Mitsubishi Lancer Evolution รถสปอร์ตซีดานรุ่นดังที่คนชอบรถอย่างเราๆต้องรู้จักกัน ไม่ว่าชื่อเสียงด้านทางเรียบ หรือทางฝุ่น เจ้ารุ่นแรงพิเศษนี้ ก็สร้างผลงานไว้มากมาย ด้วยจุดเด่นที่ผสมผสานระหว่างรถใช้งาน ซ่อมง่ายอะไหล่เยอะ รวมกับความแรงชนิดดึงหน้าหงาย คุณสมบัติสองอย่างนี้เข้ากันอย่างลงตัว เกิดเป็นรสชาติเผ็ดร้อนจากญี่ปุ่น ที่มีมาถึง 10 เจเนอร์เรชั่น กับตัวถังหลัก 4 แบบ ที่สามารถสลับอะไหล่ข้ามเจนฯกันได้ด้วย ความหลากหลายขนาดนี้ หลายคนอาจจะแยกแยะไม่ออก ว่ารุ่นใดคือเลขใด บทความนี้จะมาตอบความสงสัย แยกรุ่นได้ถูกต้อง กับภาพเดิมๆของอีโวลูชั่นแต่ละรุ่น พร้อมสเปคและประวัติคร่าวๆ เป็นความรู้ติดตัวกันอย่างถูกต้องเสียที เพื่อไม่เสียเวลากันแล้ว ไปเริ่มกันเลยครับ
Lancer Evolution รุ่นแรก เปิดตัวในปี 1991 พื้นฐานโฉม อี-คาร์ ที่ปรับปรุงโครงสร้างตัวถังให้แกร่งขึ้น เสริมสปอยเลอร์ท้ายทรงสูง กันชนหน้าที่มีช่องดักลมกว้างกว่าโฉมรถบ้าน กระจกสีชาพร้อมใบปัดน้ำฝนหลังแบบสเปคญี่ปุ่น ใช้เครือง 4G-63 เบนซิน 4 สูบ 1,998 ซีซี ทำกำลังได้ 250 แรงม้า กับน้ำหนักตัวแค่ 1,240 กิโลกรัม ทำให้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ทำได้ใน 5.1 วินาที ด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
Lancer Evolution II เปิดตัวในปี 1994 ทรงคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือชายสเกิร์ตหน้า และล้อแม็กซ์ OZ ลายห้าก้านสุดคลาสสิค ด้านภายในเปลี่ยนมาใช้เบาะเรคคาโร่ ส่วนไส้ในปรับปรุงฐานล้อกว้างขึ้น 10 มม. ใช้หัวใจหลัก 4G-63 เหมือนเดิม แต่เพิ่มแรงม้าเป็น 260 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. เร็วขึ้นเล็กน้อยเป็น 5 วินาที
Lancer Evolution III เปิดตัวตามมาติดๆในปี 1995 แตกต่างหลักๆหลายจุด ตรงด้านนอกเสริมสเกิร์ตใหม่รอบคันสีเดียวกับตัวรถ ที่สำคัญสเกิร์ตข้างปั๊มตรา Evolution III อันเป็นเอกลักษณ์สุดๆ เสริมสปอยเลอร์ทรงใหม่ที่สูงไปอีก เครื่องยนต์บล็อกเดิม แต่ปรับปรุงเทอร์โบใหญ่ขึ้น และระบบฉีดน้ำที่อินเตอร์ฯ ทำให้แรงม้าเพิ่งอีก 10 ตัวเป็น 270 แรงม้าไปแล้ว พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.สั้นลงไปอีกที่ 4.9 วินาที นับเป็นอีโวลูชั่นโฉมอีคาร์ที่ดีที่สุด จนสามารถคว้าแชมป์แรลลี่โลก WRC ได้ในปีนั้น
Lancer Evolution IV เปลี่ยนโฉมตามแลนเซอร์ฉายาท้ายเบนซ์ แต่ไม่ใช่ว่าจะเอารถบ้านมาสลับของได้โดยตรง แบบร้อยน็อตอย่างสะดวกโยธินอีกต่อไป เพราะอีโวฯ 4 รุ่นนี้ปรับปรุงโครงสร้างใหม่หลายจุด เปิดตัวเมื่อปี 1996 จุดเด่นอยู่ที่ไฟตัดหมอกทรงกลมขนาดใหญ่ รับกับกันชนทรงโต สปอยเลอร์เต็มยศ ส่วนเครื่องยนต์ 4G-63 ปรับมาใช้เทอร์โบใหม่แบบ Twin-scroll แปรผันได้ ทำให้แทบไม่ต้องรอรอบ ได้กำลังเพิ่มมาอีกเป็น 280 แรงม้า พร้อมระบบ Active Yaw Control ที่ควบคุมแรงบิดในแต่ละล้อทั้งสี่อย่างอิสระ เห็นได้ชัดว่าเริ่มใส่ความไฮเทคสุดล้ำมาตั้งแต่ยุคนี้กันเลยทีเดียว
Lancer Evolution V เปิดตัวปี 1998 ใช้ตัวถังเดียวกับรุ่น 4 แต่ภายนอกต่างกันหลักๆตรงที่กระจังหน้าไม่มีเขี้ยว ขอบเรียบๆ และช่องดักลมข้างมีปลายแหลมชี้ขึ้น พร้อมสเกิร์ตขนาดใหญ่กว่าเดิม ส่วนฝากระโปรงแบ่งช่องลมเป็นสองช่อง ที่ซุ้มล้อหลังทำโป่งขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามา พร้อมสปอยเลอร์ทรงใหม่ เครื่องยนต์มีแรงม้าสุดที่ 280 ตัวตามกฎการแข่งแรลลี่ แต่ไปเพิ่มขนาดอินเตอร์คูลเลอร์ เพิ่มความแน่นของอากาศ ให้แรงบิดเพิ่ม 40 นิวตันเมตร กลายเป็น 373 นิวตัน-เมตร มาในรอบที่ต่ำลงไปอีก
Lancer Evolution VI เปิดตัวในปี 1999 จุดต่างหลักๆคือย้ายไฟตัดหมอกทรงโตมาอยู่มุมกันชน ส่วนสปอยเลอร์ท้ายเป็นแบบสองชั้น และไฟท้ายไม่มีทับทิมหลัง เครื่องยนต์ 280 แรงม้า เปลี่ยนสูบสูบให้ทนทานกว่าเดิม ใส่ออยเกียร์ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญคือ ปรับปรุงเทอร์โบมาใช้แกนเทอร์ไบน์ทำจากไทเทเนียม-อะลูมิเนียม ผสมกันเพื่อความแข็งกว่าเดิม และเป็นครั้งแรกของรุ่นนี้ที่ใส่เบรคเอบีเอสอีกด้วย
Lancer Evolution VII เปลี่ยนโฉมไปตามบอดี้ Lancer Cedia เปิดตัวปี 2001 แต่ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับรถบ้านน้อยมาก ต่างกันตั้งแต่กันชนหน้า-หลัง ฝากระโปรงหน้า-หลัง กระจัง ไฟหน้า โป่งหลัง สปอยเลอร์ ภายในโดดเด่นสุดด้วยมาตรวัด 5 วงสุดเท่ห์ ส่วนไส้ในก็ทำใหม่หมด แม้ว่าจะเป็นบล็อค 4G-63 280 แรงม้าเท่าเดิมตามกฎการแข่งแรลลี่ แต่ปรับปรุงชิ้นส่วนให้ทนทานขึ้น แรงบิดจูนเพิ่มเป็น 390 นิวตัน-เมตร เพิ่มทางเลือกเกียร์หลากหลาย ทั้งแบบอัตราทดชิด หรือเกียร์ออโต้เป็นครั้งแรกในรุ่นย่อย GTA
Lancer Evolution VIII เปิดตัวปี 2003 ใช้บอดี้เดิม แต่ปรับรายละเอียดให้ต่างจากเดิมด้วยกระจังหน้ามีทรงปิรามิดตรงกลาง กันชนมีช่องดักลมโค้งมนขึ้น จุดเปลี่ยนในเครื่องยนต์ 4G-63 ปรับปรุงแรงบิดเพิ่มไปที่ 400 นิวตัน-เมตร และเป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้เกียร์ธรรมดา 6 สปีด นอกจากนี้ยังมีรุ่นแต่งพิเศษ MR ลดน้ำหนักด้วยหลังคาและคานเหล็กประตูหน้า ทำจากอะลูมิเนียม พร้อมล้อ BBS น้ำหนักเบาไปอีก และเป็นเจนแรกที่มีรุ่นย่อย FQ ที่ปลดล็อคความแรงเลือกได้ตั้งแต่ 305, 325, 345 จนถึง 405 แรงม้า
Lancer Evolution IX รุ่นที่ 9 เปิดตัวในปี 2005 ปรับหน้าตาให้กระจังหน้าเรียบ ไม่มีปิระมิดอีกต่อไป พร้อมกันชนทรงใหม่ เพิิ่มรูวงกลมข้างช่องอินเตอร์ฯ เป็นรูกลวงช่วยดักอากาศเข้ามา ให้เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนรุ่นใด โครงสร้างยกความดีจากหลังคาอะลูมิเนียมมาจากรุ่นก่อน เสริมด้วยเครื่อง 4G-63 ที่ใส่ระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เป็นครั้งแรกของตระกูลนี้ ทำแรงบิดมากขึ้นเป็น 415 นิวตัน-เมตร อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลกที่มีอีโวแวน ตัวถังสเตชั่นแวกอนให้เลือกอีกด้วย
Lancer Evolution X รุ่นสุดท้ายที่เปลี่ยนบอดี้ใหม่หมดจรด ใช้ดีไซน์แบบเครื่องบินรบ Jet-Fighter และยิ่งใช้อะไหล่ร่วมกับรถบ้านน้อยลงไปอีก เปลี่ยนทั้งโป่ง กันชน แอโร่พาร์ทต่างๆใหม่หมด และเป้นครั้งแรกของอีโวฯที่ทิ้งเครื่องเดิม มาใช้บล็อค 4B11 เทอร์โบ เสื้อสูบอะลูมิเนียมทั้งตัว ในโฉมญี่ปุ่นยังคงแรงม้า 280 ตัว ส่วนอเมริกาอัพเกรดเป็น 295 แรงม้า และแน่นอนว่ามีรุ่น FQ แรงเลือกได้ถึง 440 แรงม้า ก่อนที่ยุติการผลิตไปเมื่อปี 2016 แต่ไม่ว่าอย่างไร ชื่อของ Evolution ก็ยังอยู่ในใจคนรักรถอยู่เสมอ
CR : Wikipedia, Autoevolution