วันที่ 22 ของการเดินทาง เป็นวันสุดท้ายที่ประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ชาวคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย แต่หลังจากผ่านไป 3 วัน ความรู้สึกที่ทุกคนสัมผัสได้ ล้วนแล้วแต่เป็นความประทับใจอย่างคาดไม่ถึง หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย ชาวคาราวานได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสื่อมวลชนท้องถิ่น ที่เข้ามาสัมภาษณ์ทีมคาราวานเพื่อทำสกู๊ป พร้อมถ่ายภาพกับทีมคาราวานเป็นที่ระลึก ก่อนจะลาจากกันด้วยความประทับใจ
บรรยากาศการทำสกู๊ปของคณะสื่อมวลชนจากเติร์กเมนิสถาน
ร่วมบันทึกภาพแห่งความประทับใจก่อนออกเดินทาง
ภารกิจในช่วงบ่าย คือ การเดินทางข้ามแดนสู่ประเทศอิหร่าน โดยมีปลายทางอยู่ที่เมืองมัชฮัด ระยะทางรวม 280 กม. โดยขั้นตอนของการข้ามแดนสู่อิหร่าน เป็นไปอย่างราบรื่น มีเจ้าหน้าที่มาช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้สามารถผ่านแดนได้อย่างรวดเร็ว อิหร่าน หรือ เปอร์เซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน มีพื้นที่ 1,648,195 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 78.4 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นประเทศเดียวที่มีชายฝั่งในแถบทะเลแคสเปียนและมหาสมุทรอินเดีย
ออกเดินทางสู่ประเทศอิหร่าน กับระยะทางราว 280 กม.
อิหร่านมีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางยูเรเซียและเอเชียตะวันตก และอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ ในอดีตนั้นเส้นทางสายไหมถือว่าอยู่ใต้อิทธิพลที่ราบสูงอิหร่านเสมอมา ประมุขเปอร์เซียไม่ว่าจะในราชวงศ์ใด ล้วนสามารถเกื้อหนุน หรือบั่นทอนการค้าบนเส้นทางสายนี้ได้ โดยเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา เปอร์เซียมีการผลิตสินค้าน้อยมาก เพราะรู้ดีว่าบรรดาสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยต่างๆ จะต้องผ่านดินแดนเปอร์เซีย จึงหาหนทางแสวงหาความมั่งคั่งได้ไม่ยาก ซึ่งก็ไม่ใช่แค่การค้าทางบกจากตะวันออกเท่านั้น ยังรวมถึงเส้นทางการค้าทางทะเลอีกด้วย เพราะอ่าวเปอร์เซียเป็นเส้นทางใกล้ที่สุด ที่เชื่อมทะเลเปิดเข้ากับเส้นทางสายไหม นับว่าอิหร่านเป็นอีกหนึ่งในประเทศ ที่มีประวัติศาสตร์มาช้านาน
วันแรกที่อิหร่าน ณ เมืองมัชฮัด
สำหรับสภาพเส้นทางในประเทศอิหร่าน ส่วนใหญ่เป็นถนนคดเคี้ยว ต้องขึ้น-ลงเขาตลอด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการขับขี่ เพราะใน Toyota Hilux REVO มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทาง ซึ่งคอยควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ช่วยรักษาความเร็วในการลงเขาได้อย่างสม่ำเสมอ ภูมิประเทศในช่วงนี้ เป็นทะเลทรายแห้งแล้งสลับกับหุบเขาตลอดทาง ภายใต้สภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัด ซึ่งระหว่าสองข้างทาง คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ได้สัมผัสกับมิตรไมตรีของชาวอิหร่านตลอดทาง ทั้งการโบกมือทักทาย ขอถ่ายรูป รวมถึงการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง หลังจากเดินทางมาได้สักพัก คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็มาถึงเมืองมัชฮัด เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอิหร่าน
ผู้คนที่นี่ยิ้มแย้ม เฮฮา อัธยาศัยดีทีเดียว
การเดินทางในวันที่ 23 ถือเป็นครึ่งทางของเส้นทางสายไหม โดยวันนี้ ทีมคาราวาน Toyota Hilux REVO จะต้องเดินทางไกลกันอีกครั้ง กับระยะทางกว่า 930 กม. เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองยาซ์ด ด้วยระยะทางที่ไกล ส่งผลให้คณะคาราวานต้องออกเดินทางกันแต่เช้า โดยรถ Toyota Hilux REVO ทั้ง 9 คัน รวมถึง Fortuner อีก 1 คัน ในคณะคาราวาน เคลื่อนขบวนออกจากมัชฮัดกันตั้งแต่ในช่วงเช้าตรู่ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุของที่ราบทะเลทราย ซึ่งตั้งแต่ออกจากเมืองออช ของคีร์กีซสถานเป็นต้นมา คาราวาน Toyota Hilux REVO ต้องวิ่งผ่านอากาศที่ร้อนจัดต่อเนื่องทุกวัน แต่รถทุกคันยังคงขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ได้ถึงความอึด ทนทาง ของเครื่องยนต์บล็อคล่าสุดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเจอสภาพอากาศและเส้นทางที่เลวร้ายขนาดไหน แต่ปิคอัพสุดแกร่งอย่าง Toyota Hilux REVO ก็พร้อมจะเปลี่ยนทุกอุปสรรคเป็นความท้าทายที่น่าค้นหา
Cool Box อีกหนึ่งออพชั่นที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่นตลอดการเดินทาง
สภาพเส้นทางจากเมืองมัชฮัด ถึงเมืองยาซ์ด ยังคงเป็นหุบเขาทะเลทราย พร้อมทางคดเคี้ยว และต้องผ่านชุมชนสลับที่ราบทะเลทราย ซึ่งสิ่งที่ยากสำหรับวันนี้ คือ การหาร้านอาหารกลางวัน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงถือศีลอดของประเทศอิหร่าน หลายๆ ร้านจึงปิดให้บริการ แต่ก็พอมีร้านข้าวและเนื้อแกะรสดีพอให้ทีมคาราวาน Toyota Hilux REVO ได้เติมพลัง สำหรับการเดินทางไกลในระดับกว่า 900 กม. ซึ่งนอกจากอาหารแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่ช่วยให้การนั่งรถนานๆ ไม่ล้าจนเกินไป คือ ความสะดวกสบายของห้องโดยสาร ซึ่ง Toyota Hilux REVO ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยห้องโดยสารที่กว้าง ช่วงล่างที่นุ่มนวล ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนในขณะเดินทาง นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีทั้งเครื่องเสียงและอุปกรณ์ความบันเทิง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องเก็บของรักษาความเย็น และช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC220 ทำให้การอยู่ในรถนานๆ ไม่สร้างความลำบากให้กับชาวคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ส่งผลให้การเดินทางถึงเมืองยาซ์ดเป็นไปอย่างราบรื่น
ก่อนจะออกเดินทางในวันที่ 24 ชาวคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO มีโอกาสได้สำรวจเมืองยาซ์ด ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี และมีความสำคัญอย่างมากบนเส้นทางสายไหม เพราะตั้งอยู่ใจกลางประเทศ เป็นจุดบรรจบของเส้นทางการค้าจากทั่วทุกสารทิศ สำหรับสถานที่แรกที่ทีมคาราวานไปสำรวจ คือ Amir Chakhmagh จตุรัสสำคัญแห่งหนึ่งที่มีมัสยิด อ่างอาบน้ำโบราณ และที่สำคัญยังเป็น Caravanserai หรือจุดแวะพักของคาราวานในช่วงเส้นทางสายไหม จากนั้นไปต่อกันที่ Masjid Jama ซึ่งเป็นมัสยิดหลักของเมือง พอเดินเข้าไปจะเห็นหอมินาเรตคู่ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านบนของอาคาร ก่อนจะปิดท้ายด้วยการไปชมเมืองเก่า ที่ทั้งเมืองเป็นสีส้มอ่อน เมื่อต้องกับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาสู่อดีต
เมืองยาซ์ด ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี
จุดมุ่งหมายการเดินทางของ Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ในวันนี้ คือ เมืองชีราซ ที่ห่างออกไปราว 455 กม. ภายใต้สภาพเส้นทางที่ยังคงเหมือนกันเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นอีกวันที่ชาวคาราวาน ต้องพึ่งพาตัวช่วยอย่างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารของ Toyota Hilux REVO ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง โดยก่อนจะเข้าสู่เมืองชีราซ คาราวาน Toyota Hilux REVO แวะเยี่ยมชมเพอร์เซโปลิส แหล่งโบราณคดีชื่อก้องโลก โดยคำว่า Persepolis เป็นคำภาษากรีก แปลว่า เมืองที่ถูกทำลาย แต่มาพ้องเสียงกับคำว่า เปอร์เซียโปลิส ซึ่งแปลว่า เมืองของชาวเปอร์เซีย ส่งผลให้ในปัจจุบันคนทั่วไปรู้จักคำว่า Persepolis ในความหมายของเมืองของชาวเปอร์เซียแทน
เพอร์เซโปลิส อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซีย
ในอดีตเพอร์เซโปลิส คือ เมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียอันยิ่งใหญ่ในยุค 525 – 424 ปี ก่อนคริสตกาล ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์สามพระองค์แห่งเปอร์เซียในราชวงศ์อเคมินิส ได้แก่ กษัตริย์ดาริอุสมหาราช กษัตริย์เซอร์เซก และกษัตริย์อาร์ทาเซอร์เซกที่ 1 ได้รับการปรับปรุงต่อเติมมาตลอดระยะเวลา 150 ปี โดยมีลักษณะเป็นป้อมปราการที่มีศูนย์กลางประกอบด้วยวังต่างๆ รวมถึงห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นที่เก็บทรัพย์สมบัติ และสิ่งของมีค่า ที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรเปอร์เซียในยุคนั้น ก่อนจะถูกกองทัพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช บุกทำลายจนพินาศในปี ค.ศ. 331 และถึงแม้จะเหลือแต่เพียงซากปรักหักพังให้ได้สัมผัส แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ทีมคาราวานอยู่ชื่นชมเพอร์เซโปลิสกันจนใกล้ค่ำ จึงมุ่งหน้าสู่เมืองชีราซ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 40 กม.
ประตูเมืองและกำแพงเมืองเก่าของเมืองชีราซ
ไม่ว่าจะสูงแค่ไหน Hilux REVO ก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้...ถ้าใจถึง
Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก เริ่มต้นกันแบบสบายๆ ในช่วงเช้าวันที่ 25 ของการเดินทาง ซึ่งวันนี้ต้องเดินทางประมาณ 479 กม. โดยมีเป้าหมายปลายทางที่เมือง อีสฟาฮาน ก่อนที่จะเดินทาง คณะคาราวานมีโอกาสแวะชมประตูเมืองและกำแพงเมืองเก่าของเมืองชีราซ พร้อมภาพถ่ายกันอย่างสนุกสนาน เส้นทางวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับวันก่อนๆ โดยต้องขับผ่านเส้นทางทั้งสองและสี่เลน ที่มีทั้งเขาและพื้นราบ โดยตลอดเส้นทาง จะต้องขับผ่านหมู่บ้านเป็นระยะๆ ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างเรียบง่าย ทำให้ผู้ขับได้ใช้ระบบ Cruise Control เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้า และถึงแม้อากาศภายนอกจะร้อน หรือต้องเจอกับลมแรง ช่วงล่างของ Toyota Hilux REVO ก็ยังนิ่ง
สิ่งหนึ่งที่ยังสร้างความสุขให้กับคระคาราวาน Toyota Hilux REVO คือ การทักทายจากเจ้าบ้าน ที่โบกมือทายทักตลอดเส้นทาง ซึ่งการเดินทางของคาราวาน Toyota Hilux REVO ในครั้งนี้ จะใช้ GPS เป็นตัวนำทาง พร้อมกับไกด์ท้องถิ่นสุดป่วนชวนฮาร่วมเดินทางไปด้วยกัน จนกระทั่งในช่วงบ่ายแก่ ๆ คาราวานก็มาถึงเมืองอีสฟาฮานเป็นที่เรียบร้อย
บรรยากาศและทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองอีสฟาฮาน
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางการค้าขาย รวมไปถึงวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และมีโบราณสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะการประดิษฐ์อักษรภาพอิสลามแบบชาวเปอร์เซีย ในอดีตที่นี่เป็นเมืองโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของบรรดากองคาราวานที่ขึ้นล่องอยู่ในแถบทะเลทรายดัชเตการ์วี
ชาวอิหร่าน กับอิริยาบทสบายๆ ที่คณะคาราวานพบเห็นได้ตลอดการเดินทาง
หลังจากที่เช็คอินเข้าพักโรงแรมในเมืองอีสฟาฮาน คณะคาราวานได้ออกไปเดินเล่น เพื่อศึกษาวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เป้าหมายแรก คือ สะพานคาจู เป็นสะพานที่เก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี คศ.1650 เพื่อข้ามแม่น้ำซายันเดห์ และจุดที่เป็นไฮไลท์ของเมืองที่พลาดไม่ได้ คือ จตุรัส นัค เอ ฌะฮาน ที่ได้ชื่อว่า เป็นจตุรัสที่ครองตำแหน่งที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก รองจากจตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่งเท่านั้น ที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์รวมของสุดยอดงานศิลปกรรมราชวงศ์อยู่หลายอย่าง เริ่มต้นที่ทางทิศใต้เป็นที่ตั้งของ มัสยิดอิหม่าม มัสยิดที่ใหญ่โตและงดงามวิจิตรตระการตา ทางทิศตะวันออกเป็นที่ตั้งของมัสยิดสำคัญอีกแห่ง ซึ่งถือเป็นมัสยิดประจำราชวงศ์ของผู้ปกครอง มัสยิดล๊อตฟุลเลาะห์ มัสยิดแห่งนี้ มีขนาดพื้นที่ไม่ได้ใหญ่โต แต่รายละเอียดของงานศิลปกรรมและความสมบูรณ์ของลวดลายถือเป็นงานศิลปกรรมชั้นเอกของกษัตริย์อับบาสที่ 1 และทางทิศตะวันตกก็เป็นที่ตั้งของพระราชวังอาลีคาปู พระราชวังที่กษัตริย์ใช้ในการประกอบพิธีและประทับเพื่อทอดพระเนตรการละเล่นและการแสดง รอบๆ จตุรัสเบื้องล่าง จะมีร้านค้าตั้งเรียงรายเพื่อให้บริการทั้งร้านขายของทั่วไป เสื้อผ้า ของที่ระลึก หรือแม้แต่พรมเปอร์เซียที่ขึ้นชื่อ
สีสันยามค่ำคืน ณ เมืองอีสฟาฮาน
ในการเดินเล่นที่เมืองอีสฟาฮาน ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ทำให้ได้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเมือง ที่ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันออกมานั่งพักผ่อน หย่อนใจ เอนกายกันทั่วบริเวณจตุรัส มีทั้งแบบครอบครัว เพื่อนฝูง หรือการจูงมือกันระหว่างคู่รัก และมีการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ทานข้าว ปิคนิค ปั่นจักรยาน เล่นกีฬาต่าง ๆ ที่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขของชาวเมือง
วันที่ 26 ของการเดินทาง เป็นวันที่ชาวคณะคาราวานกลุ่มที่ 4 เดินทางมาถึง และเป็นวันสุดท้ายในการเดินทางของกลุ่มที่ 3 สู่จุดมุ่งหมายที่กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน ด้วยระยะทาง 515 กม. เส้นทางเป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายสลับกับภูเขาดินเป็นระยะ ในระหว่างการเดินทาง คาราวาน Toyota Hilux REVO คือ มีรถหนึ่งคันในคาราวานยางรั่ว แต่ทุกคนในคาราวานก็อุ่นใจ เพราะมีรถ Toyota Hilux REVO Mobile Service ช่วยแก้ไขสถานการณ์ และชุบชีวิตให้รถสามารถวิ่งต่อได้อย่างไร้ปัญหา ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งนอกจากจะมีอุปกรณ์ในการเวอร์วิสที่ครบถ้วนแล้ว ยังต้องยกเครดิตให้กับความสามารถที่เปี่ยมล้นจากทีมงานเซอร์วิสของทาง Toyota ที่คอยเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการเดินทางในทุกๆ เช้า และช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเจอไม่เว้นแต่ละวัน
Toyota Hilux REVO Mobile Service หนึ่งในพระเอกของการเดินทางในครั้งนี้
หมู่บ้านอะบียาเนห์ เมืองเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ที่ก่อสร้างด้วยดินและอิฐ
ในวันนี้คณะคาราวานแวะเยี่ยมชมหมู่บ้านอะบียาเนห์ โดยเส้นทางต้องไต่ขึ้น-ลงเขา และมีโค้งเยอะ แต่ Toyota Hilux REVO ก็ไม่ทำให้ทีมคาราวานผิดหวัง กับการเข้าโค้งของช่วงล่างที่ยังคงหนึบ เกาะถนนได้อย่างมั่นใจเช่นเคย สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐ และดินดิบในการสร้างบ้าน ลดหลั่นกันตามไหล่เขา ซึ่งอยู่บนเนินเขาคาร์คัส อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,890 ม. โดยหมู่บ้านแห่งนี้ มีอายุกว่า 2,500 ปี ขณะที่สิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือนส่วนมากจะอายุกว่า 500 ปี แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาสมัยก่อนที่สามารถใช้อิฐและดินสร้างบ้านได้แข็งแรง จนอยู่มาถึงทุกวันนี้ จากนั้นคณะคาราวานออกเดินต่อ ภายใต้สภาพเส้นทางที่ยังคงเป็นที่ราบกึ่งทะเลทราย เมื่อเข้าสู่ชุมชนจะได้เห็นมัสยิดเป็นระยะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และความศรัทธาทางศาสนา
วิธีคนท้องถิ่น ณ หมู่บ้านอะบียาเนห์
เดินทางมาสักพัก คณะคาราวานแวะเติมน้ำมัน โดยราคาน้ำมันในอิหร่านลิตรละ 3 บาทเท่านั้น ก่อนที่จะเดินทางมาถึงกรุงเตหะรานในเวลาประมาณ 20.00 น. สิ่งหนึ่งที่น่าตื่นเต้นเมื่อเข้าสู่เมืองหลวง คือ การจราจรและการขับขี่ของคนพื้นที่ ที่ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว เลี้ยวปาด แทรกขบวน กันอย่างเมามันส์ สร้างความวุ่นวายให้กับคาราวาน Toyota Hilux REVO พอสมควรเลยทีเดียว
น้ำมันลิตรละ 3 บาท เติมกันให้เปรมสิครับ !
เตหะราน เป็นเมืองหลวงของประเทศอิหร่าน และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบประเทศตะวันออกกลาง ประชากรในเมืองประมาณ 14 ล้านคน นอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ การบินพาณิชย์ ในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย
ปิดท้ายการเดินทางในช่วงนี้ที่กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน
คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO กลุ่มที่ 4 เดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อย เตรียมพร้อมเดินทางในวันรุ่งขึ้น โดยจะมุ่งหน้าสู่เมืองทาบริส อันเป็นชายแดนของประเทศอิหร่าน ซึ่งคณะคาราวานจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างนั้น สามารถติดตามกันอย่างใกล้ชิดที่ BoxzaRacing รวมถึง www.facebook.com/toyotahiluxthailand และ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip