เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2559 - 18:40

BMW xDrive Xperience กับบททดสอบสุดโหด เพื่อยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตโดยเฉพาะ

 

BMW xDrive Xperience กับบททดสอบสุดโหด เพื่อยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตโดยเฉพาะ

 

 

          เช้าอันสดใสของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 ผมยืนอยู่ที่ CRC Tower All Seasons Place เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถตู้ไปยังสนาม Thai Polo & Equestrian Club ในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี หลังจากได้รับจดหมายเชิญจากทาง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรูของทาง BMW ในตระกูล Xline ภายใต้กิจกรรม BMW xDrive Xperience 2016 ที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ รวมไปถึงลูกค้าที่สนใจ ได้ทดลองขับและได้มาสัมผัสกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ที่ถูกออกแบบให้สามารถตอบสนองการใช้งานอเนกประสงค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ BMW บนเส้นทางที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตนี้โดยเฉพาะ

 

 

 คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 
 

          หลังจากที่ออกเดินทางมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ผมก็ได้มาสูดอากาศอันบริสุทธิ์อยู่ที่สนาม Thai Polo & Equestrian Club และได้รับการต้อนรับจากทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย อย่างอบอุ่น โดยได้รับเกียรติจาก คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขึ้นกล่าวต้อนรับ และได้ฟังบรรยายสรุปถึงข้อดีของระบบขับเคลื่อน xDrive ซึ่งจัดอยู่ในประเภทระบบขับเคลื่อนทุกล้อ หรือ All-Wheel Drive (AWD) โดยจะแตกต่างกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4-Wheel Drive) ที่มีอยู่ในรถกระบะ หรือรถ SUV ขนานแท้ 

 

 

          BMW เป็นรถยนต์แบบ Sport Activity Vehicle (SAV) ไม่ใช่รถยนต์ Sport Utility Vehicle (SUV) เพราะด้วยระบบขับเคลื่อน xDrive เป็นระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบ All-Wheel Drive ซึ่งจะมีความแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4-Wheel Drive โดยการใช้เทคโนโลยี Center Differential แทนการใช้ Transfer Case หลังห้องเกียร์ ซึ่งทำให้ระบบ xDrive ไม่สามารถเลือกโหมดเกียร์ High/Low ได้ แต่ก็สามารถลุยไปได้ในทุกสถานการณ์เช่นเดียวกัน แถมยังไม่ต้องมาปวดหัวกับการเลือกใช้เกียร์ High/Low อีกด้วย

 

 

          โดยระบบ xDrive ใน BMW จะมีเซนเซอร์ที่คอยทำหน้าที่ในการตรวจจับสภาพการขับขี่อย่างต่อเนื่อง และกระจายแรงขับระหว่างล้อหน้าและล้อหลังแบบอัตโนมัติตลอดเวลาผ่านการคำนวณด้วยระบบอัจริยะ ซึ่งอาศัยข้อมูลต่างๆ ทั้งความเร็วรถ, อัตราการหมุนของล้อ, องศาของพวงมาลัย และตำแหน่งของคันเร่ง เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจถ่ายทอดกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ไปยังล้อคู่หน้าและหลังให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่และสภาพพื้นถนน โดยสามารถถ่ายทอดกำลังได้หลายอัตราส่วน เริ่มตั้งแต่ 0:100/20:80/50:50/60:40/80:20/100:0 ซึ่งจะถูกถ่ายทอดกำลังทั้งหมดภายในเวลาเพียง 0.1 วินาทีเท่านั้น (โดยอัตราส่วนหลักจะเป็นล้อหลัง 60 และล้อหน้า 40)

          อีกทั้งระบบ xDrive ยังทำงานร่วมกับระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพตัวรถ Dynamic Stability Control (DSC), ระบบช่วยควบคุมการยึดเกาะถนน Dynamic Traction Control (DTC) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) อีกด้วย

 

 

          เมื่อทราบถึงข้อมูลของระบบ xDrive อย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ถึงคราวทดสอบใช้งานจริงสักที โดยช่วงเช้าจะเป็นการวอร์มอัพเบาๆ และฝึกทักษะกันก่อน โดยจะมี Instructor คอยให้คำแนะ เพื่อให้ทราบถึงเส้นทางและอุปสรรคที่จัดเตรียมไว้ท้าทายระบบ xDrive จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากบรรเลงด้วยการโชว์ความสามารถของระบบ xDrive จากทีมงาน Instructor ที่พาผมขึ้นไปนั่งอยู่ใน BMW X3 xDrive20d Highline คันงาม แล้วขับขึ้น V แลมป์ พร้อมหักเลี้ยวให้ตัวรถตั้งขนานพื้นทำมุมเอียง 30 องศา ในขณะที่ล้อหลังข้างขวาลอยอยู่บนอากาศค้างไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเติมคันเร่งเพื่อให้ระบบ xDrive ทำงานถ่ายเทกำลังไปที่ล้อหน้าที่แตะพื้นอยู่คอยๆ พาผมลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล หลังจากนั้นก็เป็นการเริ่มทดสอบโดยตัวผมเอง เริ่มจากการออกตัวอย่างแรงบนพื้นลื่น โดย xDrive ได้แสดงให้ผมเห็นแล้วว่ามีการโอนถ่ายแรงบิดไปสู่ล้อทั้งสี่ได้อย่างชาญฉลาด จนตัวรถสามารถเร่งออกไปได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียหลัก จากนั้นก็ขับขึ้นเนินชัน และขับผ่านเนินสลับตามลำดับ ซึ่งเป็นฐานที่ทำให้ล้อทั้ง 4 สัมผัสกับพื้นไม่พร้อมกัน และก็เป็นอีกครั้งที่ระบบ xDrive สามารถจัดการส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าและหลังได้อย่างเหมาะสม จนผมสามารถขับผ่านไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ผมแค่ควบคุมคันเร่งและเบรกเท่านั้นเอง

 

 

 

          หลังจากที่วอร์มอัพและทำความคุ้นเคยกับระบบ xDrive เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวเปลี่ยน Station มาเป็นการขับขี่ที่ผาดโผนยิ่งขึ้นอีกระดับ โดยสถานีนี้จะเป็นการขับ BMW X3 xDrive20d Highline ไต่เนินชันในทางขนาน ทำให้ตัวรถมีมุมเอียงประมาณ 30 องศา เป็นระยะทางกว่า 100 เมตร โดยที่พื้นด้านล่างเป็นทางหินกรวด ส่วนด้านบนจะเป็นพื้นหญ้า ซึ่งช่วงเทคตัวก่อนขึ้นเนินล้อหลังจะลอยขึ้นจากพื้น เพื่อทดสอบว่าระบบ xDrive จะสามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อหน้าได้ดีแค่ไหน แล้วก็เป็นไปตามคาด ระบบ xDrive ก็สามารถถ่ายเทกำลังไปยังล้อหน้าได้ยังสมบูรณ์แบบ ทำให้สามารถขึ้นไปไต่เนินชันในแนวเอียง 30 องศา ได้อย่างสบายๆ

 

 

 

          เมื่อเสร็จภารกิจในช่วงเช้าแล้ว ก็ถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันและจัดกลุ่มทดสอบในช่วงบ่าย โดยผมถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม B ซึ่งเมื่อทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก็ได้นำคณะสื่อมวลชนกลุ่ม B ไปยัง Power Slide Station ส่วนกลุ่ม A จะได้พาเจ้า BMW X3 xDrive20d Highline ขับขึ้นเขาไปก่อน โดยในฐานนี้จะเป็นการขับขี่ที่สนุกที่สุดของการทดสอบ เพราะผมจะได้ควบคุมเจ้า BMW X4 xDrive20d M Sport ทำ Power Slide ระเบิดกองทราย ซึ่งทีมงาน Instructor ได้ให้คำแนะนำก่อนขับขี่ และทำการปิดระบบ Dynamic Stability Control (DSC) ช่วยควบคุมเสถียรภาพตัวรถ เพื่อให้สามารถทำ Power Slide เพื่อจับอาการของตัวรถเมื่อถูกปิดระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ (DSC) ซึ่งผลการทดสอบก็เป็นดังภาพที่จะได้เห็นต่อไปนี้

 

 

 

          ซึ่งระบบ xDrive ยังคงสามารถถ่ายเทกำลังเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกตามเคย แม้จะปิดระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพ (DSC) แล้วก็ตาม โดยจากการที่ผมทำ Power Slide นั้น ผมได้ Kick Down คันเร่งไปอย่างเต็มแรงที่กลางโค้งพร้อมทั้งหักพวงมาลัยแบบสุดแขนอย่างเร็ว ระบบ xDrive ก็สามารถจับได้ว่าล้อหลังกำลังมีอาการฟรีทิ้งจึงส่งกำลังมาที่ล้อหน้าเพื่อให้สามารถควบคุมตัวรถได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่รู้สึกถึงอาการสบัด หรือมีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำแม้แต่นิดเดียว ทำให้ผมสามารถคืนพวงมาลัยแล้วทำ Power Slide ในโค้งต่อไปได้อย่างนุ่มนวล วนเป็นเลข 8 อยู่เกือบ 10 รอบ จนสาแก่ใจและรู้แน่แท้แล้วว่าระบบ xDrive สามารถถ่ายเทกำลังได้อย่างอัจฉริยะ

          หลังจากได้ทดลองทำ Power Slide จนคล่องมือแล้ว ก็เป็นการแข่งขันสนุกๆ ระหว่างสื่อมวลชน ด้วยการทำ Gymkhana จับเวลา โดยผมได้ควบ BMW X4 xDrive20d M Sport สาดโค้งซ้าย-ขวา และวนกลับอย่างไม่มียั้ง ก่อนจะจอดที่จุดเส้นชัยภายในเวลา 34.55 วินาที ซึ่งถือว่าระบบ xDrive สามารถถ่ายทอดขุมพลัง 190 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ลงบนพื้นทรายร่วนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

          จากนั้นผมก็ได้เวลาสลับกับกลุ่ม A เพื่อไปทำการทดสอบระบบ xDrive ในเส้นทางขึ้นเขาที่ถูกจัดเตรียมบททดสอบสุดโหดไว้อย่างหลากหลาย โดยคราวนี้ผมได้ขับในรุ่น BMW X3 xDrive20d Highline พร้อมมี Instructor นั่งให้คำแนะนำไปด้วยกัน โดยทางทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้วางบททดสอบสมรรถนะ xDrive ไว้อย่างมากมาย เริ่มจากทางขรุขระ, บ่อน้ำ และขอนไม้สลับ ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าทาง BMW จะจัดแบบทดสอบสุดโหดอย่างนี้ ให้ทดลองในรถ SAV ระดับหรู และคิดว่า BMW X3 xDrive20d Highline น่าจะผ่านอุปสรรรคพวกนี้ไปได้อย่างยากลำบาก "แต่ผมคิดผิด" เพราะด้วยระบบ xDrive ที่สามารถถ่ายเทกำลังเครื่องยนต์และแรงบิดได้อย่างอัจฉริยะ สามารถพาผมและเจ้า BMW X3 xDrive20d Highline ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้อย่างไม่มีปัญหา โดยที่ผมเพียงแค่เติมคันเร่งให้ถูกจังหวะ สลับกับการใช้ระบบเบรกเพื่อลดแรงกระแทกเท่านั้นเอง และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทาง BMW อยากจะแนะนำคือระบบ Auto-H หรือระบบการทำงานของเบรกมืออัตโนมัติ โดยบททดสอบนี้ทาง Instructor ได้บอกให้ผมเปิดระบบ Auto-H และขับขึ้นเขาที่มีความสูงชันประมาณ 70 องศา แล้วทำการยกเท้าออกจากคันเร่ง ไม่น่าเชื่อว่ารถ BMW X3 xDrive20d Highline สามารถจอดนิ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะขยับถอยหลังลงมาแต่อย่างใด จากนั้นก็ทำการปีนขึ้นไปต่อเพียงแค่แตะคันเร่งเบาๆ ระบบ xDrive ก็เริ่มทำการถ่ายเทกำลังอย่างอัจฉริยะให้สามารถขับปีนขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย

 

 

 

 

          เมื่อขับขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วก็ต้องขับลง โดยคราวนี้เป็นการโชว์ความสามารถของระบบ Hill Descent Control (HDC) ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน โดยคราวนี้ทาง Instructor ได้บอกให้ผมกดปุ่ม HDC ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ แล้วทำการขับลงเขาโดยไม่ต้องใช้เท้าแตะคันเร่ง หรือเบรกทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผมมีหน้าที่เพียงแค่บังคับพวงมาลัยให้ตรงทิศทางการลงเท่านั้นเอง โดยระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) สามารถเลือกปรับระดับความเร็วที่ต้องการได้จากพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งถือว่าสะดวกสบายและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก หลังจากลงมาสู่พื้นราบแล้วก็ทำการทดสอบกันต่อด้วยบททดสอบที่ยากขึ้นอีก โดยเริ่มจากการขับลงบ่อน้ำที่มีระดับความลึกกว่าบ่อที่แล้ว อีกทั้งใต้พื้นน้ำยังเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่สลับกับดินโคลน เมื่อขึ้นมาได้ก็ต้องมาพบกับการขับเคลื่อนผ่านกองหินขนาดใหญ่ระยะทางกว่า 50 เมตร ต่อด้วยการปีนท่อนไม้แบบตะแคงขึ้นด้วยล้อเพียงฝั่งซ้ายฝั่งเดียว ซึ่งบททดสอบทั้งหมดที่พูดมานั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้าระบบ xDrive ได้แม้แต่น้อย BMW X3 xDrive20d Highline สามารถพาผมลุยมาได้อย่างไม่มีปัญหา

 

 

 

          ปิดท้ายด้วยบททดสอบสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนทุกล้อ xDrive กับระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพตัวรถ Dynamic Stability Control (DSC) ที่ทำงานร่วมกัน ด้วยการจอดออกตัวบนพื้นลื้น (ดินลูกรังแบบแฉะๆ) โดยผมได้ทำการเหยียบคันเร่งแบบจมฝัก BMW X3 xDrive20d Highline ก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างตรงดิ่งและไม่รู้สึกถึงการฟรีทิ้งของล้อหลังแต่อย่างใด นั้นเป็นเพราะระบบ xDrive ถ่ายเทกำลังลงสู่พื้นได้อย่างเหมาะสม ผสานกับการทำงานของระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพตัวรถ Dynamic Stability Control (DSC) ทำให้ตัวรถไม่มีอาการปัดหรือเป๋ออกข้างแม่แต่น้อย

 

       

          ทั้งหมดนั้นก็คือ บทสอบสุดโหดที่ทาง BMW ได้พาผมมาสัมผัสและทดลองขับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ xDrive ซึ่งสามารถตอบโจทย์และคลายข้อสงสัยที่ว่า "รถหรูระดับพรีเมี่ยมของ BMW จะสามารถนำมาขับลุยในเส้นทางหรือสถานการณ์แบบนี้ได้จริงหรือ ?" กิจกรรม BMW xDrive Xperience 2016 คงตอบข้อสงสัยนี้ได้อย่างหมดจดจริงๆ ครับ

          สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณทีมงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นอย่างสูง ที่จัดกิจกรรม BMW xDrive Xperience 2016 เพื่อเป็นความรู้และประสบการณ์ใหม่ แถมยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของ BMW ว่าไม่ได้มีแค่เพียงความหรูหราเท่านั้น เรื่องของสมรรถนะการลุย ก็เป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่อัดแน่นอยู่ในตัวรถ BMW อย่างแท้จริง

 

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook