Mini ประเทศไทย นำทัพสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ เพื่อร่วมสัมผัสสมรรถนะและดีไซน์อันยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของยานยนต์ระดับตำนานจากอังกฤษ กับรถยนต์มินิรุ่นล่าสุด ทั้ง Mini Clubman, John Cooper Works และ Cooper SD All 4 Country Man Park Lane ในงาน MINI Driving Experience 2016
"รถยนต์ Mini ทุกรุ่นถือเป็นสัญลักษณ์แทนความสนุกในการขับขี่ พร้อมด้วยงานออกแบบที่โดดเด่น แตกต่าง ไม่ซ้ำใคร” คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าว “นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา เราได้ทยอยนำยนตรกรรมมินิรุ่นล่าสุดเข้ามาสร้างสีสันให้แฟนๆ ชาวไทยได้ตื่นตาตื่นใจ เพื่อต่อยอดความสำเร็จของมินิในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคหรูของเมืองไทย และในโอกาสนี้ เราก็พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ครบเครื่องในสไตล์มินิให้ได้สัมผัสกัน”
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย
Mini Clubman โฉมใหม่...ใหญ่และหรูหราที่สุดเท่าที่เคยมี
Mini Clubman โฉมใหม่ ใหญ่ที่สุดในตระกูลมินิ
ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับรถยนต์ Mini แฮทช์ 5 ประตู Mini Clubman จึงเป็นรถยนต์มินิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พร้อมตอบรับทุกการใช้งานด้วยช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร เมื่อทำการพับเบาะที่นั่งหลังซึ่งแยกกันที่ 40:20:40 ส่วนฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างใช้วัสดุโลหะที่โดดเด่นสะดุดตา เป็นอีกจุดเด่นชวนมองในส่วนท้ายของ มินิ คลับแมน โฉมใหม่ เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่าในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองด้านหลังให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังสะดวกสบายด้วยการเปิดประตูแบบไม่ต้องสัมผัส เพียงใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้ายเมื่อมีกุญแจรถอยู่กับตัวเท่านั้น
Mini Clubman โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3 รุ่น โดยขุมกำลังของมินิ รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้อารมณ์ในการขับขี่แบบโกคาร์ทโดยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น
Mini John Cooper Works โฉมใหม่ สุดเร้ากับสมรรถนะส่งตรงจากสนามแข่ง
Mini John Cooper Works โฉมใหม่ เต็มพลัง ส่งตรงจากสนามแข่ง
Mini John Cooper Works โฉมใหม่ ผสมผสานความเร้าใจจากสนามแข่งกับความหรูหราเต็มเปี่ยมของมินิรุ่นล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นแต่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิกไว้อย่างครบครัน ต่อยอดจากรถยนต์ต้นแบบเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้
Mini John Cooper Works ใหม่ มาพร้อมกับที่สุดแห่งขุมพลังสปอร์ตจากมินิ กับเครื่องยนต์ 4 สูบที่ติดตั้งแบบ Transverse พร้อมอัพเกรดระบบส่งกำลังให้ทำงานราบรื่นด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้คุณขับขี่ได้คล่องตัว รวดเร็ว พร้อมท้าทายทุกสนามแข่ง ขุมพลังใหม่ของ Mini John Cooper Works ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่มินิเคยนำออกมาทำตลาด โดยมีกำลังสูงสุดถึง 231 แรงม้า
นอกจากนี้ Mini John Cooper Works ยังมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display พร้อมคอนเทนต์พิเศษในรุ่นนี้เฉพาะ หลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Chili Red ล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบา จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ขนาด 18 นิ้ว และแถบสีแต่งกระโปรงรถลายจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ส่วนระบบช่วงล่างทำงานสอดประสานกับเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับเบรกระดับสปอร์ตรุ่นใหม่จาก Brembo ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ เซอร์โวทรอนิก ที่ใช้ทั้งระบบไฟฟ้าและกลไกผสมผสานกัน และเทคโนโลยี Dynamic Stability Control ที่มีทั้งคุณสมบัติ Dynamic Traction Control (DTC), Electronic Differential Lock Control (EDLC) และ Dynamic Damper Control ติดตั้งมาในตัวเป็นมาตรฐาน
Mini Cooper SD All4 Country Man Park Lane
Cooper SD All4 Country Man Park Lane ใหม่
Cooper SD และ All4 Country Man Park Lane ใหม่ เป็นรุ่นที่ 3 ของมินิรุ่นไฮเอนด์สุดคลาสสิกที่เปี่ยมความหรูหรา พร้อมจับทุกสายตาด้วยดีไซน์และสีสันพิเศษสุดเฉพาะตัว ตัวถังสีเทาเมทัลลิก Earl Grey จับคู่กับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Oak Red พร้อมแต่งด้วยแถบสีสไตล์สปอร์ตในสีเดียวกับกระโปรงรถ กันชนท้าย และส่วนข้างตัวรถ ขณะที่ไฟเลี้ยวติดตั้งในกรอบชุบโครเมียมที่แต่งด้วยสีแดง Oak Red เช่นกัน นอกจากนี้ ตัวรถยังเสริมความสปอร์ตด้วยล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว สีเทาในดีไซน์ Turbo Fan Dark Grey พร้อมตกแต่งรอบตัวถังด้วยชิ้นส่วนกันชนและขอบประตูสีเงินในชุดแต่ง MINI ALL4 Exterior
Cooper SD และ All4 Country Man Park Lane ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งบล็อก มอบกำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 305 นิวตัน-เมตร
สำหรับการทดลองขับจะแบ่งออกเป็น 3 สถานี เพื่อให้สื่อมวลชนได้รับรู้ถึงสมรรถนะ และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่อยู่ในรถ Mini แต่ละรุ่น เริ่มตั้งแต่การขับขี่ในรูปแบบของ Lane Change แคบ ที่ใช้ความเร็วในย่าน 50 และ 60 กม./ชม. ตามลำดับ ความรู้สึกที่สามารถสัมผัสได้ในรถ Mini ทุกรุ่นก็คือ ความเฉียบคมของพวงมาลัย ช่วงล่าง เรียกได้ว่าบังคับทิศทางได้ตามสั่งอย่างแท้จริง โดยนอกจากประสิทธิภาพของช่วงล่างอันเฉียบคม และการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลที่ 50:50 แล้ว ยังมีตัวช่วยอย่างระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่ช่วยให้รถวิ่งไปในทิศทางที่ต้องการ โดยไม่เสียอาการแม้จะต้องหักเลี้ยวแรงๆ
ในสถานีที่ 2 เป็นการทดลองระบบความปลอดภัยในกรณีที่มีการลื่นไหล โดยในขั้นตอนการทดลองขับนั้น ทาง Instructor จะให้ขับโดยปิด Traction Control เพื่อตั้งใจให้รถเสียอาการ ซึ่งเมื่อรถ Mini เสียอาการแล้ว เพียงแค่ถอนคันเร่ง (โดยหักพวงมาลัยในองศาเดิม) ระบบ Electronic Differential Lock Control (EDLC) หรือลิมิเต็ดสลิปแบบไฟฟ้า จะช่วยดึงรถให้กลับเข้าสู่เส้นทางได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็ลองเปิดระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และกดคันเร่งลงไปเต็มๆ แบบไม่มีการยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งเลย พบว่าระบบแทร็กชั่นคอนโทรล จะช่วยรักษาอาการรถทั้งในเรื่องของการตัดกำลังจากเครื่องยนต์ รวมไปถึงการส่งกำลังเพื่อเบรกล้อที่เกิดการลื่นไถลให้มีความเหมาะสม เพื่อให้รถ Mini มีเสถียรภาพในการทรงตัวที่ดีเยี่ยม ส่วนในสถานีสุดท้าย เป็นการทดลองขับขี่ในรูปแบบ Circuit ย่อมๆ เพื่อดูเรื่องของอัตราเร่งที่มีความโดดเด่น รวมไปถึงประสิทธิภาพการเบรกที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มเปี่ยม