10. Ford อเมริกาเหนือ โกงตัวเลขอัตราการกินน้ำมัน ในช่วงยุค 2000 ฟอร์ดในอเมริกาเหนือเอาตัวเลขจากรถรุ่นที่มีพื้นฐานเครื่องยนต์เหมือนกันมาใส่ เช่น Ford C-max เพราะแทนที่จะต้องมาทดสอบทุกรุ่น ก็เอารุ่นที่เครื่องเดียวกันมาใส่ซะเลย ประหยัดค่าทดสอบดี โดยที่สำนักปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ไม่มีเวลาตรวจสอบมากนัก แต่ต่อมาก็โดนจับได้อยู่ดี ผลคือ โดนปรับและชดเชยให้ลูกค้าคืนคันละ 18,000 บาท ซึ่งรวมกันแล้วถือว่าเป็นเงินไม่น้อยเลย
9. Subaru Brat เมื่อรถกระบะขนาดเล็กในยุค 70 อยากเข้าไปขายในอเมริกาเหนือ แต่ไม่อยากเสียภาษีแพงๆ ในอัตราประเภทรถกระบะขนาดเล็ก จึงได้ใช้วิธีแกมโกงด้วยการใส่เบาะเพิ่มที่กระบะหลังกันโต้งๆ ให้คนนั่งหันหลังรับสายลมแสงแดดเต็มที่ เพื่อที่สามารถจัดหมวดเป็นรถยนต์นั่ง ให้จ่ายภาษีได้ถูกลง วิธีการเลี่ยงแบบนี้ นับเป็นว่าไม่เคยมีใครคิดใช้มาก่อน และก็ไม่สามารถจับปรับได้ด้วย
8. รถแข่ง Blue Thunder ในปี 1984 เป็นรถที่สร้างความแคลงใจตั้งแต่ก่อนการแข่งอยู่แล้ว ทั้งการไม่เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ทำรถ การที่เอาชนะทีมแข่งมีชื่อเสียงอื่นๆ ได้ในปีแรก อีกทั้งการใช้เกียร์ที่ขึ้นชื่อว่าเปราะบางเกินไปสำหรับเครื่อง V8 แต่ก็ไม่มีใครสนใจตรวจสอบลึกซึ้งใดๆ จนกระทั้งความแตกตรงที่มีคนจับได้ว่า มันไม่ได้ใส่เฟืองเกียร์ถอยหลังมาให้ ซึ่งมีผลทำให้ทนทานและน้ำหนักเบาขึ้น ทำให้ถูกปรับแพ้ต่อมา
7. BAR-Honda F1 ทีมแข่งจากฮอนด้า ในการแข่งปี 2005 เป็นที่ผิดสังเกตว่าทำไมรถแข่งทีมนี้ ถึงมีจำนวนครั้งการเข้าพิทเติมน้ำมันน้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ทำให้ผู้จัดได้ลงมาตรวจและพบว่า ฮอนด้าได้เบี่ยงเบนกฎเล็กน้อย โดยแปลงถังน้ำมันใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ถังย่อย โดยฮอนด้าอ้างว่าเพื่อรักษาแรงดันในถังน้ำมัน แต่หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะวิธีนี้ มันได้ปริมาณน้ำมันที่มากกว่าคู่แข่ง จึงทำให้ทีมที่กำลังโดดเด่น ถูกแบนการแข่งไปทันที 2 สนาม ดับอนาคตการแข่งทั้งซีซั่นนั้นไปเลย
6. Chevrolet Camaro รถแข่งในปี 1967 ถูกทีมแข่ง Penske/Donohue โมดิฟายตัวถังใหม่หมด โดยนำเปลือกตัวถังที่เป็นโลหะ ไปชุบกรดชะล้างโลหะ ทำให้ผิวลอกออกไปบางส่วน มีผลทำให้น้ำหนักรถโดยรวมลดลงอย่างมาก โดยที่ไม่มีใครจับได้เลยในตอนนั้น เพิ่งมาความแตกหลังจากแข็งเสร็จ เมื่อมีคนสังเกตถึงเส้นสายที่บูดเบี้ยวผิดปกติ เรียกว่าต้องระดับตาทิพย์เท่านั้นถึงจะมองออก
5. Chrysler PT Cruiser เป็นรถทรงเรโทรที่ถูกกล่าวขานว่ามีหน้าตาน่าเกลียดพอตัวอยู่แล้ว ยังมีการเล่นตุกติกอีก ด้วยการแจ้งประเภทรถรุ่นนี้เป็น "รถบรรทุกขนาดเล็ก" เพื่อใช้สิทธิ์อนุโลมปล่อยมลพิษได้มากกว่าเดิมนิดหน่อย โดยใช้ช่องว่างของกฎการจำแนกรถจากสำนักขนส่งแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูด้วยตายังไงก็ไม่ใช่รถบรรทุกเล็ก แต่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเถียงไม่ได้
4. Toyota Celica GT-4 Rally ใช้ในการแข่งแรลลี่โลกเมื่อปี 1994 ทางผู้จัดการแข่งกำหนดให้รถทุกคันถูกควบคุมแรงบูสต์ ด้วยการใส่กรวยบีบพื้นที่ดูดอากาศหน้าเทอร์โบลง แต่โตโยต้าฉลาดเกมส์โกงไปกว่านั้น ด้วยการทำกลไกให้กรวยนั้นขยับได้ โดยใช้แรงดูดของบูสต์ในรอบสูง กรวยจะถูกดูดเผื่อเผยอช่องลับให้อากาศเข้ามากขึ้น แต่ในตอนจอดนิ่งๆ จะมีสปริงแข็งๆ คอยยันเอาไว้ ทำให้ตรวจจับไม่ได้ในตอนแรก จนกระทั่งแข่งเสร็จ แล้วผ่าเทอร์โบออกมาดูนั่นแหละ ทำให้โตโยต้าถูกแบนจากงานแข่งระดับโลกไปถึง 2 ปี
3. Cadillac ในยุคปี 1980 ถูกสั่งปรับและเรียกคืนอุปกรณ์ชดเชยรอบเดินเบาพิเศษ ที่มีการโกงค่าไอเสียแบบที่ไม่มีใครคาดถึงในยุคนั้น โดยตอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ตัวชดเชยจะสั่งจ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการเบาดับ ทำให้เครื่องปล่อยมลพิษมากขึ้นตามการจ่ายน้ำมัน และเกินความสามารถของไส้กรองแคทตาไลติก ทำให้ค่ามลพิษเกินกว่ามาตรฐานเดิมที่วัดได้ จนถูกสั่งปรับและเรียกคืนดังกล่าว นับเป็นต้นฉบับแรกๆ ของการโกงค่าไอเสียในยุคบุกเบิกกันเลยทีเดียว
2. McLaren MP4/12 กับเบรคแยกล้อหลังโดยเฉพาะ ใช้ในรถแข่งฟอมูล่าร์วันเมื่อปี 1997 โดยแยกเบรคล้อหลังออกจากล้อหน้า ทำให้สามารถควบคุมแรงเบรคได้อิสระ ซึ่งจะช่วยลดการโอเวอร์สเตียร์ และเพิ่มการอันเดอร์สเตรียร์ ซึ่งทำให้ได้เปรียบมากๆ ในรถขับเคลื่อนล้อหลัง โดยถูกจับได้ง่ายๆเพียงแค่ช่างภาพของ F1 มุดเข้าไปถ่ายมาได้ แต่กว่าจะล้างฟิล์มเสร็จออกมาเป็นรูป รถคันนี้ก็ชนะไปหลายรายการแล้ว จนต้องแบนระบบนี้ในปีต่อมาแทน
1. Mr.Smokey Yunick กับรถ Nascar ของเขาในยุค 50-60 โดยใช้ลูกบาสแฟ่บแบนยัดเข้าไปในถังน้ำมัน แล้วสูบลมจนเต่งในนั้น เพื่อหลอกการตรวจวัดว่าในถังมีปริมาณน้ำมันเท่ากับรถแข่งรายอื่นๆ พอไม่มีใครอยู่ เขาก็ปล่อยลมให้ลูกบาสแฟ่บ แล้วเอาออกมา เพื่อใส่น้ำมันเพิ่มอีก ซึ่งSmokey Yunick นับเป็นนักทำรถที่เล่นแง่การแข่งตัวยงคนหนึ่ง แต่ก็มีผลงานที่ช่วยพัฒนาวงการแข่งได้ในเวลาเดียวกัน เรียกว่าโกงแบบมีผลประโยชน์กลับคืน อย่างที่คนอื่นไม่สามารถให้ได้เลย
CR: Jalopnik