บูชดูดซับแรงกระแทก ทั้งยาง, ยูรีเทน และเหล็ก ต่างกันอย่างไร ?
บูช เป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อกับวัสดุที่มีการสั่นสะเทือนสูง เช่น เครื่องยนต์, ปีกนก, ช่วงล่าง เป็นต้น เพื่อลดการสั่นสะเทือนให้กระจายสู่ห้องโดยสารให้น้อยที่สุด เพื่อความสบายใจของผู้ขับขี่ รวมไปถึงยังส่งผลต่อการตอบสนองการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การใช้งานในเมือง การแข่งขัน หรือแม้แต่การใช้งานในรูปแบบออฟโร๊ด
วัสดุที่ใช้ผลิตบูชนั้น จะมีความแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน เพื่อออกแบบให้สามาารถเลือกใช้บูชในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม โดยวัสดุหลักๆ ประกอบไปด้วยยาง, ยูรีเทน, และโลหะต่างๆ โดยความแตกต่างและรูปแบบการใช้งานของบูชแต่ละชนิดมีดังนี้
บูชยาง
เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีติดให้ในรถยนต์ที่ประกอบในโรงงาน และมีอะไหล่จำหน่ายมากมาย (มีทั้งแท้และเทียม) โดยจุดเด่นของบูชยางนี้ก็คือ จะมีความนุ่มและความยืดหยุ่นที่สูงกว่า จึงสามารถลดการสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ รวมถึงช่วงล่างให้เข้าไปยังห้องโดยสารน้อยลง และเพื่อประสิทธิภาพในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ดียิ่งขึ้น โดยจะมีทั้งแบบยางกลวง, ยางซ้อนยางนุ่มอีกชั้น และแบบสอดไส้น้ำมันไฮดรอลิก แต่จุดด้อยจะอยู่ที่ความทนทานที่ไม่สูงเท่ากับแบบยูรีเทนและโลหะ เมื่อใช้นานๆ ยางก็จะเสื่อมสภาพและเกิดการฉีกขาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่จะทนมากหรือเสื่อมไว ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของบูชและแหล่งตัวบูชที่มีทั้งของแท้และของเทียม
บูชยูรีเทน
สำหรับบูชประเภทนี้จะใช้วัสดุเป็น "พลาสติกยูรีเทน" ที่มีความแข็งกระด้าง แต่ก็มีให้เลือกแบบทั้งแข็งสนิทยังแข็งแต่หยุ่นเล็กน้อย จุดเด่นของบูชแบบนี้ก็คือ เพิ่มความกระด้างและการสั่นสะเทือนให้เข้าสู่ห้องโดยสาร ซึ่งจะมีผลต่อการตอบสนองต่อการขับขี่ให้สามารถควบคุมรถตามสภาพพื้นถนนได้แม่นยำ ส่วนมากจะใช้สำหรับรถแข่ง รวมไปถึงเพิ่มความทนทานสำหรับรถยนต์ที่ขับขี่แบบ Off-Road บ้างในบางกรณี สำหรับจุดด้อยนั้น อย่างที่ได้กล่าวข้างต้นก็คือ อาจทำให้แรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไป
บูชเหล็ก
ด้วยความที่เหล็กแข็งกว่าพลาสติก บูชแบบนี้สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้น้อยที่สุด วัสดุที่ใช้จะมีทั้งโลหะและอลูมิเนียม โดยบูชประเภทนี้จะใช้แข่งขับแบบทางเรียบที่ต้องการการตอบสนองการขับขี่ในเสี้ยววินาที ข้อเสียนั้นจะมีทั้งราคาที่สูงกว่าแบบยางและแบบยูรีเทน รวมไปถึงส่งผลต่อความเสียหายของวัสดุภายในด้วย หากใช้งานกับรถที่ไม่ได้รองรับสำหรับการแข่งขัน
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีบูชแบบผสมทั้งบูชโลหะใส้ยางเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และให้การตอบสนองการสั่นสะเทือนได้นุ่มนวลกว่า ซึ่งจะมีกลไกที่สามารถควบคุมการบิดตัวเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลด้วย แต่จะมีราคาที่สูงตามเช่นกัน
ทั้งนี้บูชแต่ละชนิด จะมีราคาและวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ยังไงก็ต้องเลือกให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมาใส่สักชุด ซึ่งผู้ขับขี่ควรใส่ใจในการเลือกซื้อบูชที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน เพื่อช่วยให้คุณไม่สิ้นเปลืองไปกับค่าอะไหล่ที่เกินความพอดี และรักษาชิ้นส่วนรถยนต์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานอีกด้วย