Toyota VIOS ยนตรกรรมซับคอมแพคซีดานขวัญใจมหาชน นับว่าเป็นรถขนาดเหมาะมือที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยภาพลักษณ์ที่สวยงาม เรียบง่าย สื่อถึงอารมณ์ความหรูหรา ภายใต้การใช้งานที่คล่องตัวจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ให้สมรรถนะที่โดดเด่น ควบคู่กับความทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย
ด้วยความที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ในเรื่องของขุมพลังนั้น ในครั้งอดีต ทางค่ายยังคงยึดมั่นอยู่กับเครื่องยนต์ในบล็อค 1NZ-FE ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ในฝั่งไอดี จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด ที่แม้จะสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในมุมมองของผู้บริโภค กลับต้องการสิ่งแปลกใหม่ที่เหนือกว่า อันเป็นที่มาของเสียงเรียกร้องอย่างหนาหูจากแฟนๆ ซึ่งทาง Toyota เอง ก็มิได้รอช้า โดยล่าสุดได้ปล่อย Toyota VIOS ที่แม้เรื่องภาพลักษณ์อาจจะไม่ได้ดูมีอะไรเปลี่ยนมากมาย แต่ในเรื่องเทคโนโลยีและระบบขับเคลื่อนต่างๆ กลับได้รับการพัฒนาแบบจัดเต็ม ทั้งในเรื่องของขุมพลัง, ระบบขับเคลื่อน หรือแม้แต่เรื่องของระบบความปลอดภัยที่มีการเพิ่มระบบควบคุมการทรงตัวหรือ VSC (Vehicle Stability Control) ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งหลังจากที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับมาเป็นที่เรียบร้อยด้วยระยะทางกว่า 350 กม. จึงขอสรุปเป็นข้อๆ สำหรับสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาใน Toyota VIOS รุ่นใหม่นี้
เครื่องยนต์บล็อกใหม่ในรหัส 2NR-FBE พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i
เริ่มกันที่เครื่องยนต์บล็อกใหม่ในรหัส 2NR-FBE ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรฝันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย Dual VVT-i ที่ส่งให้เครื่องยนต์ตัวนี้ มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องแรงบิดที่มีมาให้ใช้งานในช่วงที่กว้าง โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที อีกทั้งยังให้แรงม้าที่สูงถึง 108 ตัว ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที ซึ่งแน่นอนว่าจากตัวเลขตรงนี้ อาจทำให้ผู้ใช้หลายๆ ท่านเกิดความสงสัยว่าทำไมแรงม้าที่ได้จึงน้อยกว่าเครื่องยนต์บล็อคเก่า (109 แรงม้า) ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว การนำระบบ Dual VVT-i มาใช้ น่าจะให้แรงม้าที่สูงมากขึ้น หากจะให้อธิบายตามความเข้าใจของผู้เขียน คิดว่าทีตัวเลขแรงม้าน้อยลง เป็นเพราะในเรื่องกฎหมายใหม่ที่ค่ามลพิษมีผลต่อภาษีสรรพสามิต จึงทำให้แรงม้าถูกจำกัดไว้เพียง 108 ตัว ซึ่งจะว่าไป ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว ที่สำคัญยังมอบความหลากหลายด้วยการรองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E85 เลยทีเดียว
นิ่ง นุ่ม และหนึบกว่าเดิมแบบรู้สึกได้
ประการที่สองที่ทำให้ Toyota VIOS รุ่นใหม่ มีสมรรถนะที่สูงขึ้นก็คือ ระบบส่งกำลังที่มาในรูปแบบใหม่อย่างชุดเกียร์ CVT 7 สปีด (ยกเลิกการจำหน่ายรุ่นเกียร์ธรรมดาทั้งหมด) พร้อม Sequential Shift เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Corolla Altis ซึ่งฟีลลิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนจากการผสานการทำงานของเครื่องยนต์ Dual VVT-i และระบบเกียร์ CVT 7 สปีด ก็คือ เรื่องของความสมูทในการใช้งานทั่วๆ ไป จากรุ่นเก่าที่เวลาเหยียบคันเร่งลงไปแล้ว จะรู้สึกว่าพุ่งมากในช่วงที่สัมผัสคันเร่ง จนทำให้รู้สึกเหวอหากไม่เคยชิน ใน Toyota VIOS รุ่นใหม่ กลับไม่พบอาการดังกล่าว โดยความเร็วค่อยๆ ไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวลตามแบบฉบับของเกียร์ CVT หากขับขี่ด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ในช่วงอัตราทดเกียร์สุดท้าย รอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 1,800 รอบ/นาที และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 2,100 รอบ/นาที ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในช่วงการทำงานที่กำลังดีทีเดียว นอกจากจะไม่เป็นการโหมเครื่องมากเกินไปแล้ว ยังช่วงในเรื่องของอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี โดยในทริปนี้ เราใช้ความเร็วที่ประมาณ 110-120 กม./ชม. หรืออาจมีแตะ 140 กม./ชม. บ้างในช่วงเร่งแซง แต่อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่แสดงบนหน้าจอ ก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 16.5 กม./ลิตร
ที่ความเร็วสูง ทรงตัวมั่นใจ เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างทรงพลัง
การวิ่งผ่านเส้นทางที่ขุขระ ช่วงล่างสามารถซับแรงสะเทือนได้น่าพอใจ
สิ่งที่เป็นผลพลอยได้...แต่อดชื่นชมไม่ได้สำหรับ Toyota VIOS รุ่นใหม่นี้ ก็คือ เรื่องของช่วงล่างที่ถูกปรับเซ็ตมาใหม่ เนื่องจากน้ำหนักของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ต้องมีการเซ็ตค่าของโช๊คอัพตามน้ำหนักที่เปลี่ยนไป ผลที่ได้ก็คือ เรื่องของความนุ่มนวล ภายใต้ความหนึบแบบกำลังดี ส่งผลให้ตัวรถทรงตัวได้อย่างโดดเด่น แม้ในย่านความเร็วสูง โดยไม่รู้สึกถึงอาการแข็งกระด้างในย่านความเร็วต่ำ ช่วยสร้างความมั่นใจและความสบายในทุกการขับขี่ ส่วนระบบดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ ก็ได้รับการเซ็ตมาเป็นอย่างดี ให้น้ำหนักในการเบรคได้อย่างสม่ำเสมอ ตามแรงที่ส่งไปยังแป้นเบรค
หากต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ระบบ VSC สามารถช่วยได้ดีทีเดียว
อีกหนึ่งลูกเล่นสำคัญที่ใส่มาใน Toyota VIOS ใหม่ แน่นอนว่าเป็นเทคโนยีเพื่อความปลอดภัยอย่างระบบควบคุมการทรงตัวหรือ VSC ที่จะช่วยรักษาสมดุลในการเคลื่อนที่ ในกรณีที่มีล้อใดล้อหนึ่งเกิดการลื่นไถล ระบบจะสั่งการให้เบรคที่ล้อนั้น โดยในขณะเดียวกันนั้นเครื่องยนต์จะถูกลดกำลังลงด้วยระบบ Traction Control (ที่สามรถปิดได้ หากต้องใช้งานในบางกรณี เช่น ต้องการพละกำลังเพื่อขึ้นจากหล่มโคลน) เพื่อดึงรถให้กลับเข้ามาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากที่ได้ทดลองระบบควบคุมการทรงตัว VSC ณ ศูนย์ทดสอบ Toyota Driving Experience Park ในสภาวะจำลองถนนที่เปียกลื่น ก็พบว่าระบบ VSC ช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวรถได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าระบบนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่ในทุกสภาวะ เปี่ยมด้วยความปลอดภัยอย่างแท้จริง
สมค่ากับการรอคอยจริงๆ สำหรับ Toyota VIOS ใหม่ ที่จัดหนัก จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีทั้งขุมพลัง ระบบขับเคลื่อน และความปลอดภัย ซึ่งสมรรถนะที่ได้มา เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่ม (จากรุ่นเดิม) เพียง 10,000-15,000 บาท ส่งให้ Toyota VIOS ยังคงเป็นยนตรกรรมซีดานที่ครองใจคนรุ่นใหม่ และผู้ใช้รถใช้ถนนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง