ทางค่าย Aston Martin จากดินแดนผู้ดีอังกฤษ ได้จับเจ้า Aston Martin Valkyrie ไฮเปอร์คาร์ตัวแรงของทางค่ายออกทดสอบวิ่งบนถนนสาธารณะในสภาพการจราจรแบบของจริง ที่บริเวณรอบศูนย์ทดสอบซิลเวอร์สโตนของทางบริษัท ในเกาะอังกฤษ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า Aston Martin Valkyrie ใกล้พร้อมที่จะเสร็จสมบูรณ์ทุกขั้นตอนแล้ว โดยทาง Aston Martin บอกว่าจะเริ่มส่งรถคันแรกให้เจ้าของที่จับจองไว้ในช่วงปลายปีนี้
Aston Martin Valkyrie เป็นรถไฮเปอร์คาร์ของทาค่ายรถหรูจากเกาะผู้ดีอังกฤษ เป็นรถที่ทาง Aston ผลิตออกมาเพียง 150 คันเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมนั้นเราจะเห็น Aston Martin Valkyrie ในรูปแบบที่เป็นภาพในสตูดิโอ โดยล่าสุดที่ทาง Aston Martin นำเจ้า Valkyrie ไฮเปอร์คาร์ตัวแรงออกมาวิ่งนั้นจะเป็นตอนที่ สองนักขับ F1 อย่าง Max Verstappen และ Alex Albon ได้เข้ารวมทดลองขับ Aston Martin Valkyrie ที่สนาม Silverstone และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ท่าง Aston Martin ได้นำ Aston Martin Valkyrie มาทดสอบวิ่งบนถนนสาธารณะในสภาพการจราจรของจริง ซึ่งคันที่นำมาทดลองวิ่งนี้เป็นรถสีสีน้ำเงินเข้ม พร้อมกับติดป้ายทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย โดยเจ้า Aston Martin Valkyrie ที่นำมาวิ่งบนถนนจริงนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจ ให้กับผู้ที่ได้เห็นตัวเป็นจริงๆเป็นอย่างมาก
ไฮเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดตัวนี้มีความร้อนแรงจากเครื่องยนต์ V12 ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ที่พัฒนาโดย Cosworth ที่ให้กำลังมากถึง 1,000 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิด 740 นิวตัน-เมตร ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้แรงม้าอยุ่ที่ 160 แรงม้า กับแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้ไฮเปอร์ตัวนนี้ มีแรงม้าลงพื้นที่มากถึง 1160 ตัว มากับแรงบิดที่พุ่งไปถึง 900 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที
โดย Aston Martin Valkyrie เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Aston Martin กับทาง Red Bull Advanced Technologies โดยจะทำให้ Aston Martin Valkyrie คันนี้เป็นไฮเปอร์คาร์มีน้ำหนักตัวที่เบาที่สุด โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,000 กิโลกรัม พร้อมกับจะทำให้ไฮเปอร์คาร์คันนี้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1: 1 นอกจากนี้ทาง Aston Martin ยังตั้งเป้าที่จะสร้างให้มีแรงกดถึง 1,816 กิโลกรัม ในช่วงตอนที่รถมีความเร็วสูงสุด และที่สำคัญทาง Aston Martin หวังที่จะให้ Aston Martin Valkyrie คันนี้ ทำความเร็วต่อรอบในสนามซิลเวอร์สโตนเท่ากับ F1 ด้วย
Aston Martin Valkyrie ไฮเปอร์คาร์จากดินแดนผู้ดีอังกฤษจะเริ่มส่งมอบรถคันแรกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2020 นี้ และจะผลิตออกมาเพียง 150 คันเท่านั้น