เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 4 กรกฏาคม 2559 - 18:32

Toyota Hilux REVO กับครึ่งทางของความทรหด สู่ประตูแห่งความสำเร็จที่เวนิส

 

          วันที่ 17 คาราวาน Toyota Hilux REVO เดินทางมาถึงเมืองทาชเค้นท์เป็นที่เรียบร้อย โดยวันนี้เป็นโอกาสดีที่ชาวคณะจะได้พักผ่อน 1 วัน เพื่อตรวจเช็คสภาพรถ เนื่องจากการเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงที่นี่ ทีมงานต้อเดินทางอย่างทรหดมากว่า 8,387 กม. ซึ่งในวันนี้จะมีคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 3 มาเปลี่ยนมือ โดยจะมีลูกค้า Toyota Hilux VIGO และ REVO เข้าร่วมพิสูจน์สมรรถนะจริงระดับโลกด้วย 

 

 

            อุซเบกิสถาน เป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเอเชียกลางที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และยังจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลถึง 2 ชั้น ซึ่งหมายถึง ประเทศถูกล้อมรอบด้วยประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลหรือถูกปิดล้อมด้วยแผ่นดิน โดยประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Double-Landlocked countries มีเพียง 2 ประเทศในโลก คือ อุซเบกิสถาน และลิกเตนสไตน์ 

 

ตลาดชอร์ซู ตลาดเก่ากลางเมืองทาชเค้นท์

 

             หลังจากที่เดินทางกันจนเกือบจะข้ามคืน วันนี้เป็นโอกาสดีที่ทีมงานจะได้พักผ่อน และสำรวจเมืองทาชเคนต์ ซึ่งในอดีตเป็นเขตใจกลางเส้นทางสายไหมทางฝั่งเอเชียกลาง จึงทำให้บริเวณนี้เป็นจุดศูนย์รวมของวัฒนธรรม ทั้งเติร์ก เปอร์เซีย อุซเบก และทาจิก ปัจจุบันทาชเคนต์จัดว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง ที่มีจำนวนประชากรกว่า 2 ล้านคน 

 

งานฝีมือ ของขึ้นชื่อแห่งทาชเค้นท์

 

 

            สถานที่แรกที่จะได้ไปเที่ยวชม คือ ตลาดชอร์ซู ตั้งอยู่ใจกลางกรุงทาชเคนต์ในส่วนของเมืองเก่า ตลาดแห่งนี้เคยเป็นชุมทางการค้าบนเส้นทางสายแพรไหมในอดีต มีอาคารเป็นรูปทรงกลม และหลังคาโดมขนาดใหญ่ เป็นศูนย์สรรพสินค้าและตลาดสดที่คึกคัก โดยบริเวณนี้ยังมีมัสยิดจูมาร์ กับกูเกลดัช มาดรัสซา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม หลังจากนั้นไปต่อกันที่ Khast Imam Complex ซึ่งประกอบด้วยมัสยิดสุสานของบุคคลสำคัญในอดีด และโรงเรียนสอนศาสนา ตกแต่งด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซีย

 

อนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ วีรกษัตริย์ผู้เป็นทายาทรุ่นหลานของเจงกิสข่าน

 

 

          จากนั้นไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์อมิร์ ติมูร์ วีรกษัตริย์ผู้เป็นทายาทรุ่นหลานของเจงกิสข่าน ผู้สร้างวีรกรรมมากมายให้กับประเทศ จากนั้นไปเดินเล่นกันที่ Independence Square ซึ่งเป็นลานขนาดใหญ่ที่เคยใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ของสหภาพโซเวียตในอดีต ก่อนที่คณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 2 จะเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ส่วนชาวคาราวานที่เหลือก็เซอร์วิสรถกันต่อเพื่อรับการเดินทางมาถึงของสื่อมวลชนและลูกค้าในกลุ่มที่ 3

 

 

          การเดินทางของคณะคาราวานกลุ่มที่ 3 ในวันที่ 18 เริ่มออกสตาร์ทกันที่เมืองทาชเค้นท์ โดยก่อนที่จะเริ่มเดินทาง คณะคาราวานออกสำรวจเมืองทาชเคนต์กันเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองซามาร์คานด์ อีกหนึ่งเมืองหลักของเส้นทางสายไหมในช่วงบ่าย แต่...สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โดยเมื่อถึงเวลาที่คาราวาน Toyota Hilux REVO  ต้องออกเดินทาง เมื่องทาชเค้นท์กำลังจะมีการประชุมของผู้นำประเทศ ทำให้ต้องเข้มงวดในเรื่องคตวามปลอดภัยเป็นพิเศษ ส่งผลให้ในบางเส้นทางไม่สามารถขับผ่านไปได้ ส่งผลให้ทีงานต้องหยุดการเดินทางที่เมืองทาชเค้นท์กันอีก 1 วัน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ทางทีมงานต้องแก้ไขสถานการณ์และวางแผนการเดินทางอย่างต่อเนื่อง

 

Minor Mosque มัสยิดสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใจกลางเมือง

 

 

          เพื่อไม่ให้การรอคอยเป็นไปอย่างสูญเปล่า คณะคาราวานใช้เวลาที่มีเพื่อการเยี่ยมชม Minor Mosque มัสยิดสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใจกลางเมือง ชมความงามของสถาปัตยกรรมในช่วงแสงสุดท้ายของวันที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับ พร้อมกับพระจันทร์ที่ขึ้นมาทักทายอยู่บนท้องฟ้า มัสยิดเปิดไฟสีขาวสวยงาม พร้อมน้ำพุหลากสี เมื่อชมความงามของมัสยิดกันจนสิ้นแสง คณะคาราวานจึงกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลเพื่อต่อยอดจากสถิติการเดินทางของ Toyota Hilux VIGO เมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งทาง Toyota เคยบุกตะลุยเส้นทางสายไหมมาจบที่เมืองทาชเค้นท์แห่งนี้ ในวันถัดไป Toyota Hilux REVO พร้อมแล้วที่จะสร้างประวัติสาสตร์หน้าใหม่  และเดินทางต่อไปยังเมืองซามาร์คานด์ และเมืองบูคาร่า ภายใต้ระยะทางกว่า 590 กม.

 

คณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 3 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่

 

 

             ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันในวันก่อนหน้า ส่งผลให้การเดินทางของคาราวาน Toyota Hilux REVO ล่าช้า ทำให้ในวันที่ 19 ของการเดินทาง ทีมงานต้องเปลี่ยนแผน จากเดิมที่ต้องแวะพักที่เมืองซาร์มาคานด์ จึงเปลี่ยนเป็นขับตรงไปพักที่เมืองบูคาร่า โดยต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ในช่วง 7.00 น. สำหรับเส้นทางส่วนใหญ่ของวันนี้ เป็นทางเขาสลับที่ราบสูงที่ค่อนข้างร้อนละแห้งแล้ง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่ต้องทำเวลากันเล็กน้อย ส่งผลให้คระคาราวาน Toyota Hilux REVO ต้องใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสูง ซึ่งปิคอัพสุดแกร่งอย่าง Toyota Hilux REVO ก็ตอบสนองเรื่องความเร็วได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งแช่ในย่านความเร็วสูง หรือแม้แต่ในช่วงเร่งแซงที่สามารถเพิ่มความเร็วได้แบบ “สั่งได้”

 

 

          จนมาถึงเมืองซาร์มาคานด์ในช่วงบ่าย โดยเมืองแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมมากว่า 2,500 ปี ถือเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุคเฟื่องฟู และสถานที่ที่ทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมคือ จตุรัสรีจีสตาน สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน ที่ล้อมรอบสามด้านด้วยมาดราซาขนาดใหญ่ งดงามด้วยงานประดับแผ่นกระเบื้องสีสดจากบนลงล่าง มีโดมสีเทอร์ควอยส์ โดยมีผู้สร้าง คือ ข้าหลวงชาวอุซเบกนามว่า ยาลังตุช บาคาดูร์ แต่เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดชุมทางการค้าที่ถนนหกสายภายในเมืองตัดมาบรรจบกัน ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นลานสวนสนามของกองทัพและลานประหารนักโทษ นับเป็นโบราณสถานที่สำคัญและมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน อีกทั้งมีความวิจิตรสวยงามที่ยากจะหาที่ใดมาเปรียบ

 

จตุรัสรีจีสตาน สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน

 

 

