เขียนโดย: RaiToZ Boxza

เมื่อ: 7 ธันวาคม 2560 - 13:26

สีกระป๋อง พ่นยังไงให้ดูดี ? เสริมหล่อแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องง้ออู่ทำสี

 

          เพื่อนๆ หลายคนคงเคยคิดที่อยากจะทำสีเองกันอยู่บ้างใช่ไหมล่ะครับ สำหรับชิ้นส่วนเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง หรือมอเตอร์ไซค์ แต่ว่าจะไปจ้างอู่สีทำ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ยิ่งยุคสมัยนี้ด้วยทำอะไรต้องรัดเข็มขัดกันหน่อยนะครับ อีกตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนนึกถึง นั่นคือ สีกระป๋องนั่นเองครับ แต่ของแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละบุคคลด้วย ว่าสีที่ออกมานั้นจะเป็นเช่นไร วันนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing จะนำเทคนิคดีๆ ของการพ่นสีกระป๋องให้ดูดี ได้ด้วยตัวเองมาฝากกันครับ จริงๆ แล้วสีกระป๋องนั้นจะแยกออกเป็น 2 ประเภทสีหลักๆ นั่นคือ สีมีเม็ด กับ สีไม่มีเม็ด เรามาดูกันเลยครับว่าการพ่นสีกระป๋องของทั้ง 2 แบบ มีเทคนิคอย่างไร

 

  • สีแบบไม่มีเม็ด

 

          สีแบบไม่มีเม็ด ก็คือ สีทั่วๆ ไป ไม่มีการหักเหของสี เช่น สีแดง ดำ เขียว ส้ม พ่นสีไหนไปก็จะเป็นสีนั้นครับ โดยที่การพ่นนั้นง่ายมากๆ จะแบ่งการพ่นออกไป 3 ครั้ง ระยะห่างกันประมาณ 10-15 นาที โดยที่ครั้งแรกหลังจากเตรียมผิวชิ้นงานด้วยการลูบกระดาษทรายและพ่นรองพื้นแล้ว ครั้งแรกให้พ่นห่างๆตัวชิ้นงาน ในลักษณะที่พ่นแบบให้สีตกลงไปที่ชิ้นงานเอง เพื่อสร้างชั้นของสีชั้นแรกก่อนนั่นเองครับ โดยพ่นแค่ 1 รอบ หากยังดูไม่ทั่วไม่เป็นไรครับ ทิ้งใว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงมาพ่นครั้งที่ 2 ขยับเข้ามาใกล้ชิ้นงานขึ้น แต่พยายามไม่พ่นอัดชิ้นงานจนเกินไป แต่คราวนี้พ่นให้สีครอบคลุมทั้งชิ้นงาน หลังจากนั้น ก่อนจะทิ้งใว้ประมาณ 10 นาที หลังจากรอมา 10 นาทีแล้ว ให้รีบพ่นครั้งที่ 3 โดยการพ่นครั้งนี้ให้พ่นใกล้ๆ ให้สีมีการอัดเข้ากับชิ้นงาน แต่ข้อควรระวัง คือ ห้ามพ่นจี้จุดเดียว ให้พ่นทีเดียวให้เสร็จครับ

 

  • สีแบบมีเม็ด

 

          สีแบบมีเม็ด คือ สีแบบที่มีการหักเหของแสงที่รู้จักกันว่าสีมุก เช่น ขาวมุก เป็นต้น โดยที่การพ่นสีแบบนี้ ต้องอาศัยความใจเย็นมากๆ เพราะการพ่นจะค่อนข้างคล้ายคลึงกับสีแบบไม่มีเม็ด แต่การพ่นนั้นจะไม่พ่นจ่อที่ชิ้นงาน แต่จะพ่นห่างๆ ในลักษณะการโรยสี ให้ทั่วชิ้นงาน อาจจะต้องทำซ้ำมากถึง 4-5 รอบ โดยที่รอบแรกหลังจากเตรียมผิวชิ้นงานแล้ วจะพ่นห่างจากชิ้นงานประมาณ 1 ฟุต ก่อนให้สีตกไปยังชิ้นงานเอง ห้ามกลับมาพ่นซ้ำเด็ดขาดนะครับ หากยังพ่นไม่ทั่ว ให้พ่นแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง หลังจากทิ้งให้แห้งประมาณ 15 นาทีแล้ว ซึ่งสีแบบมีเม็ดนั้น ก็ยังรวมไปถึงสีแบบ Metalic ที่จำเป็นต้องมีการพ่นแลคเกอร์เพื่อสร้างความเงางาม หากไม่พ่น สีที่แห้งแล้วจะไม่เงาครับ

 

  • การพ่นแลคเกอร์เงา

 

          ในส่วนนี้คงเรียกได้ว่าเป็นการปิดงานแล้วครับ ส่วนเทคนิคการพ่นนั้น ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ จะอยู่ที่คุณภาพของตัวแลคเกอร์มากกว่า ว่าสามารถสร้างความเงาได้มากน้อยเพียงใด และยังรวมไปถึงการขัดและชักเงาในตอนจบด้วย ซึ่งหลักการพ่นแลคเกอร์นั้นไม่ยากครับ หลังจากพ่นสีเสร็จจนแห้งแล้ว ให้นำกระดาษทรายละเอียด เบอร์ 800-1000 มาลูบน้ำเพื่อให้แลคเกอร์ยึดเกาะเนื้อสีได้ดีขึ้น โดยให้พ่นห่างจากชึ้นงาน 1 ฟุต เทคนิคคือ ให้พ่นไปด้านนอกก่อนแล้วจึงหันเข้ามาในชิ้นงานครับเพื่อป้องกันก้อนแลคเกอร์ที่ออกมาในครั้งแรก หลังจากพ่น 2-3 รอบแล้ว ให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ 1000 ลูบน้ำขัดเบาๆ หลังจากนั้นล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ก่อนจะจัดการใช้น้ำยาชักเงาทาให้ทั่ว แล้วนำผ้าสะอาดมาเช็ดออกแบบเร็วๆ เพื่อให้ผิวชิ้นงานมีความร้อนเล็กน้อย แต่ระวังอย่าออกแรงกดเยอะนะครับ เพราะถ้าหากแลคเกอร์ย่นจะมีปัญหาตามมา เท่านั้นก็เรียบร้อยแล้วครับ

           เท่านี้เพื่อนๆ ก็จะได้ช้นงานที่เพื่อนทำสีด้วยตัวเองแล้วครับ พยายามฝึกทำเยอะๆ ผลงานที่ได้จะออกมาดีขึ้นตามครับผม สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องลาไปก่อนแล้ว อย่าลืมติดตตามเกร็ดความรู้ดีๆ ได้ที่ BoxzaRacing นะครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook