประตู ราคา 2,990,000 บาท

Mini Cooper S Hatch 5 ประตู ราคา 3,030,000 บาท

 

 

          นอกเหนือจากสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นของ Mini ทุกรุ่นแล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้ากับโปรแกรม Mini Service Inclusive อภิสิทธิ์พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถมินิ คุ้มครองรถให้ขับเคลื่อนไปในทุกเส้นทางอย่างราบรื่น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือตลอดระยะทาง 100,000 กม. โดย Mini ยังเพิ่มทางเลือกด้วยโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook