วันที่ 35 ของการเดินทาง Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในทวีปเอเชียกันแล้ว วันนี้ทุกคนต้องบอกลาอิสตันบูลและทวีปเอเชีย เพื่อมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรป โดยคณะคาราวานกลุ่มที่ 5 จะข้ามช่องแคบบอสฟอรัสสู่อิสตันบูลฝั่งยุโรป มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองพลอฟดิฟ ประเทศบัลแกเรีย
อิสตันบูล เป็นเมืองที่สำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในตุรกี อีกทั้งยังเป็นเมืองเดียวของตุรกีที่มีพื้นที่อยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปเอเชียและยุโรป ซึ่งถูกแบ่งโดยช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มารา และช่องแคบดาร์ดะแนลส์ ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นที่ตั้งเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมาก เมืองแห่งนี้มีอาคารบ้านเรือนสวย ๆ เรียงรายลดหลั่นกันตามแนวเขามาจนถึงชายฝั่งแซม ด้วยมัสยิดและสุเหร่าตั้งตระหง่านเป็นพื้นหลังให้กับเมืองสุดคลาสสิกแห่งนี้อย่างสวยงามแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศของผู้คนมากหน้าหลายตามายืนตกปลากันอยู่เต็มสะพาน ทั้งเพื่อการค้า หรือตกไว้กินเอง เป็นภาพที่แปลกตา แต่ก็ลงตัวเป็นอย่างดีกับแสงแรกของวัน
สิ่งที่เป็นไฮไลท์และพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเยือน คือ มัสยิดสีฟ้า โดยสุเหร่านี้สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1609 – 1616 ภายในมีหอเรียกสวด 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอดให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า โดยชื่อมัสยิดสีฟ้าได้มาเพราะว่าภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค เน้นลวดลายดอกไม้ต่างๆ ที่ตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา นอกจากนี้ยังมี ฮายาโซฟีอา ที่เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ และเป็นต้นแบบของสุเหร่าในยุคออตโนมันอีกหลายแห่ง
เมื่อได้เวลาอันสมควร คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO พร้อมคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 5 ได้เวลาเดินทางกันต่อ โดยเป้าหมายในวันนี้ คือ เมืองพลอฟดิฟ ประเทศบัลแกเรีย ระยะทาง 446 กิโลเมตร คาราวาน Toyota Hilux REVO ขับผ่านช่องแคบบอสฟอรัสที่คั่นกลางระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรปกลางกรุงอิสตันบูล เมื่อข้ามสะพานมาได้ก็ถือว่าคาราวานได้เข้าสู่ทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการ พร้อมเผชิญภารกิจอันท้าทายบทใหม่ ที่จะมาทดสอบสมรรถนะความแกร่งของ Toyota Hilux REVO
แรกเริ่มของภารกิจการเดินทางในวันนี้ คือ การข้ามชายแดนจากตุรกีเข้าสู่บัลแกเรีย ซึ่งใช้เวลาขาออกพอสมควร ในส่วนของขั้นตอนการตรวจคนนั้น ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่แสตมป์บนหนังสือเดินทางก็เป็นอันเรียบร้อย แต่สำหรับรถ ต้องมีการเข้าเครื่องสแกนกันหลายรอบ และมี 3 คัน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นกันแบบเข้มข้น คณะคาราวานจึงถือโอกาสพักผ่อนเอนกายกันภายในรถ ที่เรียกได้ว่ากว้างขวางและอยู่ได้อย่างสบาย บ้างก็เปิดบลูทูธฟังเพลง บ้างก็เอามือถือและโน้ตบุคมาชาร์จแบตเตอรี่เพื่อทำงาน จนกระทั่งรถทุกคนผ่านด่านตรวจได้เรียบร้อย จึงมุ่งหน้าสู่ด่านขาเข้าของประเทศบัลแกเรีย ซึ่งขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วกว่าที่คาดไว้ เพราะไม่มีการค้นรถ มีเพียงการตรวจสอบเอกสารเท่านั้น จากนั้นคาราวานเข้าสู่ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต
วันที่ 36 นับเป็นการเดินทางในยุโรปอย่างเต็มตัว โดยคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ออกเดินทางกันตั้งแต่ 9.00 น. สู่เป้าหมายที่เมืองรูเซ โดยมีระยะทาง 305 กม. โดยชาวคาราวานมีโปรแกรมเยือนเมืองเก่าพลอฟดิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 โดยมีประชากร 338,153 คน ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ บนฝั่งแม่น้ำมารีตซา ทางเหนือของทิวเขารอโดพี คณะคาราวานเริ่มต้นเดินเล่นกันที่เขตเมืองเก่า ผ่านเส้นทางที่เป็นถนนคนเดินเส้นหลักของเมือง
จากนั้นออกเดินทางต่อ ซึ่งเส้นทางในวันนี้ ทำให้ Toyota Hilux REVO ได้แสดงสมรรถนะหลายอย่าง บางช่วงเป็นถนนขรุขระ แต่ช่วงล่างก็ยังนิ่ง แน่น ทำให้การนั่งภายในห้องโดยสารรู้สึกสบายตลอดเส้นทาง หลังจากนั้นเส้นทางต้องมีขึ้นเขาที่มีทั้งโค้งกว้างและแคบ แต่รถก็ยังหนึบ พวงมาลัยก็ยังให้ความแม่นยำในการเข้าโค้ง และสร้างความสบายให้กับผู้ขับขี่ ในส่วนของเบรคช่วยให้การเดินทางขึ้นลงเขาและการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เมื่อเดินทางมาถึงยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สร้างไว้ เพื่อจารึกถึงการปลดแอกของประเทศบัลแกเรีย และคาราวานได้แวะทานอาหารกลางวัน พร้อมกับชมวิวจากบนยอดเขาแห่งนี้
หลังจากที่อิ่มหนำ คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO เริ่มเดินทางต่อ โดยสภาพถนนยังคงเป็นสองเลน ผ่านเส้นทางธรรมชาติสลับกับชุมชน บางครั้งต้องเร่งแซงรถใหญ่ที่ขับอยู่ด้านหน้าเป็นระยะ ๆ แต่รถก็ให้การตอบสนองได้อย่างลงตัว จนกระทั่งมาถึงเมืองเวลิโค เทอร์โนโว อันเปรียบเสมือนเมืองหลวงเก่าของประเทศ เพื่อผ่านสู่เมืองรูเซ
การเดินทางของคาราวาน Toyota Hilux REVO เดินทางมาถึงวันที่ 37 โดยวันนี้มีต้องข้ามประเทศสู่โรมาเนีย โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองบราซอฟ ระยะทาง 274 กม. โดยหลังออกจากเมืองรูเซมาได้ไม่นาน คาราวานก็เข้าสู่ด่านตรวจระหว่างบัลแกเรีย และโรมาเนีย ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้ใช้เวลานานอย่างที่คิด เจ้าหน้าที่ตรวจเพียงแค่หนังสือเดินทางเท่านั้น คาราวาน Toyota Hilux REVO ผ่านเข้าสู่ประเทศโรมาเนียได้อย่างรวดเร็ว โดยตลอดเส้นทางขาเข้าจะเห็นธงชาติโรมาเนียสลับกับธงสหภาพยุโรปตลอดสองข้างทาง
เส้นทางช่วงต้นหลังจากผ่านเข้ามาเป็นถนนสองเลน ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าเขียวสลับชุมชนในบางช่วง โดยคาราวาน Toyota Hilux REVO ได้แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมืองบูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนีย ด้วยสภาพการจราจรที่แออัด ส่งผลให้รถในคาราวานทั้ง 10 คัน ต้องพยายามขับเกาะกลุ่ม โดยต้องเร่งเครื่องยนต์และแตะเบรกกันตลอดเวลา ก่อนที่จะลาเมืองบูคาเรสต์ คาราวาน Toyota Hilux REVO ได้ขับไปวนที่ประตูชัย Triumph Arch ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่าทหารหาญชาวโรมาเนีย ที่เสียชีวิตจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และทุกวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติโรมาเนีย จะมีการสวนสนามของกองทัพโรมาเนียภายใต้ประตูชัยแห่งนี้
จากนั้นจึงเดินทางกันต่อ เพื่อไปแวะชมปราสาทบราน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่บนยอดเขา คาราวาน Toyota Hilux REVO จึงต้องขับขึ้นเขากันอีกครั้ง ซึ่งช่วงล่วงก็เอาอยู่แบบสบายๆ หนึบมั่นใจทุกโค้งจนถึงยอดเขา ปราสาทบราน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1212 โดยอัศวินชาวเยอรมัน ตัวปราสาทตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกราน รวมถึงควบคุมเส้นทางการค้าและเก็บภาษีระหว่างแคว้นวาลันเซียและแคว้นทรานซิลวาเนีย ต่อมาได้อยู่ในการครอบครองของเจ้าชายวลาด เทเปส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวาลันเชีย ผู้เป็นที่เลื่องลือในความเก่งกล้า บ้าบิ่น และเหี้ยมโหดต่อศัตรูผู้รุกราน
คณะคาราวานมีโอกาสได้เยี่ยมชมตัวปราสาททั้งภายนอกและภายในกันอย่างใกล้ชิด โดยภายในมีการตกแต่ง จัดแสดงไว้เสมือนจริง คล้ายพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่จำลองยุคสมัยในอดีต คาราวานเดินชมส่วนต่างๆ ของปราสาทกันจนครบถ้วน จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองบราซอฟ จุดหมายของวันนี้ โดยต้องเดินทางผ่านเส้นทางธรรมชาติและบ้านเรือนแบบโบราณ จนกระทั่งคาราวาน Toyota Hilux REVO เข้าสู่เมืองบราซอฟ คาราวานเริ่มสำรวจเมืองจากป้อมปราการบนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่พัก ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองเก่าที่สวยที่สุด มองลงไปจะเห็นจัตุรัสที่ว่าการเมือง ตั้งเด่นเป็นศูนย์กลางอยู่ภายในมืองเก่า และด้วยความที่บราซอฟเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ ผ่านความเจริญในยุคสมัยต่างๆ มาอย่างยาวนาน ทำให้สถาปัตยกรรมภายในเมืองมีความสวยงามหลากหลาย ผสมผสานทั้งศิลปะของโรมาเนสก์ ไบเซนไทน์ รอคโคโค่ เรอเนซองซ์ และบาโรก ปัจจุบันบริเวณเมืองเก่าแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดนัดพบ ศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
บราชิฟ – ออราเดีย คือ การเดินทางที่คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO จะต้องทำในวันที่ 38 ของการการเดินทาง ก่อนจะเข้าสู่ประเทศฮังการีในวันถัดไป โดยคาราวานเริ่มออกเดินทางกันในเวลา 9.00 น. ระยะทางรวมของวันนี้อยู่ที่ 423 กม. ซึ่งต้องวิ่งจากเขตทรานซิลเวเนีย บนถนนสองเลน ผ่านหุบเขาและโค้งค่อนข้างหลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งหญ้า หมู่บ้าน และป้อมปราการขนาดเล็ก ใช้เวลาไม่นานนัก คาราวานก็เดินทางมาถึงเมืองเซียไวร่า เมืองป้อมปราการบนเนินเขาที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของโรมาเนียในปี พ.ศ. 2542 โดยเมืองป้อมปราการแห่งนี้ เป็นบ้านเกิดของเจ้าชายวลาด ผู้ปกครองแคว้นวาลันเซียในศตวรรษที่ 15 ผู้จุดประกายให้แบรม สโตกเกอร์ นักเขียนชาวไอริช สร้างตัวละคร เคาวน์แดร็กคิวล่า ค้างคาวผีดูดเลือด ในนวนิยายจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
คณะคาราวานเริ่มเดินชมเมือง โดยสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ หอนาฬิกาโบราณอายุกว่า 600 ปี สัญลักษณ์สำคัญของเมือง ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวได้ ด้านล่าง คือ จตุรัสซิทาเดล ที่มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารตั้งเรียงรายกันอยู่ ใกล้ๆ กันจะเห็นอาคารสีเหลือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าชายวลาดอีกด้วย หลังจากเดินเล่นและรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อย คาราวานจึงเดินทางกันต่อ โดยเส้นทางช่วงนี้ เป็นถนนสี่เลน คาราวานจึงเร่งทำความเร็วกันได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองออราเดีย ซึ่งแม้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญของโรมาเนีย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งยังอยู่ใกล้ชายแดนประเทศฮังการีเพียง 13 กม. เท่านั้น คณะคาราวานได้ออกไปเดินเล่นในเมืองเก่าและจตุรัสกลางเมืองในช่วงเย็น ซึ่งวันนี้มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลยูโรนัดชิงชนะเลิศ กลางจตุรัส ทำให้วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ เดินชมบรรยากาศการเชียร์กีฬาของชาวโรมาเนียกันสักพัก คณะคาราวานก็กลับมาพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางข้ามไปยังประเทศฮังการีในวันรุ่งขึ้น
วันที่ 39 ของการเดินทาง คาราวาน Toyota Hilux REVO มีคิวมุ่งหน้าไปยัง กรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่า กรุงปารีสแห่งยุโรปตอนกลาง ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของฮังการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการท่องเที่ยว โดยระยะทางรวมของวันนี้คือ 318 กม. ในเช้าวันนี้ คาราวานวิ่งออกจากเมืองออราเดีย มาบนเส้นทางที่ค่อนข้างเรียบ ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงด่านตรวจชายแดน ขั้นตอนการผ่านแดนของทั้งโรมาเนียและฮังการีเป็นไปอย่างราบรื่น มีการตรวจวีซ่าและหนังสือเดินทางเท่านั้น ไม่นานคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เข้าสู่ประเทศฮังการี
ฮังการีเป็นประเทศในยุโรปตอนกลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตจรดประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย ยูเครน โรมาเนีย เซอร์เบีย โครเอเชีย และสโลวีเนีย และเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประวัติอย่างยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9
คาราวาน Toyota Hilux REVO วิ่งจากชายแดนสู่ถนนไฮเวย์ ทำให้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะอัตราเร่งของเครื่องยนต์กันอีกครั้ง ว่าหลังจากผ่านการเดินทางที่ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 38 วัน สมรรถนะยังแกร่ง แรง ได้คงที่หรือไม่ ซึ่ง Toyota Hilux REVO ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ผสานการทำงานกับระบบช่วงล่าง ที่ยังคงความหนึบ เกาะถนนในทุกโค้ง และระบบพวงมาลัยที่ให้การควบคุมได้ง่าย ทรงตัวดี คล่องตัว อีกทั้งยังได้กระจกมองข้างขนาดใหญ่ที่สะท้อนภาพได้ชัด ไม่หลอกตา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแซงหรือเปลี่ยนเลน ช่วยให้การเดินทางในวันนี้ ราบรื่น และถึงกรุงบูดาเปสต์ได้ภายในเวลาไม่นาน
บูดาเปสต์ เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน คือเมือง "บูดา" กับเมือง "เปสต์" รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ หรือที่ชาวฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่งเปสต์มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง ถือเป็นความต่างสองฝั่งน้ำที่ เปี่ยมเสน่ห์และผสมผสานความเป็นเมืองกันได้อย่างลงตัว
คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO มาถึงบูดาเปสต์ในช่วงบ่าย และมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเก่า โดยข้ามสะพาน Chain Bridge สู่ที่พัก จากนั้นเริ่มสำรวจเมืองที่จุดท่องเที่ยวที่เรียกว่า Fisherman Bastion ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานเมื่อปีค.ศ. 1241 - 1242 บนป้อมชาวประมงแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นคณะคาราวานแยกย้ายตามอัธยาศัย ซึ่งการเดินเรียบแม่น้ำดานูบในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ถือเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจไม่น้อย กับภาพพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงด้านหลังป้อมปราการ Fisherman Bastion แสงสีส้มอ่อนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม จากนั้นเข้าสู่ช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย กับภาพความสวยงามของอาคารรัฐสภาที่เปิดไฟสว่างจ้า โดยมีแม่น้ำดานูบทอดยาวเป็นฉากหน้า ซึ่งอาคารรัฐสภาฮังการี โดยตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิกด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน
วันที่ 40 ของการเดินทาง เรียกได้ว่า มีความท้าทายเข้ามารออยู่เบื้องหน้าอีกระลอก โดยคาราวาน Toyota Hilux REVO ต้องเดินทางข้ามแดนกันถึง 5 ประเทศ ภายในวันเดียว ด้วยระยะทางรวม 690 กม. โดยมีปลายทางอยู่ที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน ประเทศเยอรมนี
การเดินทางในวันนี้ เริ่มต้นด้วยการล่ำลาเมืองบูดาเปสต์กันด้วยภาพมุมสูงก่อนจะออกเดินทาง โดยเส้นทางในวันนี้ ยังคงเป็นถนนสี่เลน คาราวาน Toyota Hilux REVO จึงใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ ผ่านไปไม่นาน คาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เข้าสู่เขตแดนของประเทศสโลวาเกีย จากนั้นเข้าสู่ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเส้นทางที่คาราวานผ่านห่างจากกรุงปรากไม่ถึง 100 กม. เดินทางต่อมาไม่นาน ก็ถึงเส้นแบ่งเขตแดนของประเทศเช็กและ ออสเตรีย ซึ่งข้อดีของการขับรถผ่าน 5 ประเทศ ในวันเดียวก็คือ มีโอกาสได้เปลี่ยนคลื่นวิทยุฟังเพลงของแต่ละประเทศ โดยคนขับสามารถหาคลื่นวิทยุด้วยปุ่มบังคับบนพวงมาลัยที่ออกแบบมาให้อย่างพอดี โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ทั้งสะดวก เพลิดเพลิน และปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในการขับขี่วันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ถึงแม้บางช่วงจะมีฝนตกลงมาบ้าง ก็ถือเป็นโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะของถนนที่เปียกลื่น เพื่อย้ำความมั่นใจในช่วงล่าง ขณะวิ่งด้วยความเร็วบนทางด่วนที่มีโค้งกว้าง สลับเนินขึ้น-ลงเขาอยู่ตลอดเวลา ว่าหนึบจริง เอาอยู่ทุกโค้ง
ในที่สุดคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็มาถึงปลายทางที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน ประเทศเยอรมนี เมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1102 และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญติดอันดับ 1 ใน 6 ของเส้นทางท่องเที่ยวของเยอรมนี ที่เรียกกันว่าเส้นทางดิอัลไพน์ ในอดีตเมืองนี้ ยังเป็นที่ตั้งของฐานบัญชาการพรรคนาซีใหญ่ทางตอนใต้อีกด้วย ปัจจุบันตั้งอยู่ในภูมิภาคเบิร์ชเทสการ์เดน แลนด์ในเขตอัปเปอร์ บาวาเรีย หรือโอเบอร์ไบเอิร์น เป็นหนึ่งในเจ็ดเขตการปกครองของรัฐบาวาเรีย หรือไบเอิร์น รัฐที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี
เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเดินทางกันแล้วก็ว่าได้ กับการเดินทางของ Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก โดยการเดินทางในวันที่ 41 เป็นไปอย่างไม่เร่งรีบนัก เนื่องจากจุดหมายปลายทางของวันนี้ คือ เมืองลินซ์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ห่างจากเบิร์ชเทสการ์เด้นไปเพียง 206 กมม. ทำให้คาราวานพอมีเวลาที่จะแวะเยี่ยมชมอีกหนึ่งสถานที่สำคัญระหว่างทาง นั่นคือ เคลสไตน์เฮาส์
เคลสไตน์เฮาส์ หรือ Eagle's Nest ตั้งอยู่บนยอดเขาเคลสไตน์ มีความสูงประมาณ 1,834 ม. ใกล้ ๆ กับเมืองเบิร์ชเทสการ์เดน เป็นอาคารสไตล์ชาเล่ต์ สร้างเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 50 ปีให้กับฮิตเลอร์ในปี 1939 โดยมาร์ติน บอร์มันน์ หนึ่งในคนสนิทของฮิตเลอร์ ที่นี่ถือว่าเป็นที่พักสุดโปรดแห่งหนึ่งของฮิตเลอร์ โดยใช้คนสร้างมากถึง 3,000 คน การเดินทางไปเคลสไตน์เฮาส์ คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ต้องขับรถขึ้นเขาที่มีความโค้งและชันพอสมควร แต่ช่วงล่างของ Toyota Hilux REVO ที่หนึบและเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ก็พาคาราวานผ่านขึ้นมาได้อย่างสบายจนถึงที่หมาย
เนื่องจากฝนเพิ่งตกลงมา ทำให้การขับรถในช่วงขาลงลำบากกว่าตอนขาขึ้นพอสมควร เพราะนอกจากทางจะลาดชันแล้ว ถนนยังเปียกลื่นอีกด้วย แต่ด้วยระบบป้องกันใน Toyota Hilux REVO ที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม ทั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ DAC ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS และระบบเสริมแรงเบรก BA ก็ช่วยให้คาราวานผ่านเส้นทางอันตรายไปได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยทุกคน คาราวานขับผ่านเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามของประเทศออสเตรีย ที่สองข้างทางถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ ที่บางช่วงจะเห็นยอดเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ ใช้เวลาไม่นานนักคณะคาราวานก็มาถึงเมืองลินซ์ เมืองเก่าเปี่ยมเสน่ห์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ คาราวานเลือกพักกันที่นี่เพื่อเตรียมตัวในการพาไฮลักซ์ รีโว่ไปพิสูจน์สมรรถนะกันที่ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในออสเตรีย ที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามและเป็นเส้นทางสุดท้าทายในฝันของนักขับจากทั่วโลก
นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ 41 ของการเดินทาง Toyota Hilux REVO ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายทุกรูปแบบกว่า 19,000 กม. ซึ่งรถ Toyota Hilux REVO ยังคงสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้งานไว้อย่างเต็มเปี่ยม พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะความหนึบ แกร่ง ทนทานและพร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรคสู่จุดหมายที่กรุงเวนิสอย่างมั่นใจ โดยทุกท่านสามารถติดตามการเดินทางในช่วงสุดท้ายและทุกๆ ช่วงที่ผ่านมาได้ทาง BoxzaRacing รวมถึง www.facebook.com/toyotahiluxthailand และ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip