Test Drive Lexus RX200t ครอสโอเวอร์พันธุ์หรู จับคู่สมรรถนะแบบจัดเต็ม
Lexus RX ครอสโอเวอร์พันธุ์หรูจากแดนปลาดิบเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยโฉมล่าสุดนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ในสายรหัส RX ซึ่งรุ่นที่สร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับแฟนๆ ยนตรกรรมระดับไฮเอนด์มากที่สุด คงหนีไม่พ้น RX200t ที่มาพร้อมกับขุมพลังบล็อคล่าสุด ที่แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างเท่าขุมพลังรุ่นพี่ แต่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่เปี่ยมล้นด้วยสมรรถนะ ภายใต้เทคโนโลยีที่อัดแน่นไว้ภายใน
BoxzaRacing ได้รับเชิญจาก Lexus Group ประเทศไทย ให้ร่วมสัมผัสสมรรถนะของยนตรกรรมครอสโอเวอร์พันธุ์หรูอย่าง Lexus RX200t เมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเริ่มการเดินทางจากตึก All Season ถ.วิทยุ มุ่งหน้าสู่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้ระยะทางกว่า 250 กม. ซึ่งมาพร้อมเส้นทางในรูปแบบที่หลากหลาย ให้เราได้ทดลองฟังค์ชั่นต่างๆ ได้อย่างจุใจเลยทีเดียว
Lexus RX200t ครอสโอเวอร์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นล่าสุดจากค่าย Lexus ที่จัดว่าเปิดตัวได้อย่างหวือหวาและได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ การกลับมาในเจนเนอเรชั่นนี้ ทางค่ายยังคงเน้นความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ โดยเพิ่มเส้นสายของตัวรถเข้าไปมากขึ้นตั้งแต่หัวจรดท้าย อีกทั้งยังมาพร้อมขีดสุดแห่งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 8AR-FTS แบบสี่สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบชาร์จ + อินเตอร์คูลเลอร์แบบ Water to Air ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผัน VVT-iW ที่เพิ่มช่วงการทำงานของการประจุไอเสียเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด D-4ST ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างหัวฉีด 2 ชุด ทั้งหัวฉีดแรงดันสูงและหัวฉีดปกติ ซึ่งช่วยให้การจ่ายเชื้อเพลิงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองได้เป็นอย่างดี ทางด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์บล็อกนี้ ทาง Lexus เคลมไว้ถึง 238 แรงม้า ที่ 4,800-5,600 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร แบบยาวๆ ตั้งแต่ 1,600-4,000 รอบ/นาที ก่อนส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
สำหรับการขับขี่ในทริปนี้ทาง Lexus จัดรถ RX200t ไว้ให้ได้ทดลองกันหลายรุ่นทีเดียว แต่สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆ ท่านๆ รุ่นที่จะถูกเลือกเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้น Lexus RX200t F-Sport ที่อัดแน่น จัดเต็มด้วยอุปกรณ์ที่สื่อถึงความเร้าใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารในโทนสีดำ-แดง ช่วงล่างสุดแกร่งที่สามารถปรับโหมดการขี่เป็นแบบ Sport + (ไม่มีในรุ่น Premium และรุ่น Luxury) รวมถึงมาตรวัดที่สื่อถึงความเร้าใจได้ดียิ่งขึ้น ในช่วงออกสตาร์ท เนื่องจากเป็นช่วงในเมืองที่การจราจรค่อนข้างแออัด จึงลองใช้โหมดการขับขี่ในแบบ Eco ซึ่งในโหมดนี้ การทำงานของคันเร่งและโช้กอัพแบบปรับไฟฟ้า (ทำงานด้วย Servo แบบ Stepping Motor) จะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล ไม่รู้สึกถึงอาการกระชาก เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วที่ประมาณ 2,000 รอบ/นาที ด้วยความที่ตัวรถมีแรงบิดสูงสุดมาให้ใช้ตั้งแต่ในย่านรอบต่ำ ภายใต้อัตราการบูสต์สูงสุดที่ 1.2 บาร์ ทำให้แม้การจราจรจะแออัดขนาดไหน ก็ไม่รู้สึกว่า RX200t กับน้ำหนักตัวกว่า 2.5 ตัน จะเคลื่อนตัวได้อย่างอุ้ยอ้ายเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม กลับให้อัตราเร่งที่โดดเด่น จนไม่คิดว่าจะมาจากเครื่องยนต์ในพิกัดแค่ 2.0 ลิตร เลยทีเดียว
หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงมรสุมการจราจรก็ได้เวลาแห่งการทำความเร็วกันบ้าง โดยทริปนี้เราเดินทางด้วยความเร็วปกติ เน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก ตัวเลขความเร็วขึ้นอยู่ที่ประมาณ 110-120 กม./ชม. จะมีช่วงเร่งแซงบางช่วงเท่านั้นที่ความเร็วจะดีดขึ้นไปสูงกว่านี้อีกเล็กน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะอยากทราบเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วปกติ โดยเมื่อทำความเร็วได้มากขึ้น เราก็ลองปรับโหมดการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อลองจับอาการของตัวรถ ซึ่งก็ต้องบอกว่าในแต่ละโหมดนั้น เรียกได้ว่าทำมาเพื่อตอบสนองฟีลลิ่งการขับขี่ที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง โดยมีความแตกต่างอยู่ในระดับที่รู้สึกได้ ทั้งในเรื่องความไวของคันเร่ง รวมไปถึงความหนึบของช่วงล่าง ที่ในโหมด Sport + นั้น หากตัดเรื่องของน้ำหนักและขนาดของตัวรถออกไป ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับยนตรกรรมระดับ Hi Performance ทางฝั่งยุโรปเลยทีเดียว การเข้าโค้งต่างๆ สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ไม่มีอาการหลุด ร่อน (แม้ว่าเราจะตั้งใจลองในรถเสียอาการในบางโอกาสก็เถอะ) โดยรวมแล้วถือว่า Lexus RX200t F-Sport เก็บอาการได้อยู่หมัดทีเดียว
ลอง Lexus RX200t F-Sport มากันแบบพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาสลับรถไปสัมผัสรุ่น Premium กันบ้าง งานนี้ต้องบอกว่า...แม้จะเป็นรถรุ่นเดียวกัน แต่ด้วยธีมการตกแต่งที่มีจุดประสงค์ต่างแนวทาง ทำให้ความรู้สึกที่ได้จากรถทั้งสองคันนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยภายในของรุ่น Premium จะมาพร้อมหนังสีน้ำตาลจับคู่กับสีเบจ ให้อารมณ์ความเป็นผู้ใหญ่ เรียบง่าย เต็มอิ่มด้วยอารมณ์ความหรูหรา ออพชั่นบางอย่างถูกลดทอนลงไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น Sunroof, Paddle Shift, หน้าปัดมาในรูปแบบอนาล็อก และไม่มีโหมด Sport + และขับเคลื่อนสองล้อหน้า ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ลดลงไปถึง 6 แสนบาท ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว (Lexus RX200t F-Sport ราคา 5,090,000 บาท (ช่วงแนะนำ), Lexus RX200t Premium 4,490,000 บาท) ฟีลลิ่งและสมรรถนะการขับขี่โดยรวมในการขับขี่ ไม่แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะ Sport + Mode อาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถในระดับนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วนๆ เรื่องอัตราการสิ้นเปลืองของ Lexus RX200t ก็ถือว่าทำได้อย่างน่าพอใจ โดยหลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง หน้าจอขึ้นแสดงไว้ที่ 11.1 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าน่าพอในแล้ว สำหรับรถในระดับนี้
Lexus RX200t ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสความหรูหราในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร กับการออกแบบและผลิตอย่างประณีต ชนิดที่แทบจะเหนือกว่าแบรนด์ยุโรป อีกทั้งยังให้สมรรถนะที่โดดเด่น พร้อมรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นรถที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่พร้อมสัมผัสกับกิจกรรมสุดท้าทายในวันพักผ่อน