เขียนโดย: OTIZ THE OG

เมื่อ: 16 กรกฏาคม 2558 - 14:17

ภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ใหม่กับการปรับเปลี่ยนในปี 2559 ที่ควรรู้


ภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ใหม่กับการปรับเปลี่ยนในปี 2559 ที่ควรรู้



ในแต่ละปีนั้นมีรถออกใหม่มากมายในแต่ละปี

          เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้ทางทีมงานจะพาเพื่อนๆไปพบกับเรื่องของการปรับขึ้นภาษี รถใหม่ในปี 2559 ซึ่งถือว่ามีผลต่อผู้ที่คิดจะซื้อรถใหม่และค่ายผู้ผลิตรถ  เป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยสาเหตุในการปรับขึ้น ภาษีสรรพสามิตรรถใหม่ ในครั้งนี้จะเกี่ยวกับเรื่องไหนบ้างและมีการปรับขึ้นเท่าไร เดี๋ยวเรามาดูกันเลยครับกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในครั้งนี้



ในช่วงโครงการคืนภาษีรถคันแรกต่างมีผู้ออกรถใหม่กันอย่างมากมาย

            สำหรับสาเหตุของการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ใหม่ ในครั้งนี้เนื่องจากโครงการรถคันแรกที่ทำให้ประชาชนต่างแห่กันออกรถใหม่จนทำให้ กรมสรรพสามิตร ต้องสูญเสียรายได้ตรงจุดนี้ไป แถวยังต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นในการทำเรื่องคืนภาษีให้กลับประชาชน  ทางกรมสรรพสามิตรจึงได้มีการปรับโคลงสร้างการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม แล้วทำให้มีการปรับเปลี่ยนภาษีรถใหม่ดังนี้

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร                จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)

- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร                         จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร                    จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)

- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร                         จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                    จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร                     จัดเก็บภาษี 10%

- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร                    จัดเก็บภาษี 20%

- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 25%

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                          จัดเก็บภาษี 30%

4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้   จัดเก็บภาษี 12%

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 14%

- ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 17%

5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 3%

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                         จัดเก็บภาษี 5%

6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 5%

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 7%

7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 12%

- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 15%

8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                        จัดเก็บภาษี 25%

- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                      จัดเก็บภาษี 30%



การผลิตเครื่องยนต์ในอนาคตต้องคำนึงถึงการพัฒนาเรื่องมลภาวะอีกด้วย

          เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ในวันนี้ที่ทางทีมงานได้นำมาให้เพื่อนๆได้ชมกันเรื่องของการปรับขึ้น ภาษีสรรพสามิตรรถใหม่ในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าต่อไปทางผู้ผลิตรถยนต์นอกจากการพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังานทดแทนแล้วยังจะต้องมีการพัฒนาในเรื่องการเผาไหม้ของเครื่องยนต์อีกด้วย และเกร็ดความรู็ในครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นเพื่อนๆสามารถติดตามได้ที่ BoxzaRacing.com กันได้เลยครับ



รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook