เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 29 กุมภาพันธ์ 2559 - 10:34

Mitsubishi New Triton ขับสนุก นั่งสบาย ท้าทายทุกอุปสรรค

 

 

Mitsubishi New Triton ขับสนุก นั่งสบาย ท้าทายทุกอุปสรรค

 

 

          Mitsubishi (มิตซูบิชิ) โดย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะ New Triton 2016 รถกระบะรุ่นพัฒนาใหม่ล่าสุดสไตล์สปอร์ตออฟโรด ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถกระบะ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2559 เส้นทาง กรุงเทพฯ - ปราจีนบุรี ระยะทางรวม 211.5 กิโลเมตร                  

 

คุณโมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชน

 

          ผมได้รับจดหมายเชิญให้ไปร่วมทดสอบขับรถ Mitsubishi New Trtion โดยตามกำหนดการเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้าที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) สำนักงานใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก คุณโมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นกล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบ และได้รับเกียรติจากคุณจารุกร เรืองสุวรรณ บรรยายสรุปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทางเทคนิค เพื่อให้ทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสมรรถนะของตัวรถ ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบขับจริง

 

คณะผู้บริหาร และสื่อมวลชนถ่ายภาพหมู่ร่วมกันก่อนออกเดินทาง

 

          สำหรับ Mitsubishi New Triton ที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้มีจำนวน 4 คัน แบ่งเป็นรุ่น Double Cab 4x4 2 คัน รุ่น Double Cab 2WD 1 คัน และรุ่น Single Cab Plus 1 คัน ผมถูกจัดให้เริ่มทดสอบในรุ่นท็อป นั่นก็คือ Double Cab 4x4 ก่อนอับดันแรก โดยรูปโฉมภายนอกได้มีการพัฒนาให้มีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าใหม่แบบโปรเจคเตอร์ Bi-XENON HID ที่ดูโฉบเฉี่ยว มาพร้อมกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Light) ไฟตัดหมอกหน้าแบบใหม่ดีไซน์สปอร์ต และกันชนหลังดีไซน์ใหม่ให้มีความแข็งแกร่งและดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น

 

 

          เริ่มออกเดินทางจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) สำนักงานใหญ่ เข้าสู่ถนนเส้นหลักโดยกดคันเร่งไม่ต้องลึกมาก ใช้เวลาไม่นานก็สามารถทำความเร็วได้เท่ารถคันอื่นแล้ว เช่นเดียวกับจังหวะการแซง โดยเฉพาะบนถนน 2 เลนสวน ที่ทำได้อย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว นั่นก็เป็นเพราะผลพวงจากขุมพลังเครื่องยนต์ Diesel รหัส 4N15 บล็อค 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 2,442 ซีซี. เสื้อสูบและฝาสูบผลิตจาก Aluminum Alloy กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86.0 x 105.1 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.5:1 เทอร์โบแปรผัน VG Turbo และ Intercooler พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ซึ่งเป็นรอบที่ใช้งานบ่อยทั้งการออกตัว หรือเร่งแซง เมื่อรักษารอบให้อยู่ในช่วงนี้ พบว่าอัตราเร่งจะมาแบบต่อเนื่อง และไหลได้เรื่อยๆ ในช่วงความเร็วปานกลางไปจนถึงความเร็วสูง ผสานกับการจับคู่ของเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม Mode +/- ให้ผมได้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ทั้งจากคันเกียร์และแป้น Paddle Shift ที่คอพวงมาลัย ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของ New Triton เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นรถกระบะเพียงรุ่นเดียวที่นำเทคโนโลยี Paddle Shift มาใช้ในรถกระบะ อีกทั้งยังมีปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ติดตั้งมาให้อีกด้วย

 

 

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ครั้งแรกในรถกระบะ

           สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Mitsubishi New Triton ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญ และเป็นการยกระดับระบบขับเคลื่อนใหม่ในรถกระบะเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นครั้งแรกในรถกระบะที่รวมเอาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part Time และ Full Time เข้าไว้ด้วยกัน เพราะสามารถเลือกเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนได้อย่างอิสระ โดยในการขับขี่ปกติผมใช้ตำแหน่ง 2H สำหรับพื้นถนนแห้ง หรือในเส้นทางปกติ ระบบจะทำการส่งกำลังไปยังล้อหลังแบบ 100% ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน แต่เมื่อต้องขับในเส้นทางธรรมชาติ หรือฟ้าฝนไม่เป็นใจกระหน่ำลงมา ผมก็เลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดนหมุนไปที่ตำแหน่ง 4H ในขณะความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนและขับไปได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ ยังสามารถบังคับพวงมาลัยได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำเหมือนขับอยู่ในโหมด 2H โดยไม่รู้สึกฝืด หรือขืนตัวแต่อย่างใด โดยในโหมดขับเคลื่อน 4H ระบบจะสั่งให้กระจายแรงบิดจากเครื่องยนต์โดยใช้เซนเซอร์จับการหมุนของล้อ เพื่อช่วยปรับสัดส่วนการแบ่งกำลังไปยังล้อหน้า : หลัง ในอัตราส่วน 50 : 50 ในขณะที่สภาพพื้นถนนเปียกลื่น และจะปรับเองอัตโนมัติที่อัตราส่วน 40 : 60 ในสภาพถนนปกติ นอกจากนี้ยังมีโหมด 4HLc ให้เลือกใช้ โดยระบบจะส่งกำลังไปยังอัตราส่วนที่ 50 : 50 พร้อมมีระบบ Center Differential Locked ทำหน้าที่ในการส่งกำลังเพื่อใช้ในเส้นทางทุรกันดาร แต่ยังสามารถใช้ความเร็วบนเส้นทางที่มีพื้นผิวแบบลื่นไถลได้อีกด้วย และสุดท้ายกับโหมด 4LLc ที่ทำงานแบบเดียวกับระบบ 4HLc แต่จะเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ช่วยให้กำลังการขับเคลื่อนมีมากขึ้นเหมาะสำหรับเส้นทางที่มีเนินสลับ และทางที่มีความลาดชันมาก ซึ่งผมไม่ได้ทดลองใช้ เพราะแค่ 4HLc ก็สามารถขับผ่านได้ทุกอุปสรรค์แล้ว โดยระบบขับเคลื่อน Super Select 4WD II นี้ ยังมีระบบ Diff Lock ให้เลือกใช้งานอีกด้วย

 

 

 

ระบบอำนวยความสะดวกสบายที่ครบถ้วน          

          นอกจากนี้ Mitsubishi New Triton ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน เริ่มจากภายในห้องโดยสารตกแต่งผสมผสานระหว่างสีดำแบบ Piano Black กับการตกแต่งแบบ Silver Collection มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย เบาะนั่งหนานุ่มไซส์บิ๊กพร้อมระบบปรับไฟฟ้า, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่แบบ 4 ก้าน พร้อม Paddle Shift ที่คอพวงมาลัย และ Cruise Control บนพวงมาลัย, ปุ่ม Push Start, เครื่องเล่นวิทยุ /DVD/MP3 พร้อมจอแบบ Touch Screen และระบบนำทางในรถยนต์, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา, ช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลต์ 2 จุด และการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดีเกินคาด แม้ตัวรถจะมีความเร็วอยู่ที่ 120 กม./ชม. ก็ตาม แต่ก็ไม่มีเสียงภายนอกเข้ามารบกวนบรรยากาศในการขับขี่แต่อย่างใด

 

 

ระบบความปลอดภัยที่อัดแน่น มั่นใจในทุกการเดินทาง

          นอกเหนือจากสมรรถนะเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อน Super Select 4WD II แล้ว Mitsubishi New Triton ยังอัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASTC (Active Stability & Traction Control) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ASC ที่ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวเมื่อรถเสียสมดุล และ ATC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist), ระบบ BA (Brake Assist) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก, โครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE Body ในทุกรุ่นติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลมนิรภัย ปิดท้ายด้วยระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อหยุดรถกระทันหัน

 

ขับสนุก นั่งสบาย พร้อมเผชิญความท้าทายในทุกอุปสรรคจริงๆ ครับ

 

          สำหรับผู้ที่กำลังมองหาความคุ้มค่า ดูเหมือนว่า Mitsubishi New Triton เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ รวมถึงสมรรถนะที่อัดแน่นความสมบูรณ์แบบไว้อย่างลงตัว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถกระบะที่รวมเอาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full Time และ Part Time เข้าไว้ด้วยกันเป็นระบบ Super Select 4WD II แถมยังมาพร้อม Paddle Shift ให้ได้ควบคุมการขับขี่ที่สปอร์ตเร้าใจด้วยตัวคุณเอง เรียกได้ว่าคุ้มค่า ล้ำหน้าไปอีกขั้นในรถกระบะครับ

 

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook