เมื่อไม่นานมานี้ ทางวอลโว่ ประเทศไทย ได้เชิญชวนคณะสื่อมวลชนร่วมสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum หลังจากที่เปิดตัวในประเทศไทยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยการมาของ Volvo XC90 ในเจนเนอเรชั่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการแห่งโลกยนตรกรรมยุคใหม่ที่อัดแน่นด้วยขีดสุดแห่งสมรรถนะ ความปลอดภัยเหนือระดับ รวมไปถึงความสะดวกสบายในสไตล์ยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยม
Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum
Volvo XC90 เป็นบทบัญญัติใหม่ในประวัติศาสตร์ของรถยนต์ Volvo บนแพลตฟอร์มใหม่ Scalable Product Architecture โดยรุ่นที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับในครั้งนี้ ก็คือ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum ซึ่งถือเป็นรุ่น Top ที่มาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ Twin-Engine อันเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร จับคู่กับคุณสมบัติที่โดดเด่นของระบบอัดอากาศทั้งเทอร์โบ และซูเปอร์ชาร์จ รวมไปถึงมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว อันเป็นที่มาของพละกำลังสูงสุดในพิกัด 407 แรงม้า และแรงบิดในระดับ 640 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Geartronic ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ
ขุมพลัง T8 Twin Engine พิกัด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ซูเปอร์ชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า
โหมดการขับขี่ที่จัดมาให้ใน Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum มีด้วยกันทั้งสิ้น 6 โหมด ไม่ว่าจะเป็น Hybrid ที่เป็นโหมดเริ่มต้น ผสานระหว่างเครื่องยนต์ กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ โดยจะใช้แยกกันหรือควบคู่กัน ตามความจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ เพื่อให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลภาวะไอเสียมากที่สุด, Pure ใช้งานเมื่อแบตเตอรี่ไฮบริดชาร์จไฟเต็ม โดยจะวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนที่ล้อหลังเพียงอย่างเดียว โดยสามารถวิ่งได้ไกลที่สุดถึง 40 กม. แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่กดคันเร่งหนักหน่วงจนเกินไปจนเครื่องยนต์ทำงาน โหมดต่อไป คือ Power เป็นการใช้พลังงานร่วมระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและการตอบสนองที่ดีที่สุด, โหมด AWD ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สั่งงานการขับเคลื่อนทุกล้อโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน โดยส่วนใหญ่จะทำงานที่ความเร็วต่ำและบนถนนลื่น, Off-Road: โหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะถนนของรถให้ดีขึ้นเมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ไม่ดี ภายใต้ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. ในโหมดนี้จะประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นของระบบช่วยในการลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control) ปิดท้ายด้วยโหมด Individual เป็นโหมดเฉพาะของผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งไว้กับตัวกุญแจรถรีโมทเกี่ยวกับโปรไฟล์ของผู้ขับขี่ได้ นอกจากนี้ยังมีออพชั่นให้เลือกปรับเปลี่ยนคุณลักษณะส่วนบุคคล เช่น เลือกการตอบสนองของพวงมาลัย ระบบบังคับเลี้ยว ความตื้นลึกของเบรก และการเลือก Drive Mode ที่ต้องการ
นอกจากนี้แล้ว Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมาย ตามแบบฉบับของทางค่ายภายใต้สโลแกน Volvo for Life ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่ เริ่มตั้งแต่ระบบ Auto braking at intersections ระบบเบรกอัตโนมัติหลีกเลี่ยงการชนประสานงานบริเวณทางร่วมแยกเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดอันตรายจากการชนกับรถที่วิ่งสวนมาบริเวณทางแยกซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลกสำหรับรถที่มีการติดตั้งระบบนี้เข้าไป เช่นเดียวกับระบบ Run-off road protection ระบบปกป้องเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน ที่ช่วยป้องกันผู้โดยสารจากการได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหากรถวิ่งตกลงขอบทาง ช่วยส่งให้ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum เป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์โลกเคยมีมา
หน้าจอขนาด 9 นิ้ว สามารถสั่งการลูกเล่นทุกอย่างได้ในบริเวณนี้
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการทดลองขับครั้งนี้ เริ่มต้นจากโชว์รูม Volvo คลองตัน มุ่งหน้าสู่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ในระยะทางไป-กลับกว่า 200 กม. ในรูปแบบ Free Run โดยเมื่อถึงจุดหมายแล้ว จะมีการทดลองระบบการทำงานของระบบขับเคลื่อนในรูปแบบไฟฟ้าล้วนๆ รวมถึงระบบช่วยขับขี่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลกของเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ขับขี่ได้สูงสุด โดยหลังจากที่รับฟังข้อมูลในเบื้องต้น รวมถึงเส้นทางที่ใช้เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเดินทาง ทันทีที่เข้าไปนั่งในห้องโดยสารของ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum ผมรู้สึกได้ทันทีถึงความสะดวกสบายที่ได้รับจากเบาะนั่งขนาดใหญ่ที่รับกับสรีระได้อย่างลงตัว ตำแหน่งของเบาะนั่งและพวงมาลัยสามารถปรับได้อย่างหลากหลาย ช่วยให้ท่วงท่าการขับมีความมั่นใจยิ่งขึ้น หลังจากที่บิดสวิตช์เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ มีหนึ่งจุดสังเกตที่อาจจะต่างจากรถยนต์ไฮบริดทั่วๆ ไปก็คือ หากต้องการจะชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ของระบบไฮบริด ผู้ขับขี่ตะต้องกดปุ่มชาร์จเสียก่อน (หากไม่กด จะไม่มีการชาร์จไฟเข้าระบบไฮบริด ด้วยเหตุผลเรื่องความปละหยัด) ระบบคันเกียร์มาในแบบควบคุมด้วยไฟฟ้าล้วนๆ หากต้องการเข้าเกียร์ D เพื่อให้รถเดินหน้า จะต้องโยกคันเกียร์ 2 ครั้ง ด้วยเหตุผลเรื่องระบบความปลอดภัย ป้องกันการเข้าเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนระบบความบันเทิงนั้น มาพร้อมชุดเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก Bowers & Wilkins ที่ทำงานร่วมกับหน้าจอขนาด 9 นิ้ว วางในแนวตั้งซึ่งนอกจากจะควบคุมระบบความบันเทิงแล้ว หน้าจอนี้ยังถือเป็นศูนย์รวมแห่งการควบคุมระบบต่างๆ ใน Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum เลยทีเดียว
หน้าปัดสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามต้องการ บอกค่าการทำงานทุกอย่างได้ครบถ้วน
เลือกโหมดการขับขี่ได้ง่ายๆ ถึง 6 โหมด
ทันทีที่แตะคันเร่งอย่างแผ่วเบา สิ่งที่รู้สึกได้เป็นลำดับแรก คงหนีไม่พ้นเรื่องของพละกำลังที่เหลือล้น เรือนร่างอันมหึมาของ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum พร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทางโรงงานเคลมเอาไว้ที่เพียง 5.6 วินาที การวิ่งด้วยความเร็วปกติ 100-120 กม./ชม. ตัวรถให้ความรู้สึกที่นิ่งมากๆ จนบางครั้งอาจทำให้รู้สึกเหมือนว่า “ขับช้า” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมต้องสารภาพตามตรงเลยว่า การจะรักษาความเร็วไว้แบบนิ่งๆ ที่ไม่เกิน 120 กม./ชม. เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างทรมานใจอยู่พอสมควร ทำให้ในบางครั้ง เมื่อเห็นว่าการจราจรและสภาพแวดล้อมปลอดภัย ผมจึงเริ่มขยับความเร็วไปอยู่ในย่าน 100 กลางๆ บ้างเป็นครั้งคราว เพื่อลองปลอดปล่อยสมรรถนะที่แท้จริงออกมา
การขับขี่ในย่านความเร็วสูง ตัวรถทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม สร้างขีดสุดแห่งความมั่นใจในทุกการขับขี่
การไต่ระดับความเร็วทำได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอาการรอรอบ ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นความโดดเด่นจากการผสานข้อได้เปรียบของระบบอัดอากาศที่จัดเต็มทั้งเทอร์โบและซูเปอร์ชาร์จ รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาช่วยในการขับเคลื่อนที่ล้อคู่หลัง เช่นเดียวกับชุดส่งกำลัง 8 สปีด ที่ให้ความต่อเนื่องจนแทบไม่รู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์เลยแม้แต่น้อย โดยการขับขี่ในย่านความเร็วสูง ตัวรถยังคงทรงตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีไหวติง ช่วงล่างตอบสนองได้อย่างน่าพอใจ นุ่มนวล แต่หนึบ ไว้ใจได้ การคงความเร็วถือว่าทำได้ดี แม้จะปล่อยคันเร่งจนหมด แต่ความเร็วของตัวรถ แทบจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หากไม่มีการเบรก ที่เป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะเหตุผลด้านความประหยัดและการขับขี่ที่ลื่นไหล แต่หากต้องการ Engine Brake ก็สามารถเลือกได้ในเกียร์ตำแหน่ง B สำหรับระบบเบรกของ Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum ถือว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอาอยู่แม้ในย่านความเร็วสูง ซึ่งความรู้สึกในการเหยียบอาจจะดูขัดๆ แปลกๆ จากที่เคยได้สัมผัสไปบ้าง (ตามสไตล์ของรถไฮบริด) แต่เรื่องความน่าไว้เนื้อเชื่อใจ ถือว่าทำคะแนนได้แบบเต็มๆ เลยทีเดียว
Volvo XC90 T8 Twin Engine Momentum พร้อมให้จับจองด้วยค่าตัว 4,490,000 บาท โดยทางค่ายเติมความอุ่นใจให้กับผู้บริโภคด้วย Volvo Maintenance บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Warranty รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Assistance บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นบริการหลังการขายที่ทางวอลโว่แสดงถึงความใส่ใจผู้ใช้อย่างแท้จริง