เขียนโดย: RaiToZ Boxza

เมื่อ: 9 มิถุนายน 2560 - 14:03

ระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ มีกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดีอย่างไรบ้าง ไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันครับ

          สวัสดีครับเพื่อนสายซิ่งทุกคนครับ หลายๆ ครั้งที่ผมเจอกับคำถามจาก นักซิ่งหน้าใหม่ มักจะถามว่า รถขับหน้ามันดียังไง รถขับหลังขับยากไหมครับ หรือบางครั้งที่ถามว่าขับ 2 ขับ 4 อันไหนดีกว่ากัน บอกตรงๆ ว่ามันตอบยากมากๆ ฉะนั้นวันนี้ BoxzaRacing จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับระบบขับเคลือน ว่าแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร เพื่อที่ว่า...หากเพื่อนๆ เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จะสามารถตัดสินใจได้เองว่า แบบไหนมันจะดีกว่ากัน เอาละครับ...เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

 

รถขับเคลื่อนล้อหน้า

 

          เรียกได้ว่าเป็นพิมพ์นิยมที่สุดของรถในปัจจุบันแล้วครับ ไม่ว่าจะไปไหนก็จะเจอรถขับหน้า วิ่งกันอยู่ทั่วเมือง ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ ระหว่างทางกลับบ้านให้เพื่อนลองมองที่ลานจอดรถ เชื่อว่าเกิน 80% เป็นรถขับหน้าทั้งหมด ทำไมล่ะ ? ก็แน่นอนครับ เหตุผลหลัก มันออกแบบง่าย แถมยังขับสะดวก เพราะว่า การที่เครื่องยนต์ขับหน้านั้น ไม่จำเป็นต้องมีเพลาขับอันมหึมา ที่น้ำหนักไม่น้อยกว่า 10 กก. มาบั่นทอนกำลัง บวกกับชุดเกียร์ที่เล็กทำให้น้ำหนักเบา ส่งผลให้อัตราเร่งนั้น มาไวขึ้นนั่นเองครับ

 

รถขับเคลื่อนล้อหลัง

 

          ระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ก็เคยเป็นพิมพ์นิยมมาก่อนเช่นกัน สังเกตได้ว่ารถ Sport ยุค 90 ส่วนใหญ่ จะเป็นขับหลังเกือบทั้งหมด เพราะว่าระบบขับหลังนั้น หากเพื่อนๆ ที่เคยได้ขับสักครั้ง จะบอกว่ามันขับสนุกมากๆ ด้วยการทำงานที่แยกส่วน คือ ล้อหน้าเลี้ยวก็เลี้ยวไป ล้อหลังขับก็ขับไป ทำให้เวลาเข้าโค้ง นั้น ความมันส์จึงบังเกิด แต่การที่ขับรถขับหลังนั้น บางคนบอกขับยาก แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ยากเลยครับ หากไม่ใช่คนขับซิ่งจริงๆ โอกาศที่จะเกิด OverStreer มีน้อยมากๆ

 

รถขับเคลื่อน 4 ล้อ

 

          สาวกของขับสี่ต้องยิ้มแน่นอน เพราะคงรู้จักกันดี ตามชื่อบอกเลยครับ ระบบนี้...เป็นการขับเคลื่อนทั้งหมด 4 ล้อ พร้อมกัน ซึ่งจะมีสิ่งเล็กที่เรียกว่า Center Differential หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเฟืองทดรอบล้อหน้า เพราะว่าในการเข้าโค้งนั้น ล้อหน้าจะหมุนเร็วกว่าล้อหลัง หากไม่มีเจ้าเฟืองตัวนี้ จะให้ล้อหน้าหมุนเร็วและการควมคุมรถจะเป็นไปได้ยากขึ้นครับ สำหรับข้อดีคือ เวลาขึ้นเขา ทางชัน ทางฝุ่น ลุยโคลน เร่งแซง มันดีไปซะหมด นั่นทำให้ รถบางคัน วิ่งแค่ 3เกียร์ ก็ฉีกรถคันอื่นๆ แล้ว ซึ่งเพื่อนๆ คงรู้จักดีในชื่อ “นักเลง 3 เกียร์” ข้อดีเยอะขนาดนี้ แน่นนอนครับ ข้อเสียต้องตามมา เนื่องจากเครื่องยนต์ต้องรับภาระเพลาขับของล้อทั้ง 4 ทำให้ในส่วนนี้ ไปเพื่มภาระให้เครื่องยนต์อยู่ไม่น้อย

 

รถขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบแปรผัน

 

          ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่ามันไม่ใช่ขับ 4 แท้ๆ แน่นอน ซึ่งการขับเคลื่อนแบบนี้ หากขับแบบธรรมดาไม่ได้เลือกเป็นขับ 4 แล้วล่ะก็ มันจะขับแค่ 2 ล้อหน้า หรือหลังเท่านั้น ซึ่งระบบนี้ ก็ไม่ใช่ระบบใหม่อะไรมากมาย เพราะมันมีมาค่อนข้างนานแล้ว หากเพื่อนๆ นึกไม่ออก เชื่อว่าสมัยเด็กๆ คงเคยเห็น โฆษณาของรถกระบะบางยี่ห้อที่มีคันเกียร์ 2 ชุด ใช่ไหมครับ นั่นแหละครับ คือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเลือกได้ในยุคแรกๆ ต่อมาในภายหลังเป็นการกดสวิทช์แทน เพื่อเลือกให้ขับ 4 หรือขับ 2 ปัจจุบัน...กลายเป็นว่าตัวรถมีบทบาทในการเลือกระบบขับเคลื่อน เช่น หากเกิดอาการล้อฟรี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะทำงานโดยอัตโนมัติ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้เข้าใจใหม่ คือ มันไม่ใช่ระบบเดียวกับพวกขับ 4 full time นะครับ เนื่องจากมันไม่มี Center Differntial ทำให้หากเลือกเป็นขับ 4 ตลอดเวลา โดยความเข้าใจว่าสามารถเข้าโค้งได้ดี อาจไม่ใช่ความคิดที่ถูกนัก เนื่องจากที่ผมอธิบายไปว่า Center Differntial จะช่วยทดรอบล้อหน้า ให้ไม่มีอาการขืนของพวงมาลัย แต่หากไม่มี...แน่นอนครับ อาการบานโค้งจะเกิดขึ้น และหากเพื่อนๆ ใช้ความเร็วสูง มีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบขับเคลื่อนได้อีกด้วย 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook