เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาค่ายยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นอย่าง Toyota ได้เคยเปิดตัว Toyota GR Super Sport Concept ที่ไฮเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดรุ่นต้นแบบ ออกมาสู่ครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากที่ค่าย Toyota จะหันมาเอาจริงเอาจังกับรถระดับไฮเปอร์คาร์ที่เป็นขุมพลังไฮบริด โดย Toyota GR Super Sport Concept คันนี้เป็นรถที่ได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอ และเทคโนโลยีจาก Toyota TS050 race car ที่สร้างชื่อเสียงในการคว้าชัยการแข่งขัน WEC ในรายการ 24 Hours of Le Mans เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นเจ้า Toyota GR Super Sport Concept ยังเป็นรถคอนเซ็ป์ที่จอดโชว์นิ่งอยู่บนเวที
แต่ล่าสุดทางค่ายยักษ์ใหญ๋จากญี่ปุ่นก็ได้นำเจ้า Toyota GR Super Sport มาเผยโฉมต่อหน้าสาธารณะชนเป็นครั้งแรก โดยในครั้งนี้ไม่ได้มาโฉมเฉยๆ แต่เป้นการนำมาวิ่งโฉมสเต็ปในสนามแข่งขันที่ในงาน Le Mans 24 Hours ครั้งที่ 88 ในสนาม Circuit de la Sarthe ประเทศฝรั่งเศส โดยมี Alex Wurz อดีตนักแข่งในทีม Toyota Gazoo Racing เป็นผู้ควบคุมหลังพวงมาลัย
ถึงว่าแม้ Toyota GR Super Sport ในรุ่น Prototype คันนี้จะอยุ่ในชุดคลุมลายพราง แต่ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่อยู่ในสนามได้เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะอยู่ในชุดลายพรางที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง GR (Gazoo Racing)ที่เราเคยเห็นบนตัว GR Supra ในรายละเอียดบางส่วนของตัวรถก็โดดเด่นออกมา ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่เน้นรูปทรงตามสไตล์รถ Formula, ตัวรถถูกออกแบบเป็นแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง มาพร้อมสกู๊ปดัดลมที่อยู่บนหลังคา, ปีกหลังขนาดใหญ่ และสปอยเลอร์ด้านหน้าที่ถูกออกแบบให้ดูดุดัน โดยทาง Toyota ให้คำจำกัดความของ Toyota GR Super Sport คันนี้ว่า เป็นไฮเปอร์คาร์ที่มีสายเลือดของรถแข่งอยู่ในตัว
โดย Toyota GR Super Sport คันนี้ถูกคาดว่าเป็นมาเป็นรถแข่งของทางค่ายที่จะมาใช้สำหรับการแข่งขัน Le Mans Hypercar Class ในปี 2021 ที่จะถึงนี้ ส่วนเวอร์ชั่นที่วิ่งบนถนนอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นคาดว่าทาง Toyota จะผลิตออกมาอีกเวอร์ชั่นหนึ่งซึ่งมีความเหมือนกับในเวอร์ชั่นตัวแข่งนี้ โดยข้อมูล และรายละเอียดทางเทคนิดยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่มีการคาดการณ์กันว่าไฮเปอร์คาร์ที่ใช้งานบนท้องถนนจะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ขุมพลัง V6 ขนาด 2.4 ลิตร Twin-Turbo พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Hybrid ติดตั้งตรงกลาง ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 986 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. จะใช้ในเวลาน้อยกว่า 7 วินาที
ส่วนวันเวลาการวางจำหน่าย และราคาค่าตัว นั้นยังไม่มีกำหนดการณ์ออกมา แต่มีการคาดการณ์กันว่าราคาคงจะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 31 ล้านบาท อย่างแน่นอน
