หลังจากที่ได้เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา Koenigsegg เปิดตัว Koenigsegg Jesko ไฮเปอร์คาร์พลัง 1,600 ม้า สเปคเทพที่ใช้ E85 ปลดล็อคความแรง โดยสามารถเร่งความเร็วไปถึง 482 กม./ชม. ซึ่งในตอนนั้นก็ได้ทุบสถิติเดิมของ Agera RS ไปแล้ว แต่ล่าสุดในปีนี้ทาง Koenigsegg ต้องการจารึกประวัติศาสตร์ในโลกของรถยนต์อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่ทาง Koenigsegg เผยว่าจะเป็นไฮเปอร์คาร์ที่ที่วิ่งเร็วที่สุดที่เคยสร้างมา ว่า รถยนต์ของทางค่าย Koenigsegg จะเป็นรถที่สามารถวิ่งได้เร็วที่ โดยทาง Koenigsegg ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วผ่านช่องทางออนไลน์ แทนการเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show 2020 ที่ถูกยกเลิกไปเพราะสถานการณ์ Covid 19
นอกจากนั้นทาง Koenigsegg ยังเผยอีกว่า Koenigsegg Jesko Absolut รุ่นใหม่นี้จะเป็น “จะเป็น Koenigsegg รุ่นที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา และทาง Koenigsegg เราจะไม่คิดที่จะสร้างรถโปรดักชั่นคาร์ที่เร็วไปมากกว่านี้อีกแล้ว” โดยเรื่องตัวเลขความเร็วนั้นทาง Koenigsegg นั้นไม่ได้แจ้งออกมาแต่คาดการณ์ว่าจะเร็วกว่ารุ่นที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา จึงมีการคาดว่า Koenigsegg Jesko Absolut ตัวใหม่นี้จะมีความเร็วทะลุ 500 กม./ชม. กันเลยทีเดียว
โดยทาง Koenigsegg เผยข้อมูลเพียงว่า Koenigsegg Jesko Absolut ได้ปรับแต่งในเรื่องแอร์โรไดนามิค และทดสอบกว่า 5,000 ชั่วโมง จนทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.278 Cd ซึ่งเป็นผลมาจากทาง Koenigsegg ได้ปรับเปลี่ยนในส่วนช่องดักลมด้านหน้าโดยทำการปิดไว้, คานาร์ดทีติดไว้ด้านหน้าถูกยกออกไป, ในส่วนฝากระโปรงที่มีช่องระบายความร้อนก็ถูกเอาออกเช่นกัน รวมถึงปีกหลังขนาดใหญ่ที่เป็นแบบ 2 ครีบ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินขับไล่ F-15 ก็ได้ถูกปรับออก และในส่วนล้อคู่หลังที่มีขนาด 21 นิ้ว ได้ปรับดีไซน์ใหม่ให้เป็นแบบปิดทึบ พร้อมกับปรับลดความสูงของช่วงล่างลง
ส่วนหัวใจหลักที่ทำให้ Koenigsegg Jesko Absolut จะเป็นไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดตั้งแต่ทาง Koenigsegg ผลิตขึ้นมา จะมากับเครื่องยนต์ V8 เบนซิน 5.0 ลิตร ติดเทอร์โบคู่พ่วงด้วยคอมเพรเซอร์อีกตัว ทำให้ผลิตกำลังได้ 1,280 แรงม้า ด้วยน้ำมันออกเทน 95 แต่ถ้าหากใช้เชื้อเพลิง E85 จะปลดล็อคแรงม้าเพิ่มเป็น 1,600 แรงม้า กับแรงบิด 1,500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
ส่วนกำหนดการวางตลาด และราคาของ Koenigsegg Jesko Absolut นั้นทาง Koenigsegg ยังไม่มีการเผยออกมา