ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ปรับโฉม Suzuki XL7 เพิ่มสีสไตล์ทูโทน ตอกย้ำความนิยมในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ MPV ชูสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในแบบฉบับของ Multi-Dynamic Crossover เคาะราคาจำหน่ายเริ่มไปก่อนหน้านี้ พร้อมตั้งเป้าขยับส่วนแบ่งในตลาด MPV ด้วยยอดขาย 5,400 คัน ด้วยความอเนกประสงค์และสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ส่งผลให้ Suzuki XL7 มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ MPV การันตีคุณภาพและความนิยมด้วยยอดขายสะสมกว่า 6,000 คันในประเทศไทย นับตั้งแต่เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในช่วงกลางปี 2563 ภายใต้รูปโฉมของ Multi-Dynamic Crossover เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานที่ครบครัน ชูสมรรถนะที่โดดเด่นภายใต้แนวคิด THINK XL ตอบสนองทุกฟังก์ชันการใช้งาน
และในครั้งนี้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก ด้วยการแนะนำ Suzuki XL7 สีใหม่สไตล์ทูโทน โดยนายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความร้อนแรงของตลาดรถอเนกประสงค์ MPV ส่งผลให้หลากหลายค่ายส่งผู้เล่นลงขับเคี่ยวอย่างเข้มข้น ผลักดันให้เซกเมนต์ดังกล่าวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภคสำหรับทางเลือกที่มากขึ้น โดย Suzuki XL7 มีการเพิ่มความโดดเด่นและดุดันยิ่งขึ้น ทั้งยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยมในแบบฉบับของ Multi-Dynamic Crossover
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Suzuki XL7 โดดเด่นด้วยสีทูโทน หลังคาสีดำตัดกับสีตัวรถ เติมเต็มความสปอร์ตด้วยกระจกมองข้างสีดำ ให้ความรู้สึกเข้มและดุดันด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำผสมโครเมียม สอดรับกับไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ มาพร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน มาพร้อมไฟท้าย LED และไฟเบรกแนวตั้ง เติมความเข้มด้วยซุ้มล้อสีดำ พร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว รวมถึงราวหลังคา เพื่ออรรถประโยชน์ในการบรรทุกสัมภาระมากยิ่งขึ้น
คอนโซลด้านหน้าตกแต่งวัสดุด้วยลาย CarbonFiber เสริมด้วยคิ้วโครเมียม และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผล แจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ทั้งยังเชื่อมต่อกับความบันเทิงด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า อีกทั้งช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 3 ตำแหน่ง
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร เสริมความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ตโฟน ทันสมัยด้วยระบบ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้ โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต รวมถึงกระจกมองข้างที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้ขับขี่สัมผัสความสะดวกสบายในการใช้งาน
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ได้รับการปรับแต่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว ผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Suzuki ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
ระบบช่วงล่างได้รับการออกแบบและปรับแต่งเพื่อตอบสนองการขับขี่ได้ในทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. สร้างความนุ่มนวลและมั่นใจในทุกสภาวะถนนด้วยเหล็กกันโคลงด้านหน้าขนาดใหญ่ ลดอาการโคลงของตัวรถและเพิ่มการยึดเกาะถนน มาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ระบบเบรก ABS, ระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
อีกหนึ่งรุ่นที่อยากนำเสนอ คือ Suzuki Carry รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ ในครั้งนี้ Suzuki ได้นำมาดัดแปลงเป็น Motor Home หรือรถบ้าน ซึ่งปัจจุบันตลาดรถบ้านในประเทศไทยกำลังขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความนิยมของผู้บริโภคในช่วงโควิด เลือกที่จะทำรถบ้าน Motor Home เพื่อออกเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ยังสามารถทำงานนอกสถานที่ในแบบ Work from anywhere และในขณะเดียวกันผู้บริโภคมีการปรับตัวเริ่มทำธุรกิจ Food Truck มากขึ้น หลายคนจึงเลือกที่จะทำ food Truck ผนวกกับรถบ้านไปในตัวอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมี Suzuki Swift สปอร์ตอีโคคาร์ยอดนิยมของคนไทย สร้างยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของซูซูกิมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากดีไซน์อันโดดเด่น ด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและประหยัดน้ำมันมากขึ้น เครื่องยนต์รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่ DUALJET ช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 557,000 บาท โดยในงานนี้ ซูซูกิได้ตกแต่งในสไตล์พิเศษเพื่ออีกทางเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบในความโดดเด่นและแตกต่างไม่ซ้ำใคร
Suzuki Ciaz อีโคซีดานที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านดีไซน์ และสมรรถนะ เป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่สามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าด้านการใช้งาน การบำรุงรักษา และรวมถึงราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซูซูกินำมาช่วยเสริมทัพรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ของซูซูกิให้แข็งแกร่ง
Suzuki Celerio รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดย เฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา รถยนต์รุ่นนี้สามารถทำยอดขายได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากคุณภาพเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดีเกินความคาดหมาย ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 328,000 บาท
Suzuki Ertiga รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นับตั้งแต่ถูกแนะนำออกสู่สาธารณะชนก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับครอบครัว ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 659,000 บาท
พร้อมรับโปรโมชั่น SUZUKI SUPER SURPRISE DEAL สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขตามที่บริษัทฯ กำหนด โดยผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่บูธรถยนต์ Suzuki ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม-3 เมษายน 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ
Suzuki XL7 มีราคาและสีรถให้เลือกดังนี้
สีทูโทน-ตัวรถสีส้มตัดกับหลังคาสีดำ 789,000 บาท
สีทูโทน-ตัวรถสีขาวตัดกับหลังคาสีดำ 794,000 บาท
สีส้ม สีเทาเข้ม สีดำ 779,000 บาท
สีขาว 784,000 บาท