Honda Accord Hybrid 2017
Honda Accord Hybrid 2017 ซีดานพรีเมี่ยมสุดล้ำ ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 9 สู่อีกขั้นของยนตรกรรมไฮบริด โดยผสมผสานเอกลักษณ์การออกแบบ "Exciting H Design" ที่มอบการดีไซน์อันหรูหรา พร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย เหนือชั้นด้วยระบบการขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) แบบ Full Hybrid 215 แรงม้า และแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ยังมาพร้อมกับมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย Honda SENSING เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียม
ภายนอก
Honda Accord Hybrid ใหม่ นำเสนอภาพลักษณ์ที่ผสมผสานความหรูหรา และความสปอร์ตด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights), กระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเส้นสายสีฟ้า และไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า ทางด้านอ็อพชั่นมาตรฐาน ประกอบไปด้วย กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, ไฟตัดหมอก LED, เสาอากาศครีบฉลาม, ใบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และล้ออัลลอย 17 นิ้ว
Honda Accord Hybrid TECH ที่มาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้าย
ในส่วนของรุ่น Hybrid TECH ได้เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้วยสปอยเลอร์หลัง, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต, หลังคาซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง และสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นตัวคุณ ที่สง่างามในทุกมุมมอง
มิติตัวถังของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ประกอบไปได้
สีตัวถัง มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี ดังนี้
สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สีขาวออร์คิด (มุก)
สีดำคริสตัล (มุก)
ภายใน
ห้องโดยสารของรุ่น Honda Accord Hybrid TECH
การออกแบบภายในของ Honda Accord Hybrid 2017 เพิ่มความหรูหราจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา ด้วยชุดตกแต่งภายในลายไม้และสีดำเปียโนแบล็ค พร้อมไฟเรืองแสงมาตรวัดที่แสดงถึงความสวยงามแบบธรรมชาติ สีห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งสีดำ, สีเบจ แต่ตัวเบาะนั่งจะมีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีเบจ เบาะหนังสีน้ำตาลใหม่ (เฉพาะรุ่น Hybrid TECH)
ทางด้านพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายที่กว้างขวาง ด้วยความจุถึง 424 ลิตร สามารถวางถุงกอล์ฟขนาดใหญ่ได้ถึง 4 ใบ พร้อมพื้นที่เรียบให้ความสะดวกสบายและง่ายต่อการเคลื่อนย้ายสัมภาระ
เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก
มาตรวัดเรืองแสง พร้อมระบบ ECO Coaching
มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบอัจฉริยะ i-MID และระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Coaching
ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้
ระบบเครื่องเสียงที่สามารถรองรับ Apple CarPlay หรือเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านระบบ MirrorLink พร้อมระบบสั่งการแบบอัจฉริยะ Smart Interface ให้คุณควบคุมเครื่องเสียง, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย, ข้อมูลรถยนต์ และระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น Hybrid TECH) ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว หรือควบคุมผ่านพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่มีสวิตซ์ควบคุมระบบเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบอัจฉริยะ i-MID เพื่อความสะดวกในการใช้งานขณะขับขี่
Engine Remote Start
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) อีกระดับของการสั่งการแบบอัจฉริยะ ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกล เพื่อเตรียมพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนออกเดินทาง
ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา และสำหรับผู้โดยสารด้านหลังสะดวกสบายด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง
ระบบขับเคลื่อน
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle
Honda Accord Hybrid 2017 ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) แบบ Full Hybrid ประกอบด้วย เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม มอบสมรรถนะ 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ซึ่งการทำงานของระบบไฮบริดทั้งระบบสามารถมอบสมรรถนะสูงสุดที่ 215 แรงม้า
มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว และจ่ายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. จากการพัฒนาระบบไฮบริดครั้งนี้ ทำให้ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ สามารถให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กม./ลิตร* และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กม.
*ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมระบบไฮบริดอัจฉริยะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ในขณะนั้น ได้แก่
EV Drive Mode: โหมดขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และให้ความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง
Hybrid Drive Mode: โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็วที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
Engine Drive Mode: โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อคอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ ซึ่งเหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่
มอบประสบการณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานและเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วย Sport Drive Mode: โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต เพียงกดปุ่ม Sport ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่างคันเกียร์ ไฟสัญลักษณ์คำว่า Sport สีเขียว จะแสดงบนมาตรวัดขณะที่ใช้ระบบ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งทำความเร็วให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน
รูปแบบการทำงานของระบบ Sport Hybrid i-MMD
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมกับช่วงล่างที่มอบความนุ่มนวลในการเดินทาง เริ่มจากระบบกันสะเทือนหน้า แบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท ส่วนด้านหลังแบบอิสระ มัลติลิงค์ และคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน เบรกหลังเป็นดิสก์เบรก กับระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยพวงมาลัยแร็ค แอนด์ พิเนีย พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.0 - 6.2 เมตร (ตามรุ่นย่อย)
ระบบความปลอดภัย
มิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย Honda ขอเสนอ Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนนแล้วแจ้งเตือน พร้อมทั้งช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวผู้ขับและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบด้วย 4 ระบบ ดังนี้
1) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน - Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับได้ตั้งค่าไว้ โดยจะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา
ระบบ ACC
2) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก - Collision Mitigation Braking System (CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถคันข้างหน้าอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ ซึ่งในครั้งนี้ระบบ CMBS ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งไม่เพียงตรวจจับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการตรวจจับรถที่วิ่งสวนทาง รวมทั้งคนเดินถนนได้อีกด้วย
ระบบ CMBS
3) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ- Lane Keeping Assist System (LKAS) เป็นระบบที่ตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ โดยกล้องด้านหน้าจะทำหน้าที่ตรวจจับเส้นแบ่งช่องทาง และจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัยเพื่อควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางปกติตลอดเวลา
ระบบ LKAS
4) ระบบแจ้งเตือน และช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลและสั่นเตือนที่พวงมาลัย ในกรณีที่รถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบ RDM & LDW
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย เพื่อความมั่นใจรอบทิศทาง อาทิ
ถุงลมนิรภัย
ราคา