Toyota Fortuner TRD Sportivo ยนตกรรม PPV สปอร์ตพรีเมี่ยม ยอดเยี่ยมเรื่องสมรรถนะ สมศักดิ์ศรีที่เหนือกว่า
หลังจากที่ Toyota Fortuner เปิดตัวในตลาดประเทศไทยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ในฐานะรถอเนกประสงค์แบบ PPV ที่สามารถกวาดยอดขายอันดับหนึ่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ผสานกับสมรรถนะการขับขี่ที่สามารถตอบสนองกับการใช้งานที่หลากหลาย ล่าสุด Toyota ได้เขย่าวงการรถอเนกประสงค์อีกครั้ง ด้วยการส่ง Fortuner รุ่นแต่งพิเศษ TRD Sportivo ที่มาพร้อมเอกลักษณ์และความโดดเด่น ภายใต้ดีไซน์แบบสปอร์ตพรีเมี่ยม ที่ดูโฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงสมรรถนะช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น
วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2559 ณ Thame Valley Khaoyai คือ จุดเริ่มต้นของการทดสอบ Toyota Fortuner TRD Sportivo รถอเนกประสงค์ PPV แบบสปอร์ตพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุด เส้นทางเขาใหญ่ – กรุงเทพฯ ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ซึ่งกำหนดการเริ่มขึ้นในช่วงเช้า โดยได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขึ้นกล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบ และได้รับเกียรติจากคุณมานิต เกียรติสุขอุดม ฝ่ายบริการเทคนิค บรรยายสรุปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทางด้านเทคนิคของ Toyota Fortuner TRD Sportivo เพื่อให้ทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสมรรถนะของตัวรถ ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบขับจริง
สำหรับ Toyota Fortuner TRD Sportivo ที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 7 คัน และผมถูกจัดให้ทดสอบในรถรุ่น 2.8 TRD Sportivo แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรูปโฉมภายนอกของ Fortuner รุ่นแต่พิเศษ TRD Sportivo คันนี้ ได้มีการพัฒนาให้มีความสปอร์ตพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดจากกระจังหน้าแบบรมดำ พร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ที่ให้ความสปอร์ตอย่างมีระดับ, กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมแถบโครเมียมประตูท้ายรมดำ, สคัฟเพลทพร้อมไฟเรืองแสงสัญลักษณ์ TRD, ท่อไอเสียสเตนเลส TRD ดีไซน์สปอร์ต, ตราสัญลักษณ์ TRD Sportivo ที่ด้านท้ายบ่งบอกถึงความสปอร์ตเร้าใจได้อย่างเต็มภาคภูมิ อีกทั้งยังถูกอัพเกรดความเท่แบบมีระดับด้วยล้ออัลลอย TRD ขนาด 20 นิ้ว ที่ถูกห่อหุ้มด้วยยาง Dunlop ขนาด 265/50 R20 และยังมีอ็อฟชั่นเสริมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ตที่เหนือชั้นด้วยหลังคาแบบสปอร์ต Black Top และปิดท้ายด้วยประตูท้ายที่เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมยิงไฟส่องสว่างโชว์ตราสัญลักษณ์ TRD ลงที่พื้น
เริ่มออกเดินทางจาก Thame Valley Khaoyai มุ่งหน้าขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเส้นทางนี้จะเป็นถนนแบบ 2 เลนสวน ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้สำหรับทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์และอัตราเร่ง โดยเจ้า Toyota Fortuner TRD Sportivo ทำได้ดีเกินคาด เพียงกดคันเร่งลงแบบไม่ต้องลึกมาก สลับกับจังหวะ Kick Down ในเวลาแซง ในช่วงย่านกำลัง เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว นั่นก็เป็นเพราะผลพวงจากขุมพลังเครื่องยนต์ Diesel รหัส 1GD-FTV (High) บล็อก 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2,755 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 92.0 x 103.6 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.6:1 มาพร้อมกับ VN Turbo และ Intercooler ที่ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ซึ่งเป็นรอบที่ใช้งานบ่อยทั้งการออกตัว หรือเร่งแซง เมื่อรักษารอบให้อยู่ในช่วงนี้ พบว่าอัตราเร่งจะมาแบบต่อเนื่อง และไหลได้เรื่อยๆ ในช่วงความเร็วปานกลางไปจนถึงความเร็วสูง ผสานกับการจับคู่ของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Mode +/- ให้ผมได้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ทั้งจากคันเกียร์และแป้น Paddle Shift ที่คอพวงมาลัย ที่ให้การตอบสนองได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ อีกทั้งยังมีระบบ Stop & Start ที่ช่วยให้การขับขี่ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยเจ้า Toyota Fortuner TRD Sportivo ที่ผมได้ทดสอบนี้ ใช้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไปเพียง 11.8 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียวสำหรับรถขนาด 7 ที่นั่ง แบบสปอร์ตพรีเมี่ยมระดับนี้ (ความเร็วโดยเฉลี่ยที่ 120-140 กม./ชม. ในการเดินทางครั้งนี้)
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเส้นทางช่วงแรกของการทดสอบ คือ เส้นทางขับผ่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สลับกันระหว่างการขึ้นเขาและลงเขา อีกทั้งยังมีโค้งสวยๆ ทั้งแบบโค้งแคบ โค้งลึก โค้งหักศอก และแบบทิ้งไลน์โค้งกว้างๆ ให้ได้ทดสอบสมรรถนะของช่วงล่าง TRD Sportivo แบบครบถ้วน โดยเจ้า Toyota Fortuner TRD Sportivo ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถจัดการกับโค้งดังกล่าวได้อย่างอยู่หมัด นั่นเป็นเพราะชุดช่วงล่างที่ถูกอัพเกรดใหม่ ด้วยชุดช่วงล่างแต่ง TRD Sportivo ที่มาพร้อมกับโช๊คอัพและคอยล์สปริงหน้า-หลัง ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตอบรับกับการขับขี่ที่สปอร์ตขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังคงความนุ่มนวล และการทรงตัวเกาะถนนดีเยี่ยมในทุกสภาพถนนไว้ดังเดิมอย่างสมบูรณ์แบบ ผสานกับพวงมาลัยที่มีความแม่นยำและฉับไว ทำให้ผมสามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย และเป็นครั้งแรกในรถ PPV จากค่าย Toyota ที่ได้ติดตั้งชุดดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ทำให้มั่นใจได้ทุกครั้งที่ต้องแตะเบรก เนื่องจากเส้นทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีฝูงสัตว์เจ้าถิ่นออกมาให้การต้อนรับคณะ Toyota Fortuner TRD Sportivo เป็นระยะๆ
หลังจากออกจากอุธยานแห่งชาติเขาใหญ่แล้ว ก็ถึงคราวมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางองครักษ์ จ.นครนายก เพื่อทดสอบสมรรถนะของ Toyota Fortuner TRD Sportivo ในการวิ่งบนถนนหลักกันต่อ ซึ่งเป็นการขับทดสอบในรูปแบบคาราวาน โดยใช้ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 120 กม./ชม. โดยจุดนี้ผมขอพูดถึงส่วนของภายในห้องโดยสารกันบ้าง สำหรับห้องโดยสารของ Fortuner รุ่นแต่งพิเศษ TRD Sportivo ให้อารมณ์แบบสปอร์ตพรีเมี่ยมเต็มพิกัด เริ่มด้วยห้องโดยสารสีดำสลับแดงพร้อมชุดแต่งลาย Carbon Kevlar และแถบโครเมียมรมดำ, เบาะนั่งสีดำสลับแดงโอบกระชับนั่งสบายให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมทั้งระบบปรับไฟฟ้าที่เบาะนั่งด้านคนขับ, มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีแดงลาย Carbon Kevlar พร้อมสัญลักษณ์ TRD, หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อ Bluetooth และกล้องมองหลัง และสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Fortuner TRD Sportivo คือระบบเครื่องเสียง Premium Audio พาวเวอร์แอมป์ และลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง 11 ลำโพง ที่ให้ความเพลิดเพลินตลอดทั้งเส้นทาง เต็มอิ่มในทุกอรรถรสคุณภาพเสียงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสั่งการได้อย่างสะดวกสบายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่ให้ผมสามารถเปลี่ยนเพลง หรือเพิ่ม/ลดเสียงได้อย่างง่ายดาย
ระบบขับเคลื่อน Sigma 4 ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยให้การขับขี่ครั้งนี้สนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าระบบ Sigma 4 จะถูกติดตั้งให้เฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ด้วยระบบปรับเปลี่ยนการขับขี่แบบไฟฟ้า ทั้งโหมด H2, H4 และ L4 ที่ทำงานร่วมกับระบบ DAC และ A-TRC โดยการขับขี่ครั้งนี้ผมใช้เพียงแค่โหมด H2 ก็สามารถผ่านพ้นในทุกอุปสรรคได้อย่างสบายๆ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ PPV ที่ให้ความสปอร์ตพรีเมี่ยมแบบเต็มอารมณ์ ต้องบอกเลยว่า Toyota Fortuner TRD Sportivo เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยในเวลานี้ เพราะด้วยการตกแต่งผ่านชุดแต่ง TRD Sportivo ที่ให้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจกว่า ผสานกับดีไซน์ภายในและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแบบพรีเมี่ยม ด้วยราคาค่าตัวที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น Fortuner เพียง 120,000 บาท ซึ่งถ้าจะเทียบกับราคาติดตั้งชุดแต่งข้างนอกแล้ว Toyota Fortuner TRD Sportivo มีความคุ้มค่ากว่ามากอย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้รับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรอีกด้วย