Toyota Camry 2.5G รุ่นปรับปรุง
Toyota Camry เจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย (เจนเนอเรชั่นที่ 7 ในโลก) เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2555 ก่อนจะมีการปรับโฉมช่วงต้นปี 2558 ซึ่งการปรับโฉมในครั้งนั้น มาพร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่บล็อค 2.0 ลิตร ล่าสุดที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-iW และการจ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงสู่ห้องเผาไหม้ D-4S ซึ่งถือว่าสร้างความฮือฮาพอสมควรในช่วงเวลานั้น ตามมาด้วยเครื่องยนต์ในพิกัด 2.5 ลิตร รวมไปถึงรุ่นท็อปคลาสที่มาในรูปแบบไฮบริด อันเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบซีดานระดับพรีเมี่ยม ล่าสุดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ทางค่าย Toyota ได้เติมเต็มความต้องการให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วยการปล่อย Toyota Camry รุ่นปรับปรุงใหม่ ด้วยลูกเล่นต่างๆ ที่ใส่เข้าไปเพื่อสร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้เหนือระดับยิ่งขึ้น
หลังจากปล่อยรุ่นปรับปรุงมาได้ไม่นาน ทาง BoxzaRacing ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมสัมผัสสมรรถนะของ Toyota Camry 2.5G ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นท็อปสำหรับ Camry ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน โดยอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่ามีการเพิ่มลูกเล่นและระบบความปลอดภัยเพิ่มเข้าไปอีกเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนสิ่งกีดขวางหรือรถที่วิ่งผ่านขณะถอยหลัง, สัญญาณเตือนมุมอับสายตาบริเวณกระจกมองข้าง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งและกระจกมองข้างสำหรับผู้ขับขี่ 2 หน่วยความจำ, อัพเกรดระบบเครื่องเสียงจาก JBL ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ รวมไปถึงมีการปรับภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรายิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าสีดำ ซึ่งเมื่อเทียบค่าตัวที่เพิ่มขึ้น 30,000 บาท (ราคาในปัจจุบัน 1,599,000 บาท) กับสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ถือว่าสมเหตุสมผลเลยทีเดียว นอกจากที่ยังเพิ่มทางเลือกใหม่ที่แฟนๆ เรียกร้องด้วยสีขาวมุก (White Pearl) เฉพาะในรุ่น 2.5G เท่านั้น
ขุมพลัง 2AR-FE ให้ความเร้าใจในการขับเคลื่อนถึง 181 แรงม้า
ขุมพลังที่ประจำการอยู่ใน Toyota Camry 2.5G ยังคงเป็นเครื่องยนต์รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว Dual VVT-i ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อน 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที รองรับเชื้อเพลิง E20 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ส่วนช่วงล่างของ Toyota Camry 2.5G (รวมถึงรุ่นอื่นๆ) จะใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง, ด้านหลังเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัทแบบ Dual-Link, ระบบเบรคหน้าเป็นดิสค์เบรคพร้อมช่องระบายความร้อน, ระบบเบรคหลังเป็นดิสค์เบรค และพวงมาลัยไฟฟ้า ESP ปรับความหนืดได้ตามความเร็วในการขับเคลื่อน พร้อมจัดระบบความปลอดภัยมาให้แบบครบครัน ไล่มาตั้งแต่ ถุงลมและม่านนิรภัย 7 ตำแหน่ง ระบบเบรค ABS, EBD และ BA, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ที่ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบช่วยออดตัวบนทางลาดชัน
ห้องโดยสารของ Toyota Camry 2.5G ได้รับการดีไซน์ให้มีความหรูหรา ดูกว้างขวาง สบายตาด้วยสีเบจ มาตรวัดมาในรูปแบบเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน, ระบบปรับเบาะไฟฟ้า 8 ทิศทางฝั่งคนขับ กับระบบปรับเบาะด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทางฝั่งผู้โดยสาร, ม่านบังแดดควบคุมด้วยไฟฟ้าในด้านหลัง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบความบันเทิงแบบสัมผัสพร้อมระบบนำทาง ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ความบันเทิงผ่านทาง USB และ AUX รวมถึงอีกหนึ่งไฮไลท์อย่างแท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
เส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ เริ่มแรกด้วยการทดลองใช้ฟังค์ชั่นและระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ศูนย์ Toyota Driving Experience Park ซึ่งนอกจากจะได้ทดลองลองใช้ระบบเตือนสิ่งกีดขวางหรือรถที่วิ่งผ่านขณะถอยหลัง และตัวช่วยความปลอดภัยอย่าง VSC และ TRC แล้ว ยังได้สัมผัสกับความนุ่ม เงียบ และประสิทธิภาพการดูดซับแรงสั้นสะเทือนที่ยอดเยี่ยมของ Toyota Camry 2.5G บนสภาพถนนจำลอง ณ ศูนย์ทดสอบรถยนต์ของ Toyota แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทดลองและสัมผัสในสถานที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่มีผลที่พิสูจน์ออกมาให้เห็นว่า ระบบต่างๆ ที่ใส่มาให้นั้น สามารถช่วยได้จริงในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ที่ความเร็วสูง ตัวรถยังคงนิ่ง มั่นใจทุกเส้นทาง
หลังจากที่เสร็จสิ้นการทดลองขับ ณ Toyota Driving Experience Park ก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยทริปนี้คณะ Toyota Camry 2.5G จะมุ่งหน้าสู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในลักษณะกึ่งๆ ฟรีรัน ในช่วยแรกของการเดินทาง สภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นตามสไตล์ของทางด่วนจากบางนา กม.8 มุ่งหน้าพระราม 2 เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองเล่นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายในการเดินทางได้อย่างน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นสุนทรียภาพจากชุดเครื่องเสียงและลำโพงจาก JBL ที่เพิ่มขึ้นเป็น 12 ตัว ใน 8 ตำแหน่ง หรือความสะดวกสบายของเบาะนั่งที่ดีไซน์มาให้รับกับสรีระอย่างลงตัว ทำให้การจัดท่าทางการขับขี่ทำได้อย่างเหมาะสม พอหลุดช่วงชานเมืองมาได้ มีโอกาสได้ทำความเร็วเพิ่มขึ้น โดยความเร็วที่ใช้หลักๆ อยู่ที่ประมาณ 120-140 กม./ชม. ค่อยๆ เร่งและขับขี่อย่างนุ่มนวลเพื่อให้ทราบอัตราการสิ้นเปลืองในรูปแบบที่ใกล้เคียงการใช้งานจริง โดยการขับขี่ที่ความเร็วในระดับนี้ ตัวรถให้การทรงตัวที่น่าพอใจ นุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ เสียงและแรงสั่นสะเทือนที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสาร ก็ไม่ได้มากจนสร้างความรำคาญในขณะขับขี่ พวงมาลัยให้การตอบสนองที่กำลังดีตามสไตล์ของรถประเภทนี้ เช่นเดียวกับในส่วนของเครื่องยนต์ที่แสดงออกให้เห็นถึงพละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน ภายใต้อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่แสดงบนหน้าจอราว 12.7-13.x กม./ลิตร ซึ่งถือว่าทำได้น่าพอใจเลยทีเดียว
ความนุ่ม เงียบ คือ อีกหนึ่งหัวใจหลักของ Toyota Camry 2.5G
หลังจากที่แวะพักเพื่อเปลี่ยนคนขับ ผมมีโอกาสได้ทดลองนั่งในบริเวณห้องโดยสารตอนหลัง ซึ่งจัดว่าเป็นไฮไลท์ของซีดานระดับพรีเมี่ยม ความรู้สึกที่ได้สัมผัสคงหนีไม่พ้นความสะดวกสบายจากพื้นที่ใช้สอยที่กว้างและดูโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเบาะ รวมไปถึงบริเวณพื้นที่วางเท้าที่มีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ สามารถยืดแข้งยืดขาได้อย่างสบายๆ ระบบปรับอากาศสามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง
ยังคงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าใช้เสมอ สำหรับ Toyota Camry 2.5G ด้วยคุณภาพที่มีความเป็นมาตรฐานในแบบฉบับของทางค่าย ซึ่งหลังจากที่ได้ทดลองขับในครั้งนี้แล้ว Toyota Camry 2.5G ยังคงพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า ซีดานระดับพรีเมียมผู้นี้ เป็นรถที่เหมาะกับผู้ที่ชอบความหรูหราทุกรูปแบบอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าคุณจะขับเอง หรือจะเป็นผู้โดยสารในเบาะตอนหลัง ตัวรถก็พร้อมจะสร้างสุนทรียภาพแห่งการเดินทางให้คุณได้ในทุกๆ ที่อย่างแท้จริง