BMW Series 1 VS. Mercedes-Benz A-Class 5 ประตู คู่รักษ์โลก กับยนตรกรรมขนาดเหมาะมือ ส่งตรงจากเมืองเบี

BMW Series 1 VS. Mercedes-Benz A-Class 5 ประตู คู่รักษ์โลก กับยนตรกรรมขนาดเหมาะมือ ส่งตรงจากเมืองเบียร์

          แม้จะเป็นค่ายรถหรู แต่ถ้าไม่มีรถยนต์ขนาดเล็ก เครื่องเล็กที่มาพร้อมเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันมาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความประหยัดก็อาจเป็นข้อเสียเปรียบรถญี่ปุ่นได้ ทางค่ายยักษ์ใหญ่เมืองเบียร์จึงไม่รอช้าที่ค่ายรถหรูต้องมีรถเล็กมาเสริมทัพในค่าย แม้ราคาจะสูงกว่ารถที่มีจำหน่ายทั่วไป แต่ในด้านชื่อชั้น ความหรูหรา, วัสดุที่มีคุณภาพพร้อมเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ให้สามารถแสดงสมรรถนะได้แรงแต่ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษจนสามารถผ่านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งอัตราสิ้นเปลืองและค่ามลพิษได้ถึงระดับ Euro 6 ได้ก็จะเป็นจุดเด่นสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ถึงที่สุดแห่งการประหยัดและลดมลพิษได้ดีทีเดียว

          ซึ่งในวันนี้ Boxzaracing ก็ขอส่งคู่เปรียบเทียบรถเล็ก 5 ประตู ที่ผ่านมาตรฐาน Euro 6 และที่สำคัญมาจากแบรนด์รถยนต์หรู ประกอบไปด้วย BMW Series 1 และ Mercedes-Benz A-Class

BMW Series 1

          เพื่อความสมน้ำสมเนื้อ ฝั่ง BMW ได้ส่ง BMW Series 1 118i รุ่น 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และทาง Mercedes-Benz ได้ส่ง Mercedes-Benz A180 Urban เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เช่นเดียวกัน 

ภายนอก

         การออกแบบของ BMW Series 1 118i ที่ให้ความเรียบง่ายแต่หรูหรา โดดเด่นด้วยห้องเครื่องหน้ารถที่ยาวเหมือนรถแวกอนแต่ตัวถังจะสั้นกว่าแวกอน ไฟโปรเจคเตอร์และไฟ LED ที่รับกับกระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์, กันชนออกแบบใหม่ให้รับกับกรอบไฟตัดหมอก พร้อมไฟท้ายที่ยาวถึงฝากระโปรงหลัง, ท่อไอเสียคู่และล้ออัลลอย 5 ก้าน

          Mercedes-Benz A 180 Urban  รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู แม้จะเป็นรถที่เล็กที่สุด แต่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใส่ใจถึงความอเนกประสงค์และความคุ้มค่าบนตัวถังที่เรียบง่ายแต่สปอร์ต เริ่มจากไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อม LED Daylight ที่ออกแบบเหมือนดวงตา พร้อมกระจังหน้าแถบโครเมียมพร้อมตราเมอร์เซเดสเบนซ์ตรงกลาง ไฟท้ายขนาดใหญ่และล้ออัลลอย 5 ก้าน 

         หากด้านดีไซน์กินกันไม่ลง ก็ต้องประชันกันด้วยมิติตัวถัง ทั้ง และ จะมีขนาดตัวถังต่างกันแค่ไหน เชิญชมกันได้เลย

ภายใน

          เริ่มจาก BMW Series 1 ที่แผงคอนโซลที่ออกแบบให้เหมือนกับยนตกรรมที่ล้ำสมัยและให้ความสวยงามในรูปแบบงานศิลปะ ทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ที่แนวที่สุด, มาตรวัดสไตล์สปอร์ต, จออินโฟเทนเมนต์บนแผงคอนโซลที่ครบครันด้วยความสะดวกสบายพร้อมรองรับแอพพลิเคชั่น BMW Connected Drive ที่จะให้คุณเชื่อมต่อความบันเทิงและรถ BMW ของคุณได้ แต่ปุ่มคำสั่งที่มีขนาดใหญ่และเยอะจุกจิกจนทำให้สูญเสียความลงตัวและดูรกเกินไป ตรงส่วนนี้จึงเสียคะแนนไปส่วนหนึ่ง 

          ทางด้านพื้นที่โดยสารและพื้นที่สัทภาระท้ายก็มีการออกแบบให้เข้ากับห้องโดยสารอย่างลงตัว มีช่องแอร์ที่บริเวณที่นั่งโดยสารด้านหลัง พร้อมเบาะหลังที่สามารถปรับแบบ 40:60 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระท้ายให้กว้างกว่าเดิม

          Mercedes-Benz  การออกแบบแผงคอนโซลได้ออกแบบแผงคอนโซลให้ดูเรียบง่าย สะอาดตา แต่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงเป็นการแสดงออกถึงความหรูหราบนความเรียบง่าย เริ่มจากมาตรวัดแบบเข็มพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่, ระบบปรับอากาศพร้อมช่องปรับอากาศซ้าย-ขวาและตรงกลาง 3 ตำแหน่ง อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสที่ออกแบบให้ลอยบนแผงคอนโซล, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ออกแบบให้สวยงามและหรูหรา

          สำหรับพื้นที่โดยสารนั้น ประกอบไปด้วยเบาะที่รองรับแผ่นหลัง 4 ทิศทาง Lumbar Support พร้อมกล่องเก็บอเนกประสงค์ด้านล่าง แถมลูกค้าสามารถเลือกวัสดุผ้าหรือหนังมาหุ้มเบาะได้ตามความเหมาะสม และเบาะหลังที่สามารถพับแบบ 40:60 เพื่อขยายพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายให้กว้างกว่าเดิมได้ ที่ขาดไม่ได้ คือ ช่องปรับอากาศด้านหลัง

เครื่องยนต์

          เริ่มจาก BMW Series 1 118i ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,598 ซีซี. เสริมด้วยเทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 4,400-6,450 รอบ/นาที แรงบิด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันคู่ และหัวฉีดอัจฉริยะ และส่งกำลังโดยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบ ECO PRO จะช่วยลดการเผาผลาญ เชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง 20% ตามสภาพการขับขี่

           BMW Series 1 118i จึงมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำเฉลี่ยเพียง 16.9 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 137 กรัม/กิโลเมตร และที่สำคัญ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 8.7 ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.

          ทางด้าน Mercedes-Benz A Class ใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 4 สูบ ที่ได้เสริมระบบเผาไหม้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงให้แรงม้าที่สูงถึง 122 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิด 200 นิวตัน-เมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 7 เกียร์เดินหน้า 7G-DCT พร้อมรับบควบคุมเครื่องยนต์ ECO START/STOP ให้หยุดทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่งในระยะเวลาหนึ่งและจะสามารถเดินเครื่องอีกครั้งเมื่อเหยียบคันเร่ง 

          จึงมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำเฉลี่ยเพียง 17.5-18.5 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 127-133 กรัม/กิโลเมตร ผ่านมาตรฐาน Euro6 และที่สำคัญ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 9.1 ความเร็วสูงสุด 202 กม./ชม.

ระบบความปลอดภัย

          ทางด้านระบบความปลอดภัยทั้ง 2 ค่ายจากแดนเบียร์ที่ให้ความสำคัญกับระบบนี้ จนแทบเรียกได้ว่าเป็นผู้นำของระบบความปลอดภัย (ที่จำหน่ายในไทย) ได้ดีทีเดียวโดย BMW Series 1 118i และ Mercedes-Benz A 180 Urban จะมีระบบความปลอดภัยอะไรที่เหมือน หรือ แตกต่าง กันบ้าง ? โดยมีรายละเอียดดังนี้

ราคา

          BMW Series 1 118i 5-Door  ราคาเริ่มต้นที่ 1,749,000 บาท 

          Mercedes-Benz A 180 Urban ราคาเริ่มต้นที่ 1,990,000 บาท 

สรุป

          BMW Series 1 118i 5-Door เป็นรถที่สร้างความโดดเด่น หรูหรา พร้อมภายในที่ทันสมัยพร้อมสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟน ด้านขุมพลังแรงม้าก็ถือได้ว่าสูงมากกว่า พร้อมเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันและลดมลพิษที่ทำได้ดีทีเดียว แถมราคาค่าตัวก็ไม่แพงอย่างที่คิด จึงเป็นรถที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในรอบๆ ด้าน และให้ความคุ้มค่าในตัวเอง

          Mercedes-Benz A 180 Urban หากเทียบกับรุ่นนี้แม้ตัวถังจะดูเรียบง่ายไม่หวือหวา (แต่กระจังหน้าดาวสามแฉกก็สามารถสร้างจุดดึงดูดได้ดีทีเดียว) แต่ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดหนักมาก คือ สิ่งที่สร้างความหรูหราสมชื่อมากกว่าที่คิด แม้เครื่องยนต์อาจไม่แรงเท่า แต่ประสิทธิภาพในด้านการควบคุมมลพิษกลับทำได้ดีกว่า จึงเป็นรถที่ไม่ได้ออกแบบแค่ยกระดับผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนภายนอกได้อีกด้วย

          ในโอกาสหน้า ทีมงาน BoxzaRacing จะนำรถอะไรมาเปรียบเทียบเป็นคู่ต่อไป ก็อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