ขับรถ สัญจร ใช้รถใช้ถนนกันอยู่ทุกวัน เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า ยิ่งนานวันไป รถคันเก่งของเราๆ ท่านๆ นั้น เริ่มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นภายในที่เริ่มหม่นหมอง ภายนอกที่เริ่มเกิดริ้วรอยอารยะธรรม รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่เริ่มออกอาการงอแงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกับรถที่ผ่านการใช้งานมาเฉียดๆ 100,000 กม. ซึ่งต้องบอกเลยว่า ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อชุบชีวิตให้รถยนต์คันเก่งของคุณ สามารถอยู่รับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ครอบครองได้ยาวนาน และไม่ต้องเสี่ยงกินข้าวลิงข้างทางในขณะที่ขับใช้งานไปในที่ต่างๆ อีกด้วย
แน่นอนว่า...คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเครื่องยนต์ของคุณๆ ที่ผ่านการใช้งานมานานร่วมๆ 100,000 กม. จะออกอาการงอแงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นอาการเร่งแล้วอืด ไม่ค่อยตอบสนองอย่างใจสั่ง ขาดความฟิตปึ๋งปั๋งเหมือนตอนออกใหม่ป้ายแดง ขับแล้วพาลทำให้หงุดหงิด จะเร่งแซงแต่ละทีก็ต้องลุ้น ต้องเกร็งกันจนน้ำลายเหนียว ซึ่งคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ มิหนำซ้ำยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจกวนอกกวนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องของเสียงจากเครื่องยนต์ที่เกิดจากการเสียดสีของชิ้นส่วนภายใน ที่อาจก่อให้เกิดการสึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งพอมาถึงจุดหนึ่ง เราที่เป็นคนที่คุ้นเคยกับรถยนต์มาพอสมควรอยู่แล้ว จะรู้ทันทีเลยว่า เครื่องยนต์ที่เรารักนั้นควรต้องได้รับการดูแล ปกป้องเป็นพิเศษ ซึ่งก็มีวิธีการมากมายที่ช่วยชุบชีวิตของเครื่องยนต์ให้กลับมาฟิต...สตาร์ทติดง่าย และให้พละกำลังที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น โดยมีวิธีการหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นวิธีการง่ายๆ เบสิคสุดๆ นั่นก็คือ การเลือกน้ำมันเครื่องมาใช้อย่างเหมาะสมและเปลี่ยนถ่ายให้ตรงตามระยะที่กำหนด เพราะเมื่อทำสิ่งนี้อย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจากเครื่องยนต์จะมีการสึกหรอต่ำลงแล้ว ยังช่วยเรียกความฟิตของเครื่องยนต์ให้กลับมาได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ในที่นี้ ผมขอยกตัวอย่างเจ้า Mazda 2 คันเก่งของผม ที่อยู่เคียงข้างกันมากหลายปี เรียกได้ว่าอายุอานามก็ไม่น้อย ถ้าเปรียบเป็นคนก็คงเกือบๆ จะรุ่นน้า รุ่นอาก็ว่าได้ เอาจริงๆ แล้ว...แต่ก่อนผมแทบไม่เคยสนใจเลยว่า การเลือกใช้น้ำมันเครื่องนั้น จะมีผลอะไรมากมาย รู้แค่เพียงว่า พอครบระยะ ก็เลือกเปลี่ยนถ่ายตามกำหนด ศูนย์จะใส่อะไรให้ก็แทบจะไม่เคยสนใจ แต่พอหลังๆ มานี้ ด้วยอายุขับที่ค่อนข้างมาก บวกกับระยะทางที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาพอสมควร เครื่องยนต์ของเจ้า Mazda 2 คันเก่ง เริ่มออกอาการงอแงบ้าง เร่งอืด แซงไม่ทันใจ กินน้ำมันมากขึ้น เพราะต้องเหยียบคันเร่งเยอะหากต้องการรีดเค้นกำลังจากเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ ผมจึงเริ่มหันมาใส่ใจกับการเลือกหาน้ำมันเครื่องที่คู่ควรมากยิ่งขึ้น
Caltex Havoline Pro DS
ซึ่งหลังจากลองมาหลายๆ ยี่ห้อ ก็มาสะดุดกับอีกหนึ่งแบรนด์ที่ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว นั่นก็คือ Caltex Havoline Pro DS น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ที่มาพร้อมค่าความหนืด 5W-30 ซึ่งสิ่งที่สัมผัสได้ในทันทีหลังจากที่เปลี่ยนมาทดลองใช้น้ำมันเครื่องตัวนี้ก็คือ เรื่องของความสมูทในการทำงานของเครื่องยนต์ เสียงกลไกภายในเครื่องยนต์เงียบลง หมุนได้ราบรื่น หลังจากที่ลองขับใช้งาน สิ่งที่พอสัมผัสได้ แม้ไม่เด่นชัดมากนัก ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการตอบสนองที่ทำได้อย่างน่าพอใจ ใกล้เคียงกับตอนออกรถมาใหม่ๆ อัตราเร่งในช่วงแซงก็ดีขึ้น ไม่ต้องกดคันเร่งหนักเหมือนเคย ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาก็คือ เรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองที่ต่ำลงนั่นเอง ลองคิดดูสิครับว่า...ขนาดผมใช้กับรถเก่าๆ ยังดีขึ้นขนาดนี้ แล้วถ้าใช้กับรถใหม่ๆ ล่ะ...จะจี๊ดได้ขนาดไหน ?
อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวที่หลายคนมองข้าม แต่ผมกล้าพูดเลยว่า...การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความเหมาะสมนั้น มีผลมากกว่าที่คุณคิด อย่างที่ผมได้สัมผัสมาแล้วจริงๆ แต่ก็นั่นล่ะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น...อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยรถคันเก่งของคุณเอง
สนับสนุนการรีวิวโดย
น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน น้ำมันเครื่องคุณภาพสำหรับรถเบนซิน พบกับน้ำมันเครื่องฮาโวลีน ได้แล้ววันนี้ ที่สถานีน้ำมันคาลเท็กซ์ หรือทาง www.caltex.co.th และช้อปออนไลน์ที่ Lazada > http://bit.ly/CaltexLazada หรือ WeMall > http://bit.ly/CaltexWeMall