            หลังชื่นชมความงามของจตุรัสรีจีสตานกันพอสมควรแล้ว คาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เร่งเดินทางต่อไปยังเมืองบูคาร่าทันที เนื่องจากระยะทางยังอีกไกล จึงต้องใช้ความเร็วบนสภาพถนนที่ชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อและขรุขระ แต่ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ และระบบช่วงล่างที่ออกแบบใหม่หมด โดยยืดช่วงแหนบหลังให้ยาวยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระบบกันกระเทือนช่วยดูดวับแรงกระแทกและสร้างเสถียรภาพในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ในวันนี้ Toyota Hilux REVO พาชาวคณะมาถึงเมืองบูคาร่ากันก่อนพระอาทิตย์ตกดินตามที่ได้วางแผนเอาไว้ โดยคณะคาราวานมีโอกาสได้ชมแสงสุดท้ายกันที่จัตุรัสสำคัญที่สุดในเมือง พร้อมเก็บภาพความประทับใจ จนกระทั่งแสงทไวไลท์สีน้ำเงินถูกแทนที่ความงามด้วยสีดำสนิทของท้องฟ้า ที่มาพร้อมกับดาวและพระจันทร์ดวงโต ยิ่งทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

 

จัตุรัสที่สำคัญที่สุดในเมืองบูคาร่า

 

         เข้าสู่วันที่ 20 ของ Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กับภารกิจข้ามชายแดนสู่ประเทศเติร์กเมนิสถาน โดยคณะคาราวานเริ่มออกเดินทางจากบูคาร่ากันตั้งแต่ 7.00 น. เช่นเคย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรบ้างในขณะที่ต้องข้ามแดน โดยปลายทางของวันที่ 20 นี้คือ เมืองแมรี่ ระยะทางรวม 400 กม.

 

 

           ระหว่างทางจากบูคาร่า ถึงเมืองแมรี่ จะต้องเดินทางผ่านเมืองเก่าและป้อมปราการหลักของเมือง หลังจากนั้นเข้าสู่บรรยากาศของความแห้งแล้งอีกครั้ง โดยมุ่งหน้าสู่ด่านขาออกประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งขั้นตอนการตรวจยังคงเข้มงวดและใช้เวลากันพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่าตอนขาเข้ามาก หลังจากที่ออกจากด่านตรวจ และผ่านเขต No Man’s Land มาได้ไม่นาน ก็เข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งมีความแตกต่างจากทุกประเทศที่ผ่านมาพอสมควร ทั้งเรื่องความสะอาดและสถานที่ แต่ขั้นตอนการตรวจมีความละเอียดและเข้มงวดไม่ต่างกัน ทีมคาราวานต้องผ่านการตรวจทีละคัน และเปิดสัมภาระทุกชิ้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร หลังจากนั้นคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เข้าสู่ประเทศเติร์กเมนิสถานอย่างเป็นทางการ 

 

 

            เติร์กเมนิสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง ทิศใต้อยู่ติดกับประเทศอิหร่านโดยมีเทือกเขาคั่นกลาง ทิศตะวันตกติดกับทะเลแคสเปียนอันเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับอุซเบกิสถานและอัฟกานิสถาน เศรษฐกิจหลักของประเทศเน้นหนักไปที่การส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และได้ชื่อว่าเป็นชาติที่โดดเดี่ยวที่สุดในกลุ่มเอเชียกลาง รัฐบาลมีอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก แต่เชื่อว่าน่าจะเปิดประเทศมากขึ้นในอนาคต สื่อต่างๆ อยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวด มีการบล็อกโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกชนิด การขอวีซ่าก็เช่นเดียวกัน ทำให้การเข้าเติร์กเมนิสถานเป็นเรื่องยากมาก ผิดกับสมัย 800 กว่าปีก่อน ที่ประเทศนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหมเลยก็ว่าได้ 

 

เย็นย่ำค่ำนี้ที่เมืองแมรี่

 

 

            คาราวาน Toyota Hilux REVO มุ่งหน้าสู่เมืองแมรี่ โดยเส้นทางที่ต้องเจอในระเทศนี้ค่อนข้างขรุขระและมีโค้งเกือบตลอดทาง แต่สมรรถนะช่วงล่าง รวมถึงตัวช่วยการทรงตัวของ Toyota Hilux REVO ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ช่วยให้ทีมงานเดินทางผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ด้วยเวลาที่ไม่บีบมากนัก ทำให้คณะคาราวาน มีโอกาสที่จะได้แวะพักที่เมืองเมิร์ฟ ที่เคยเป็นจุดแวะพักของกองคาราวานสินค้าในอดีต และได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 11 แต่ไม่นานก็ถูกชาวมองโกลยกทัพมาตีจนพังพินาศ ร่องรอยที่เหลือจึงมีเพียงซากกำแพงและซากปรักหักพัง โดยจุดที่ทีมคาราวานแวะชมคือ Mausoleum of Sultan Sanjar ซึ่งเป็นสุสานของ Ahmad Sanjar บุคคลที่สำคัญในอดีตของเติร์กเมนิสถาน หลังจากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองแมรี่ซึ่งอยู่เลยไปประมาณ 30 กม. โดยมาถึงจุดหมายกันในช่วงหัวค่ำ

 

 

          วันที่ 21 ของการเดินทาง คาราวาน Toyota Hilux REVO มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เมืองอาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแมรี่ราวๆ 376 กม. ทัศนียภาพสองข้างทางต้องผ่านอาคารบ้านเรือนต่างๆ ทำให้คณะคาราวานมีโอกาสชมวิถีชีวิตชาวเติร์กกันพอหอมปากหอมคอ และสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การที่มีคนมายืนโบกรถอยู่ตลอดซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของดินแดนแห่งนี้ ที่สามารถโบกรถและขอโดยสารกับรถที่ผ่านไปผ่านมาได้ โดยหากจอดรับ สามารถเรียกแชร์ค่าโดยสารได้ตามความสมัครใจ ซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่แปลกและหาดูได้ยากในสมัยนี้ สภาพเส้นทางโดยรวมของวันนี้ ไม่ต่างจากเมื่อวานมากนัก โดยยังคงอยู่ในสภาพที่ขรุขระ ร้อน และแห้งแล้ว โดยอุณหภูมิในช่วงบ่ายพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินทาง เพราะระบบปรับอากาศภายในรถยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยอย่าง Cool Box ที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่นท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุได้ดีทีเดียว 

 

 

            ใช้เวลาไม่นานนัก คาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เดินทางมาถึงเมืองอาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน มีประชากรประมาณ 7 แสนคน ดินแดนแห่งนี้นับว่าเป็นเมืองที่มีความโอ่อ่า สะอาด และสวยงามอลังการจนเกินคาดคิด สถาปัตยกรรมหลักๆ ของเมือง ทั้งอาคารบ้านเรือน สำนักงาน และสถานที่ราชการ สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวนำเข้าจากอิตาลี ทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสีขาวใสบริสุทธ์ โดยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่นำมาพัฒนาประเทศนั้น เป็นผลมาจากการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ใต้ผืนดิน ซึ่งหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และได้กลายมาเป็นทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของที่นี่จนถึงปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นเมืองหลวงทั้งเมืองจะถูกสร้างด้วยหินอ่อน แม้กระทั่งป้ายรถเมล์ที่สร้างจากหินอ่อนพร้อมติดแอรืเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารด้วย

 

อาชกาบัต ดินแดนแห่งความขาว

 

 

            คาราวาน Toyota Hilux REVO ขับไปตามทางท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกตา ก่อนจะแวะรับประทานมื้อเที่ยงท้องถิ่น ก่อนจะชมเมืองกันในช่วงเย็น โดยผ่านอนุสาวรีย์รูปม้า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเติร์กเมนิสถาน เพราะม้าที่นี่จัดว่าเป็นหนึ่งในม้าพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก ก่อนจะผ่านอาคารสำคัญมากมายหนึ่งในนั้นคือ สนามกีฬาที่สร้างอย่างสวยงาม เพื่อเตรียมสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ในปีหน้า จากนั้นไปเก็บภาพกันต่อที่อนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานประจำเมือง ชิงช้าสวรรค์หินอ่อน รวมถึงอาคารกระทรวงศึกษาธิการซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยออกแบบอาคารเป็นรูปหนังสือที่กำลังเปิด ถัดไปมีอาคารของกระทรวงการต่างประเทศที่มีลูกโลกเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาคาร เรียกได้ว่าการออกแบบทุกอาคารของที่นี่ นอกจากความสวยงาม โอ่อ่า ยังเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เหนือจินตนาการเลยทีเดียว

 

สีสันยามค่ำคืนแห่งอาชกาบัต

 

          เรียกได้ว่าเข้าสู่ครึ่งทาง ของการเดินทางจากกรุงเทพฯ – อิตาลี อย่างแท้จริง ซึ่งแม้จะมีอุปสรรคมาขวางกั้นบ้าง แต่ชาวคระคาราวานก็เดินทางได้อย่างปลอดภัยและตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนการเดินทางในวันต่อๆ ไป จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามกันอย่างใกล้ชิดที่ BoxzaRacing รวมถึง www.facebook.com/toyotahiluxthailand และ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook