รถซีดานขนาด 1,500 ซีซี. ระดับ B-Segment มักจะได้รับความนิยมไม่น้อย มีผู้ผลิตมากมายให้เลือก คราวนี้มาดูกันว่าซีดาน 2 รุ่น ที่นำมานี้ จะโดนใจผู้อ่านหรือไม่ระหว่าง รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ Honda City SV+ รุ่นท๊อปสุด ราคา 751,000 บาท กับซีดานอินดี้สุดสปอร์ต MG5 Turbo รุ่นท๊อปสุด ราคา 759,000 บาท
รูปทรงภายนอก
Honda City SV+
รุ่นไมเนอร์เชนจ์มีภายนอกปรับใหม่ในสไตล์เดียวกับซีวิค เปลี่ยนกระจังหน้าเพิ่มคิ้วโครเมียมขนาดใหญ่หน้ารถ ดีไซน์เหลี่ยมแข็งแรง มีเส้นไฟ LED Daylight ฝังในตัว ยังเพิ่มไฟตัดหมอกมาให้อีก แถมเด่นกว่าคู่แข่งด้วยไฟหน้า LED และเสาอากาศแบบครีบฉลามจากโรงงาน เหมือนรถราคาแพงๆ ล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่สไตล์หรู พร้อมสีใหม่น้ำเงินคอสมิก แทรกประกายเมทัลลิก มิติตัวถังสั้นกะทัดรัดกว่า ใต้ท้องรถสูงกว่า และมีน้ำหนักรถเบากว่า ซึ่งส่งผลต่ออัตราเร่ง, เบรก และการกินน้ำมันที่ดีกว่า
MG5 Turbo
ภายนอกออกแบบด้วยแนวคิด Brit Dynamic คูเป้ดีไซน์สไตล์สปอร์ต 4 ประตู เช่นเดียวกับรถยุโรปหรู ฝากระโปรงหน้า V-shape เข้ากับไฟหน้าและไฟท้ายแนวนอนทรงเรียวยาว ล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่ สไตล์สปอร์ต เด่นกว่าคู่แข่งด้วยซันรูฟไฟฟ้า มิติตัวถังใหญ่กว่าทุกสัดส่วน สำหรับการโดยสารที่สบายยิ่งกว่า และมีฐานล้อยาวกว่าเล็กน้อย
Honda City SV+ | MG5 Turbo | |
ความกว้าง (มม.) | 1,695 | 1,804 |
ความยาว (มม.) | 4,440 | 4,612 |
ความสูง (มม.) | 1,477 | 1,488 |
ความกว้างช่วงล้อหน้า-หลัง (มม.) | 1,476/1,465 | 1,543/1,544 |
ระยะฐานล้อ (มม.) |
2,600 | 2,650 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.) |
150 | 118 |
น้ำหนักรถ (กก.) |
1,102 | 1,315 |
ฟังก์ชั่นภายใน
ทั้งคู่มีออพชั่นภายในที่เหมือนกันดังนี้ เบาะปรับมือ 6 ทิศทาง กุญแจรีโมทอิมโมบิไลเซอร์ กระจกไฟฟ้า กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง เครื่องเสียงเชื่อมต่อบลูทูธได้ แต่มีออพชั่นอื่นๆ ที่ต่างกันดังนี้
Honda City SV+
มีพวงมาลัยปรับระยะเข้า-ออกได้อีก ติดตั้งแป้นแพดเดิ้ลชิฟต์ และเพิ่มปุ่มควบคุมโทรศัพท์มาให้อีก ใส่ระบบครูซคอนโทรล พร้อมระบบความบันเทิงรองรับความละเอียด HDMI พร้อมลำโพงสูงถึง 8 จุด เบาะหลังสามารถพับแยก 60/40 ได้ กุญแจเปิดประตูอัจฉริยะแบบ keyless พร้อมระบบสวิตช์สตาร์ท สบายไปอีกด้วยแอร์ออโต้ และไฟแสดงผลการขับขี่ (Eco Coaching)
MG5 Turbo
ภายในมีออพชั่นเด่นกว่าตรงที่เบาะหนังแท้สลับกับ PVC เพิ่มจุดดันหลังคนขับปรับด้วยมือ (Lumbar Support) เบาะหลังพับลงได้ทั้งบาน มีที่วางแขนหลังพร้อมที่วางแก้ว เครื่องเสียงมีลำโพง 6 ตัว
สมรรถนะและประสิทธิภาพ
Honda City SV+
เครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร SOHC พร้อมเทคโนโลยี Earthdream ให้กำลัง 117 แรงม้า แบกสัดส่วนน้ำหนัก/กำลังอยู่ที่ 9.41 กก./แรงม้า คู่กับเฟืองท้ายทดจัดกว่า มีส่วนทำให้ออกตัวหวือหวากว่าเล็กน้อย มีวงเลี้ยวที่แคบกว่า ช่วยเรื่องความคล่องตัวในที่แคบได้ดี เกียร์ CVT 7 สปีด ที่สามารถปรับเล่นได้ตามใจโดยใช้แพดเดิ้ลชิฟต์ ให้อัตราการกินน้ำมันต่ำกว่าคู่แข่งชัดเจน
MG5 Turbo
เครื่องยนต์รหัส 15S4G เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ กำลัง 129 แรงม้า แบกสัดส่วนน้ำหนัก/กำลังมากกว่าอยู่ที่ 10.19 กก./แรงม้า แต่ยังมีเทอร์โบช่วยเรียกแรงบิดในการออกตัวและเร่งแซงในรอบต่ำ มีความเกาะถนนมากกว่าด้วยฐานล้อและแทรกล้อที่มากกว่า พร้อมยางหน้ากว้างถึง 205 มม.
Honda City SV+ | MG5 Turbo | |
กำลังสูงสุด (แรงม้า) | 117/6,000 รอบ/นาที | 129/5,500 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร) | 146/4,700 รอบ/นาที | 210/2,000-4,400 รอบ/นาที |
อัตราส่วนน้ำหนัก/แรงม้า | 9.41 กก./แรงม้า | 10.19 กก./แรงม้า |
ระบบส่งกำลัง | เกียร์ CVT 7 สปีด | เกียร์ออโต้ 6 สปีด |
อัตราทดเฟืองท้าย | 4.99 | 3.503 |
กินน้ำมันในเมือง (กม./ล.) | 13.5 | 12.33 |
กินน้ำมันนอกเมือง (กม./ล.) | 21.7 | 28.58 |
กินน้ำมันโดยเฉลี่ย (กม./ล.) |
17.85 |
15.6 |
ช่วงล่างหน้า |
แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง |
แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง |
ช่วงล่างหลัง |
กึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม |
ทอร์ชั่นบีม |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด |
5.3 |
5.58 |
ล้อและยาง |
185/55 R16 |
205/55 R16 |
อุปกรณ์ความปลอดภัย
ทั้ง 2 รุ่น มีระบบเซฟตี้มาครบครัน ทั้งเบรค ABS แบบกระจายแรงเบรค ระบบช่วยทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน เซนเซอร์กะระยะพร้อมกล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า แต่จุดต่างที่สำคัญคือ
Honda City SV+
เพิ่มเติมถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมรวม 6 จุด โครงสร้างนิรภัย G-CON กล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 มุม คือ 130, 180 องศา และมุมด้านบน
MG5 Turbo
เพิ่มระบบป้องกันการลื่นไถลขณะลดเกียร์ต่ำลงฉับพลัน และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
สรุป
การเทียบสเปคซีดานขนาด 1,500 ซีซี. มีความแตกต่างหลายด้าน Honda City SV+ เป็นรถสไตล์หรู ออพชั่นสบายกว่า และความไฮเทคเพียบ จิบน้ำมันน้อย ความปลอดภัยจัดเต็มสุดๆ การรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. ส่วนด้าน MG5 Turbo เน้นดีไซน์สปอร์ต มีซันรูฟ ภายในกว้าง เบาะหนังรอบคัน ใส่ยางกว้าง ช่วงล่างหนึบ มาพร้อมการรับประกัน 4 ปี หรือ 120,000 กม.
การซื้อซีดานระดับ B-segment จะเลือกรุ่นใดดีกว่า ควรได้ลองขับรถจริง เพื่อสัมผัสประสบการณ์ขับขี่เฉพาะตัวแต่ละคน และยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่อาจจะตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง ลงโชว์รูมให้สัมผัสแล้วทั้งสองรุ่นแล้วที่โชว์รูม Honda และ MG ทุกสาขา