Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก เดินทางกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 วัน ภายใต้ระยะทางกว่า 7,200 กม. โดยต้องผ่านอุปสรรคมากมายตลอดเส้นทาง ซึ่งก็สร้างความอ่อนล้าให้กับคณะผู้เดินทางได้พอสมควรทีเดียว วันที่ 13 เป็นโอกาสดีที่คาราวาน Toyota Hilux REVO จะได้หยุดพัก 1 วัน เพื่อชื่นชมความสวยงามที่เมืองคาชการ์
ตลาดประจำเมืองคาชก้าร์กับสินค้ามากมายให้เลือกซื้อหา
เมืองคาชการ์ หรือคาสือ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สุดพรมแดนทางตะวันตกของประเทศจีน ในอดีตเป็นเมืองที่เคยผ่านการถูกยึดครองทั้งจากอังกฤษ รัสเซีย ชนชาติอาหรับ และจีน โดยเป็นจุดบรรจบแห่งอารยธรรมโบราณบนเส้นทางสายไหมที่มีอายุอานามเก่าแกร่กว่า 2,000 ปี ซึ่งแน่นอนว่าการที่คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO เดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ได้แล้ว นั่นหมายความว่า คาราวานพร้อมที่จะเดินทางได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากได้ผ่านพ้นเส้นทางทะเลทรายอันถือเป็นช่วงที่ยากที่สุดมาเรียบร้อย
เมืองโอเอซิสอย่างคาชการ์ตั้งอยู่บนแอ่งที่ราบทาริม บนขอบทะเลทรายตากลามากันที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยเป็นรองเพียงแค่ทะเลทรายซาฮาร่า โดยที่นี่อาจเป็นเพียงแห่งเดียวในโลก ที่ผู้มาเยือนจะมีโอกาสได้เห็นชาวมุสลิมคีบตะเกียบและกินก๋วยเตี๋ยวกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศปากีสถาน บนเส้นทางคาราโครั่มไฮเวย์ ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างคาชการ์กับกรุงอิสลามาบัด ในปากีสถาน
สำรวจเมืองเก่าแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A กันสักหน่อย
วิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นกับสินค้าที่ทั้งถูกและดี
ในวันนี้คณะคาราวานนั่งรถบัสสำรวจเมือง เริ่มที่ตลาดค้าส่งหลัก ซึ่งมีสินค้าแทบจะทุกประเภทตั้งแต่เครื่องเทศ เสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าพันคอ รองเท้า เครื่องหนัง ขนม ของเล่น ฯลฯ ที่มีราคาถูกมาก โดยสิ่งหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานไม่น้อย ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องอัธยาศัยไมตรีของชาวท้องถิ่น ซึ่งหลังจากที่ช็อปกันจนหนำใจแล้ว ได้เวลาเดินทางต่อไปยังเขตเมืองเก่าที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (สถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่มที่ดีที่สุดของจีน) โดยภายในเมืองเก่าแห่งนี้ ยังมีชาวท้องถิ่นอาศัยอยู่จริง ซึ่งส่วนมากจะเป็นเด็ก ผู้หญิง และคนชรา เนื่องจากผู้ชายจะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หลังจากที่สัมผัสวิถีชีวิตวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ ทำให้รู้สึกได้เลยว่า ที่นี่ คือ ประเทศจีน ที่แทบจะไม่หลงเหลือความเป็นจีนอยู่เลยแม้แต่น้อย
สุสานอาบัค โฮจา อนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับนักบวชซูฟี
หลังจากนั้นทีมคาราวานได้ไปเยี่ยมชมสุสานอาบัค โฮจา อนุสรณ์สถานที่อุทิศให้กับนักบวชซูฟีย์ในสำนักชบันดีผู้มีชื่อเสียงที่สุดในซินเจียง โดยอาบัค โฮจา มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 และศพของท่านได้ถูกฝังไว้ที่นี่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวอีกหลายคน จากนั้นไปเยี่ยมชมมัสยิดอิดกาห์ มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในจีน รองรับคนได้ถึง 10,000 คน โดยคำว่า “อิดกาห์” เป็นภาษาฟาร์ซี หมายถึง สถานที่แห่งเทศกาล ทุกวันศุกร์ชาวมุสลิมเผ่าอุยกูร์ จะมารวมตัวประกอบพิธีศาสนกิจกันที่นี่ โดยสถาปัตยกรรมของมัสยิดแห่งนี้เป็นสไตล์เอเชียกลางขนานแท้ ตบท้ายวันนี้กันที่จตุรัสก๋วงฉ่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เตือนให้ทีมรู้ว่าวันนี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ในประเทศจีน เพราะวันรุ่งขึ้นคาราวาน Hilux REVO จะเดินทางเข้าสู่ประเทศคีร์กีซสถาน
ปราการด่านสุดท้าย ณ ทิศตะวันตกของชายแดนจีน
วันสุดท้ายที่ชายแดนจีน คาราวาน Toyota Hilux REVO พร้อมเดินทางมุ่งหน้าสู่เอเชียกลาง โดยเริ่มจากประเทศคีร์กีซสถาน โดยมีจุดหมายของวันที่หมู่บ้านซารีทัช ด้วยระยะทางเพียง 310 กม. แต่คาราวานต้องเคลื่อนขบวนกันตั้งแต่ 7.00 น. เพราะต้องผ่านด่านตรวจชายแดนถึง 3 ด่าน ซึ่งแต่ละด่านก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป และใช้เวลามากพอสมควร
กว่าด่านจะเปิด ต้องใช้เวลากันพอสมควรเลยทีเดียว
เส้นทางช่วงแรกยังคงเป็นที่ราบกึ่งทะเลทราย ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นทราย ทำให้ทัศนวิสัยไม่ค่อยดี คณะคาราวานจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่เดินทางราว 3 ชั่วโมง คาราวานก็มาถึงด่านชายแดนขาออก ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารกันพอสมควร หลังจากผ่านด่านจีนเป็นที่เรียบร้อย คาราวาน Toyota Hilux REVO ก็มุ่งหน้าสู่ด่านตรวจของประเทศคีร์กีซสถาน ณ เมืองอีร์เกชทัม โดยผ่านเขตที่เรียกว่า "No Man’s Land" หรือดินแดนที่ไม่มีเจ้าของซึ่งอยู่ระหว่าง 2 ประเทศ โดยในช่วงนี้มีฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ถนนลื่นมาก แต่ด้วยช่วงล่างสุดหนึบของ Toyota Hilux REVO ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง และพร้อมพาคณะคาราวานทุกชีวิตวิ่งผ่านไปอย่างปลอดภัย
ด้วยความที่มีสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุณหภูมิท้องถิ่นลดต่ำลง จนทำให้ผู้ร่วมเดินทางต้องหนีหนาวเข้าไปหลบอยู่ในรถระหว่างที่รอตรวจสอบเอกสารผ่านแดน ซึ่งเป็นโชคดีที่ใน Toyota Hilux REVO มีระบบ Heater ที่ช่วยเติมความอบอุ่นให้กับชาวคณะจนสามารถผ่านแดนได้สำเร็จ
คีร์กีซสถาน เป็นประเทศแยกตัวออกมาหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี ค.ศ. 1991 เช่นเดียวกับ คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน และเตอร์กเมนิสถาน โดยทั้ง 5 ประเทศ จะถูกเรียกรวมกันว่าเป็นเขตเอเชียกลาง มีพรมแดนติดกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและไม่มีทางออกสู่ทะเล เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดมีชื่อว่า บิชเคก และในอดีตก็ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งของเส้นทางสายไหมเช่นกัน ภูมิประเทศถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงเกือบ 90% ของพื้นที่ และปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบนยอดเขาตลอดปี จุดที่สูงที่สุดในคีร์กีซสถานอยู่ที่เทือกเขาเทียนซานบนความสูงราว 7,439 ม. จากระดับน้ำทะเล ซึ่งเมื่อเห็นแล้วต้องบอกว่า เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้ประเทศใดในโลกเลยทีเดียว
วันที่ 15 ของการเดินทาง คาราวาน Toyota Hilux REVO ยังคงต้องเดินทางในคีร์กีซสถานอีก 1 วัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมืองออช ภายใต้ระยะทางเพียง 185 กม. เท่านั้น ทำให้คณะคาราวานมีเวลาพอที่จะได้เชยชมกับความสวยงามและสัมผัสวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นกันในครึ่งวันเช้า โดยการดำเนินชีวิตของชาวบ้านแถบนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ส่วนมากประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ ท่ามกลางฝูงแพะและม้าที่ยืนเล็มหญ้าอยู่กลางทุ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดูสดใส เจริญหูเจริญตาเป็นอย่างยิ่ง
คาราวาน Toyota Hilux REVO เริ่มเคลื่อนขบวนสู่เมืองออชในช่วงสาย โดยหลังจากที่ประจำการบนรถรถเป็นที่เรียบร้อย หลายๆ คนเริ่มนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาชาร์ตแบตเตอรี่ตามจุดต่างๆ ของ Toyota Hilux REVO ทั้งการชาร์จในรูปแบบ USB หรือแม้แต่การเสียบปลั๊กไฟ AC 220 โวลต์ เนื่องจากที่พักในหมูบ้านซารีทัช แทบจะไม่มีที่ชาร์จไฟให้เลย
Hilux REVO มาพร้อมช่องเชื่อมต่อต่างๆ ที่สามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ได้อย่างหลากหลาย
บรรยากาศสองข้างทางในวันนี้ ยังคงเป็นถนน 2 เลน ผ่านหุบเขาอันสวยงาม และเปี่ยมด้วยความเป็นธรรมชาติ โดยมีทั้งทางโค้งและทางลงเขามาท้าทายประสิทธิภาพของช่วงล่างเป็นระยะ โยวันนี้เป็นโอกาสดีที่คระคาราวานกลุ่มที่ 2 มีโอกาสไดทดลองใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน ที่จะช่วยรักษาความเร็วในการลงเขาอย่างเหมาะสมโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องแตะเบรค ช่วยเติมความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางให้มากขึ้น จนกระทั่งเดินทางมาถึงเมืองออชในช่วงบ่าย สำหรับเมืองแห่งนี้ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทส โดยมีอายุกว่า 3,000 ปี ไฮไลท์ของเมืองอยู่ที่ Solomon's Throne ซึ่งเป็นเนินเขาใจกลางเมือง เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาจะได้เห็นวิวของเมืองออชแบบ 360 องศา
เข้าสู่วันสุดท้ายกับการเดินทางของคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 2 นับเป็นภารกิจก่อนอำลาประเทศคีร์กีซสถาน เพื่อข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสถาน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมืองทาชเคนต์ เมืองหลวงของประเทศด้วยระยะทาง 395 กิโลเมตร ซึ่งขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของอุซเบกิสถาน ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานานมาก ทำให้ทีมคาราวานต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ 7.00 น. โดยหลังจากเริ่มเดินทางได้ไม่นาน คาราวาน Toyota Hilux REVO ก็มาถึงด่านชายแดน เข้าสู่พิธีการตรวจเอกสารและหนังสือเดินทางแบบรายบุคคล โดยมีไกด์ท้องถิ่นช่วยอำนวยความสะดวกในการแปลภาษา จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศอุซเบกิสถานทันที
ผู้คนที่นี่...อัธยาศัยดีทีเดียว
คณะคาราวาน Toyota Hilux REVO เดินทางมาถึงด่านตรวจประมาณ 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งการตรวจที่เข้มงวดและไร้ซึ่งเทคโนโลยี สร้างความกังวลให้กับชาวคณะพอสมควร โดยขั้นตอนการผ่านแดนเริ่มจากการแยกผู้โดยสารและคนขับรถออกจากกัน โดยผู้โดยสารจะต้องเดินเข้าไปก่อนเพื่อผ่านการตรวจค้นอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้นำเอาสิ่งที่ไม่เหมาะสมเข้าประเทศ โดยต้องตรวจกันคนละหลายครั้งตั้งแต่ด่านแรก จุดประทับตราวีซ่า จนถึงขั้นพิธีการศุลกากร ในส่วนของการตรวจรถก็มีขั้นตอนที่ยุ่งยากไม่แพ้กัน รถทุกคันต้องผ่านการตรวจทั้งเอกสาร ระบบต่างๆ และสัมภาระทุกชิ้นอย่างละเอียด ทั้งจากทหารพร้อมสุนัขคู่ใจที่มาดมกลิ่นตรวจหาสิ่งต้องห้ามบนรถกันอีกหนึ่งรอบเพื่อความมั่นใจ กว่าจะผ่านเข้าสู่ประเทศอุซเบกิสถานได้ ใช้เวลาจนถึง 18.00 น. เลยทีเดียว
สำหรับเส้นทางในช่วงแรกค่อนข้างทุรกันดาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบททดสอบในเรื่องความนิ่มนวลของ Toyota Hilux REVO ได้เป็นอย่างดี โดยเหลือระยะทางที่ต้องเดินทางอีกกว่า 300 กม. กับเส้นทางรูปแบบนี้ ดูแล้วคงต้องใช้เวลากันพอสมควร คระคาราวานจึงตัดสินใจแวะรับประทานอาหารเย็นให้เรียบร้อย ก่อนจะออกเดินทางกันต่อ โดยตั้งแต่ผ่านด่านประเทศจีนที่เมืองคาชการ์ มาจนถึงขณะนี้ คาราวาน Toyota Hilux REVO ยังไม่ได้เติมน้ำมันกันอีกเลย ทั้งที่ต้องขับขึ้น-ลงเขากันตลอดทางกว่า 550 กม. จนมาเติมน้ำมันอีกครั้งที่นี่ราว 30 ลิตร เพื่อความมั่นใจว่าจะสามารถเดินทางต่อแบบไม่ต้องลุ้น นับว่าเป็นบทพิสูจน์ถึงความประหยัดของ Toyota Hilux REVO ได้ดีทีเดียว
หลังจากที่ออกเดินทางต่อไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น โดยคาราวาน Toyota Hilux REVO ต้องเจอกับด่านตรวจหนังสือเดินทางอีก 2 ด่าน ที่ยังคงตรวจกันอย่างเข้มงวด ทำให้ต้องเสียเวลาในขั้นตอนนี้ไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นคาราวานต้องเร่งเดินทางต่อในสภาพถนนที่ค่อนข้างแคบ มีที่กั้นเป็นระยะ และแทบไม่มีไฟส่องสว่าง โดยต้องอาศัยไฟหน้าโปรเจคเตอร์ของ Toyota Hilux REVO เป็นหัวใจหลักในการนำทางและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเจออุปสรรคในการขับขี่ คือ สภาพการจราจรที่แดอัดและมีรถท้องถิ่นแทรกขบวนตลอดทาง ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังกันมากขึ้น จนในที่สุดคณะคาราวาน Toyota Hilux REVO ก็เดินทางมาถึงเมืองทาชเคนต์ในเวลาเกือบ 4.00 น. ถือเป็นวันที่ค่อนข้างเหนือการควบคุมของคณะคาราวานจริงๆ
ประวัติศาสตร์การขับรถสุดหฤโหดจากกรุงเทพฯ สู่เวนิส เดินทางมาจนใกล้เข้าสู่จุดกึ่งกลางแล้ว ยังมีอุปสรรคมากมายที่ท้าทายอยู่เบื้องหน้า ซึ่งชาว Toyota Hilux REVO คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก จะต้องเจอความยากลำบากในรูปแบบใดอีก สามารถติดตามและให้กำลังใจกันได้อย่างต่อเนื่องที่ BoxzaRacing รวมถึง www.facebook.com/toyotahiluxthailand และ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip