ณ เวลานี้ นับว่ามาถึงช่วงไฮไลท์ในการเดินทางของคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO โดยในวันที่ 42 เป็นการพิสูจน์สมรรถนะจริงระดับโลกบน “กลอสกล็อกเนอร์” หรือ The GrossGlockner High Alipine Road ยอดเขาที่ถือว่าสูงที่สุดของออสเตรีย และเป็นเส้นทางในฝันสุดท้าทายของคนที่รักการขับขี่จากทั่วโลก โดยยอดเขาแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ในประเทศออสเตรีย โดยมีความสูง 3,798 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีเส้นทางขับรถยาวประมาณ 49 กม. ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 ของถนนที่มีความโรแมนติกที่สุดในโลก สำหรับไฮไลท์ของที่นี่ คือ ทิวทัศนืและความสูงที่ท้าทายนักขับจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัส เนื่องจากมีโค้งคดเคี้ยวมากมายทุกรูปแบบ ซึ่งความยากเหล่านี้ กลายเป็นความท้าทายที่บรรดานักขับจากทั่วโลก ต่างก็อยากมาพิสูจน์ฝีมือกันสักครั้ง
การเดินทางที่ผ่านๆ มา คาราวาน Toyota Hilux REVO ผ่านการทดสอบบนเส้นทางสุดหฤโหดมาแล้วทุกรูปแบบ การต้องมาเจอกับอุปสรรคที่ออสเตรียอีกครั้ง จึงดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก การเดินทางเริ่มต้นจากเมืองลินซ์ มุ่งหน้าสู่ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ที่อยู่ห่างไปราว 40 – 50 กม. ภายใต้สภาพอาการที่โปรยปรายด้วยสายฝน เพิ่มดีกรีความท้าทายให้ชาวคาราวาน Toyota Hilux REVO อีกระดับ เพราะนอกจากถนนจะลื่นแล้ว ทัศนวิสัยการมองเห็น ก็ถูกลดทอนลงไปด้วย แต่อย่างไรแล้ว ก็ไม่เกินความสามารถของช่วงล่างและเครื่องยนต์ที่ยังแข็งแกร่ง ทรงพลัง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ภายใต้อุณหภูมิเพียง 1-3 องศาเซลเซียสเท่านั้น ส่งผลให้ชาวคาราวานต้องเปิดระบบทำความร้อน ภายในรถ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย
เมื่อถึงเวลาลงเขาสายฝนก็ยังตามมาส่งคาราวาน Toyota Hilux REVO อย่างไม่ลดละ ทำให้ต้องใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะลงทางชัน เพื่อช่วยให้การขับขี่ลงทางลาดชันที่เปียกลื่นสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น และด้วยทัศนวิสัยที่เต็มไปด้วยเมฆฝน ก็ทำให้บางช่วงมองแทบไม่เห็นกัน การจะขับตามกันเป็นขบวนคาราวานจึงทำได้ยากมาก ต้องอาศัยไฟตัดหมอกหลังที่สว่างของ Toyota Hilux REVO มาเป็นตัวเพิ่มทัศนวิสัย ให้สามารถขับตามกันได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น จนกระทั่งกลับเข้าสู่เมืองลินซ์ได้โดยสวัสดิภาพ
การเดินทางในวันที่ 43 ของ Toyota Hilux REVO คาราวานทริป นับว่าใกล้ความสำเร็จเข้าไปทุกขณะ สำหรับการเดินทางสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคาราวาน Toyota Hilux REVO โดยวันนี้ คาราวานจะมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายของการเดินทาง แต่ยังไม่ใช่เมืองปลายทางของเส้นทางสายไหม เพราะจุดหมายของคาราวานในวันนี้ คือ ลีวินโญ หมู่บ้านปลอดภาษีชายแดนประเทศอิตาลี ด้วยระยะทาง 344 กม. โดยคระคาราวาน Toyota Hilux REVO เริ่มออกเดินทางกันแต่เช้า เพราะเส้นทางส่วนใหญ่ จะต้องขับตัดผ่านภูเขาที่มีความสูงชัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการเดินทางนานพอสมควร ออกจากเมืองลินซ์มาได้ไม่นาน ก็ถึงด่านชายแดนประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางเป็นการขับอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์อันสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ที่สองข้างทางจึงเต็มไปด้วยความเขียวชะอุ่ม
เส้นทางในวันนี้เต็มไปด้วยทางโค้ง แต่ช่วงล่างที่หนึบของ Toyota Hilux REVO ก็ทำให้การเข้าโค้งเป็นไปอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับระบบเบรก ที่สามารถตอบสนองได้ดีตลอดเส้นทาง ส่วนในช่วงที่เป็นทางตรง ระบบเกียร์ Sequential Shift ก็ช่วยให้การขับขี่ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น โดยก่อนที่จะเข้าสู่อิตาลี คาราวาน Toyota Hilux REVO ได้ขับเข้าไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์กันเล็กน้อย ในเส้นทางที่ใกล้กับเมืองท่องเที่ยวอย่างเซนต์มอริซ เพื่อชมบรรยากาศของถนนหนทางสวยๆ ท่ามกลางความสงบของธรรมชาติเรียบทะเลสาบอันสวยงาม ก่อนจะวกกลับมายังประเทศอิตาลีอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงเมืองปลายทางที่ลีวินโญ
ลีวินโญ เป็นหมู่บ้านปลอดภาษีในหุบเขาริมชายแดนระหว่างประเทศอิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเขตของประเทศอิตาลี มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาทุกฤดู ในฤดูร้อนคนจะนิยมมาเดินเล่น พักผ่อนในอากาศสบายๆ ส่วนในฤดูหนาวมีชื่อเสียงมากด้านการเล่นสกี คาราวาน Toyota Hilux REVO เดินทางมาถึงกันตอนค่ำ โดยอากาศหนาวกว่าที่คิดไว้มาก เพราะรอบๆ หมู่บ้านยังมีหิมะปกคลุมอยู่ ทุกคนจึงรีบแยกย้ายกันไปพักผ่อน เตรียมตัวสู่การเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง
คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ตื่นมาพร้อมความหนาวเหน็บในเช้าของการเดินทางวันที่ 44 โดยวันนี้การเดินทางจะมุ่งหน้าสู่สุดทางสายไหมของมาร์โค โปโลที่กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ทีมคาราวานเริ่มออกเดินทางจากลีวินโญกันช่วงสายๆ โดยเส้นทางยังคงสวยงามคล้ายคลึงกับที่ผ่านมา มีทางโค้งเข้ามาทดสอบสมรรถนะของช่วงล่าง เป็นระยะ แต่ Toyota Hilux REVO ยังคงแกร่ง หนึบ และเข้าโค้งได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะผ่านศึกมาอย่างโชกโชนถึง 44 วัน สำหรับวันนี้ คาราวาน Toyota Hilux REVO แวะเติมพลังมื้อเที่ยงกันที่เมืองซีร์มิโอเน่ เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่เกือบ 2000 ปี ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี ที่มีทะเลสาบล้อมรอบทั้งสองด้าน ก่อนจะออกเดินทางต่อในช่วงบ่ายบนเส้นทางที่เป็นถนนสี่เลน ซึ่งต้องมีการทำความเร็วและเร่งแซงในบางช่วง ซึ่งเครื่องยนต์ของ Toyota Hilux REVO ก็ยังแรงดีไม่มีตก ตอบสนองทุกความต้องการของคาราวานได้อย่างไร้ที่ติ ส่วนบรรยากาศสองข้างทางในช่วงนี้ ผ่านทิวทัศน์ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งที่ราบการเกษตร ทะเลสาบขนาดใหญ่ และเมืองริมผาอันสวยงาม
คาราวานก็เดินทางมาถึงกรุงเวนิสในช่วงเย็น โดยหยุดคาราวานไว้ที่ฝั่งเมตเต้ส์ ก่อนจะข้ามไปสู่เกาะเวนิสในวันต่อไป และทันทีที่เดินทางมาถึง ก็ได้รับข่าวที่น่ายินดีว่า วันนี้กรุงเวนิสจะมีการจัดงานเทศกาลประจำปีที่ชื่อว่า Festa del Redentore หรืองานแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่ของเวนิส ที่บริเวณจตุรัสซานมาร์โค อันเป็นช่วงเวลาที่พอดีกับการเดินทางของคาราวาน เปรียบเสมือนการร่วมเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเดินทางของ Toyota Hilux REVO บรรยากาศบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค จึงอบอวลไปด้วยความสุขของคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว และคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ที่มาอยู่กันเต็มพื้นที่ พอถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน พลุก็เริ่มจุดขึ้นอย่างสวยงาม สว่างจ้าเต็มท้องฟ้า ถือเป็นการต้อนรับคณะคาราวานสู่บ้านเกิดของมาร์โค โปโลได้อย่างน่าประทับใจ
วันที่ 17 กรกฎาคม 2559 นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์กับหน้าใหม่แห่งการเดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพฯ สู่กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ภายใต้ชื่อ Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กรุงเทพฯ – อิตาลี หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนานเข้าสู่วันที่ 45 บนเส้นทางสุดหฤโหดกว่า 20,156 กม. วันนี้ได้เดินทางมาถึงภารกิจสุดท้าย คือ การขับ Toyota Hilux REVO ไปให้ถึงเกาะเวนิส สุดทางเส้นทางสายแพรไหม มตามบันทึกการเดินทางของมาร์โค โปโล นักเดินทางค้าขายและนักสำรวจชื่อดังชาวอิตาลี
มาร์โก โปโล เป็นนักเดินทางค้าขายและนักสำรวจชาวอิตาลี เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้เดินทางบนเส้นทางสายแพรไหมร่วมกับบิดาและลุงไปยังประเทศจีน ซึ่งในยุคนั้นเรียกว่า คาเธ่ย์ ตรงกับราชวงศ์หยวนโดยการปกครองของจักรพรรดิกุบไล ข่าน ในการเดินทางครั้งนั้นได้ถูกบันทึกผ่านหนังสือ อิลมีลีโอเน หรือบันทึกการเดินทางของมาร์โก โปโล
คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนนท์ (กลาง) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO นำทีมโดยคุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้นำขบวนรถ Toyota Hilux REVO ออกจากเมตเต้ส์ เพื่อลงแพขนานยนต์ล่องไปรอบเกาะเวนิส โดยตลอดเส้นทางจะเห็นอาคารบ้านเรือน และสถาปัตยกรรมสำคัญหลายแห่ง ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งน้ำ ซึ่งถือเป็นมนต์เสน่ห์ของนครแห่งสายน้ำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ใช้เวลาไม่นานคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เข้าเทียบท่าที่ ซาน จิโอร์จิโอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิหารซาน มาร์โค สัญลักษณ์สำคัญของกรุงเวนิส
เวนิส มหานครแห่งนี้ถูกสร้างอยู่บนเกาะใหญ่น้อยทั้งสิ้น 118 เกาะ ที่อยู่ห่างจากฝั่งแผ่นดินใหญ่สอง 2.5 ไมล์ โดยมีสะพานกว่า 400 แห่ง และลำคลองใหญ่น้อยเกือบ 200 สาย เชื่อมเกาะเหล่านี้เข้าด้วยกัน และพาหนะสำคัญที่ชาวเวนิสใช้ในการเดินทาง ก็คือ เรือท้องแบนลำยาวที่ชื่อว่า เรือกอนโดลา โดยมีเอกสารอ้างอิงของเรือประเภทนี้ ครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 1094 ทั้งนี้นับแต่ยุคกลางเรื่อยมาจนถึงยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา นครเวนิสได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า และมหาอำนาจในการเดินเรือของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนถึงยุคที่อาณาจักรใหญ่ๆ ในยุโรปอย่าง สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอังกฤษ พัฒนากองทัพเรือและเส้นทางเดินเรือข้ามทวีป ปัจจุบัน นครเวนิสกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เนื่องจากเวนิสอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียงไม่กี่นิ้ว ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมเกือบทุกปี และทำให้นครแห่งนี้ทรุดลง 1 นิ้ว ทุกๆ 10 ปี ทำให้มีความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องในการที่จะป้องกันไม่ให้นครอันน่าทึ่งแห่งนี้ต้องจมลงสู่ท้องทะเล
คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนนท์ กล่าวถึงความสำเร็จของการเดินทางจากกรุงเทพฯ - เวนิส โดย Toyota Hilux REVO
ร่วมดื่มฉลองความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเดินทางด้วยรถยนต์
เมื่อถึงซาน จิโอร์จิโอ คณะคาราวานได้รับการต้อนรับจากผู้บริหารของสื่อมวลชน ที่มารอรับการเดินทางของคาราวานบนเส้นทางสายไหมที่ยาวที่สุดในโลก ณ เกาะเวนิส ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดเข้าสู่จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ทุกคนรู้สึกและสัมผัสได้ถึง ความดีใจ และภูมิใจที่ได้ร่วมคาราวาน Toyota Hilux REVO กับความคิดในใจที่ว่า...เราถึงเวนิส เราทำได้ กับการพิสูจน์สมรรถนะจริงของเจ้า Toyota Hilux REVO ขับเคลื่อนพาคณะเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงอิตาลีใน 45 วัน แห่งการเดินทางอย่างต่อเนื่องผ่านทุกสภาพถนน ทางโค้งทุกรูปแบบ กับสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนในแต่ละประเทศ ซึ่ง Toyota Hilux REVO ก็สามารถฝ่าฟันทุกเส้นทางอันหฤโหด พาชาวคาราวานตลอดทริปทั้ง 83 ชีวิต มาถึงจุดหมายปลายทางได้สำเร็จ
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งการเดินทางนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้พาหนะที่แข็งแกร่งอย่าง Toyota Hilux REVO รวมถึงคณะทีมงานผู้เดินทางทั้ง 83 ชีวิต ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งการสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ โดยทุกท่านสามารถติดตามการเดินทางสุดหฤโหดพร้อมไฮไลท์ความสำเร็จแบบเต็มๆ ทั้ง 45 วัน ได้ทาง BoxzaRacing รวมถึง www.facebook.com/toyotahiluxthailand และ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip