All New MG3 Hybrid+ เป็นรถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู พิกัด B-Segment เจนเนอเรชันที่ 2 ของทางค่าย MG ที่มาพร้อมงานออกแบบดีไซนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หน้าจรดท้าย มาพร้อมระบบการทำงานเครื่องยนต์แบบ Hybrid
เรื่องการออกแบบ ตัวรถมาในแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ด้านหน้ากับชุดไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ ขณะที่เส้นสานตัวรถนั้นเน้นความโค้งมน เสริมด้วยล้ออัลลอยด์ลาย 5 ก้าน ลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/55 R16 ขนาดตัวรถมีความยาว 4.113 ม. กว้าง 1.797 ม. สูง 1.502 ม. มาพร้อมระยะฐานล้อ 2.570 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มม. โดยเมื่อเทียบกับในรถคลาสเดียวกันแล้วถือเป็นรถที่มีความกว้างของตัวรถที่มากที่สุด
ด้านภายในห้องโดยสารถูกออกแบบภายใต้ Modular Concept ตกแต่งด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ ออกแบบคอนโซลเล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ หน้าจอแสดงผล อัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้วหลังพวงมาล้ย และหน้าจอกลางแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และกุญแจรีโมทอัจฉริยะแบบ Smart Key เซ็นเตอร์พาแนลติดตั้งชุดเกียร์แบบหมุน Shift By Wire มาพร้อมชุดเบรกมือไฟฟ้า และปุ่ม Auto Brake Hold รวมทั้งยังได้รับแท่นชาร์จสมาร์ตแบบไร้สาย และช่องวางขวดน้ำขนา่ดใหญ่ 2 ช่อง
ห้องโดยสารออกแบบให้มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room) ห้องสัมภาระด้านท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร โดยสามารถวางกระเป๋าเดินทางแบบลากขนาดใหญ่ได้ถึง 3 ใบ
พลังขับเคลื่อนของ All New MG3 Hybrid+ ให้สมรรถนะอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้าผสานความแรงของและเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรรุ่นใหม่ รวมพละกำลังสูงสุดถึง 194 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้า EDU 3 ระดับ มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ความจุ 1.83 kWh เหนือชั้นด้วย 8 โหมดขับเคลื่อน รวมทุกระบบไฮบริดไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างราบรื่นในทุกช่วงความเร็ว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นเสมือนรถไฟฟ้าแต่สามารถเดินทางได้ไกลโดยไม่ต้องชาร์จ
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam มาพร้อมดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง ส่วนระบบพวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
สำหรับระบบความปลอดภัย มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System) ไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมยกระดับการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยกล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
All New MG3 Hybrid+ มีเฉดเสีให้เลือก 7 สี ได้แก่สีดำ Pebble Black, สีขาว Dover White, สีเงิน Cosmic Silver, สีเหลือง Pastel Yellow, สีแดง Diamond Red, สีเทา Hampstead Grey และ สีน้ำเงิน Como Blue
All New MG3 Hybrid+ รุ่น D ราคา 559,900 บาท*
All New MG3 Hybrid+ รุ่น X ราคา 599,900 บาท*
*ราคาพิเศษเฉพาะเปิดตัว 1,000 คันแรก หลังจากนั้นปรับขึ้น 20,000 บาท
โดยล่าสุดจากทดสอบในประเทศไทย All New MG3 Hybrid+ สามารถขับด้วยน้ำมันเพียง 1 ถังจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ โดยมีอัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยดีที่สุดถึง 26.2 กิโลเมตรต่อลิตร