เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 7 กุมภาพันธ์ 2563 - 09:24

Mini Cooper SE รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก เปิดตัวอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ค่าตัว 2.29 ล้าน

 

         Mini Cooper SE  รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Mini เผยโฉมในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มาพร้อมดีไซน์โดดเด่น และคุณภาพระดับพรีเมียม ภายใต้เอกลักษณ์ความเป็น Mini อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกนี้ นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการปฏิวัติการขับด้วยพลังงานสะอาด แต่ยังคงความสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทในตำนาน พร้อมรูปโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mini บุกเบิกไลฟ์สไตล์แบบใหม่แห่งการขับในตัวเมืองด้วยพลังงานสะอาด

 

 

         Mini Cooper SE  มาในโครงสร้าง 3 ส่วนเช่นเดียวกับ Mini รุ่นอื่น ๆ ประกอบไปด้วยโครงสร้างตัวถัง หน้าต่างรอบด้านและหลังคารถ และการออกแบบให้ล้ออยู่ใกล้กับกันชน ซึ่งรวมถึงความกว้างของฐานล้อ เหล่านี้ล้วนสื่อถึง DNA ความเป็น Mini พันธุ์แท้ที่ทำให้ Mini Cooper SE แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เส้นสายการออกแบบที่โดดเด่นและชัดเจนสะท้อนถึงเทคโนโลยีการขับแห่งอนาคตที่ล้ำสมัย

 

 

          ดีไซน์กระจังหน้าเอกสิทธิเฉพาะ Mini Cooper SE มาพร้อมไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของ Mini 3 ประตู บนฝาครอบนี้แสดงสัญลักษณ์ Mini Electric เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและการใช้พลังงานไฟฟ้า สัญลักษณ์นี้ยังปรากฎที่บริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ และกระจังหน้า สะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้าง ในสีเดียวกัน

 

 

          ด้านใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคัน และกระโปรงท้ายรถในรูปลักษณ์สะดุดตา ล้วนมีส่วนช่วยลดแรงต้านของอากาศ  อีกทั้งปราศจากท่อไอเสีย อากาศจึงสามารถไหลผ่านใต้ท้องรถไปยังท้ายรถได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย Mini Electric Corona พร้อมยางรันแฟลต ที่มีเป็นพิเศษเฉพาะในรุ่น Mini Cooper SE เท่านั้น

 

         ภายใน Mini Cooper SE ให้ความรู้สึก เอ็กซ์คลูซีฟมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ในดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่นนี้ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน แยกการระบายอากาศและการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอปพลิเคชั่น Mini Connected ในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ

 

 

         แผงหน้าปัดมาในดีไซน์เฉพาะรุ่น  โดดเด่นด้วยจอแสดงผลสี Digital ขนาด 5.5 นิ้ว ในดีไซน์ Black Panel แจ้งอัตราความเร็วในการขับทั้งในแบบตัวเลขและแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลในรูปแบบ Digital เกี่ยวกับระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง โหมดการขับ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมทั้งเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ โดยจะเปลี่ยนสีไฟตามสถานะการชาร์จ ได้แก่ สีส้มขณะเริ่มชาร์จ สีเหลืองขณะกำลังชาร์จ และสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม โดยหากมีความผิดปกติใด ๆ ในระหว่างการชาร์จ จะแจ้งเตือนผู้ขับด้วยไฟสีแดง

         สำหรับจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วบริเวณแผงคอนโซล รองรับการแสดงผลจากบริการ Mini Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น จอ eDrive ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือกต่าง ๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับ

 

 

         ขุมพลังไฟฟ้าใน Mini Cooper SE เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ BMW Group ได้พัฒนาขึ้น สามารถส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า สามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร  ความเร็วจาก 0-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 3.9 วินาที และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานแทบจะไร้เสียง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับรุ่น Mini Cooper SE เท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงขณะขับที่ความเร็วต่ำ

 

 

          ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ทที่เป็นตำนานของ Mini ได้ก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมการควบคุมแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาและตั้งค่ามาเพื่อ Mini Cooper SE โดยเฉพาะจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าของ Mini Cooper S อย่างน้อย 30 มิลลิเมตร ยกระดับประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักและการเข้าโค้ง มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับ (DSC)

         ให้ความคล่องตัว ควบคุมได้อย่างแม่นยำและยังมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้นเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่บริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง ส่งผลทำให้ Mini Cooper SE มมีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถและพื้นถนน Mini Cooper SE จึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่า Mini รุ่นอื่น ๆ 18 มิลลิเมตร

 

 

         รองรับการตั้งค่าต่าง ๆ ตามสภาวะการขับและรูปแบบการขับที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล มาพร้อมโหมดการขับขี่  4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN และ GREEN+  สามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับโดยการจำกัดหรือหยุดการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นระบบปรับอากาศหรือระบบอุ่นเบาะที่นั่ง เป็นต้น

         อีกหนึ่งความโดดเด่นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของ BMW Group คือการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับสามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่ง หรือที่เรียกว่า One-Pedal Feeling โดย Mini Cooper SE ถือเป็นรถรุ่นแรกของ BMW Group ที่ผู้ขับสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับแบบ One-Pedal Feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้รถชะลอตัวนุ่มนวลยิ่งขึ้น

 

         Mini Cooper SE สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ Mini Electric Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ สามารถรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ซึ่งมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฎอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกระพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม

 

 

          แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก Mini Electric Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 % ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 % ภายใน 3.5 ชั่วโมง และหากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC Fast-Charging จะช่วยให้สำรองพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่ง Mini Cooper SE ได้รับการออกแบบมาให้รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ถึง 80 % ภายในเพียง 36 นาที

         นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Mini Electric Wallbox ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ ChargeNow ซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

 

         ระบบส่งกำลังและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่าง ๆ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถในโครงสร้างรูปทรงท่อ ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง

         ด้านความปลอดภัยของ Mini Cooper SE ยังเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของ BMW Group โดยทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากได้เกิดการชน ในส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่ภายใต้กันชนและโครงสร้างมอเตอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

Mini Cooper SE ราคาจำหน่าย 2,290,000 ล้านบาท

 

          รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard ครอบคลุมการบำรุงรักษานาน 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ท่านที่สนใจสามารถพรีออเดอร์ Mini Cooper SE ได้ทาง www.mini.co.th ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.14 น. เป็นต้นไป

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook