เขียนโดย: RaiToZ Boxza

เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2560 - 18:36

ทำสีใหม่ เลือกใช้สีอะไรดี 1k 2k คือ อะไร ? แล้วอะไร คือ แห้งช้า แห้งเร็ว ?

BMW E92 กับสีเงาๆ เสริมความสง่า

 

          สวัสดีเพื่อนๆ แฟนๆ ของ BoxzaRacing นะครับ สำหรับวันนี้ทางทีมงานจะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ที่สามารถทำให้รถของเพื่อนๆ ดูโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยมเลย นั่นก็คือ สี นั่นเอง ปัจจุบันจะเห็นว่ามีรถซิ่งที่ทำสีแสบๆ เจ็บๆ วิ่งให้เห็นกันทั่วไปหมด เชื่อว่าเพื่อนๆ ก็คงมีความคิดที่อยากจะขัดสีฉวีวรรณให้กับเจ้ารถสุดที่รักของเพื่อนๆ ด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่าการเลือกชนิดของสีนั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าหากเลือกชนิดสีที่เหมาะสมแล้ว จะทำให้สีที่อยู่บนรถสุดที่รักของเพื่อนๆ ติดทน มันวาว แบบสุดๆ ช่วยเสริมสร้างออร่าให้รถดูหล่อขึ้นอีกหลายระดับเลยล่ะครับ และที่สำคัญ จะได้ไม่โดนอู่ทำสีที่ไม่หวังดีหลอกเอานะคับ ฉะนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักชนิดของสีกันดีกว่า

 

 

สี 1K

          สี 1K คือ สี 1 Komponent หมายความว่าสีที่มีแต่ตัวสีอย่างเดียว เวลาใช้จำเป็นต้องนำมาผสมกับตัวทำละลายอีกครั้ง เพื่อนๆ คงจะไม่คุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็น สีแบบ แห้งช้า หรือแห้งเร็ว เพื่อนๆ คงจะถึงบางอ้อกันเลย ซึ่งมีเพื่อนๆ หลายคน ยังมีความสับสนและเข้าใจผิดอยู่ว่า สีแห้งเร็ว คือสี 1K สีแห้งช้าคือ สี 2K นั่นต้องบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดนะครับ แต่ก็ไม่ผิดซะทีเดียว เพราะอย่างที่บอกครับ ว่าสี 1K มีทั้งแบบแห้งเร็วและแห้งช้า ซึ่งก็แตกต่างกันออกไปตาม ชนิดของสี เช่น

  •  1K Synthetic Enzymes หรือ สีน้ำมัน สีแบบนี้จะเป็นสีที่ แห้งช้า โดยที่เนื้อสีจะแห้งเอง โดยการทำปฏิกริยา Oxidation กับออกซิเจนในอากาศครับ
  •  1K Nitrocellulose หรือ ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ สีแห้งเร็ว โดยสีแบบนี้ จะแห้งเมื่อสารทำละลายที่ใช้ผสมมีการ ระเหย ออกไปจนเหลือแต่ชั้นฟีล์มของสีนั่นเองครับ

 

 

สี OEM

           สี OEM ก็คือ สีแบบองค์ประกอบเดิมๆ จากโรงงานนั่นเอง โดยที่สีชนิดนี้ ก็คือ สี 1K ที่มีองค์ประกอบเพียงอย่างเดียวนั่นแหละครับ แต่ว่า...จะใช้ผสมกับตัวทำละลายแบบเฉพาะของแต่ละค่ายรถ และจะมีการทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนสูงระดับ 120 องศาเซลเซียส เพื่อทำให้สีแห้ง ซึ่งจะเห็นได้ทั่วไปตาม ศูนย์บริการซ่อมสีที่ได้มาตรฐาน ที่จะมีห้องอบสีเฉพาะนั่นเองครับ ซึ่งสีแบบนี้ มักจะรู้จักกันใน ชื่อว่า สีอบ นั่นเอง ถ้าหากสีแห้งได้ที่แล้วเนื้อสีที่ออกมานั้น จะมีคุณภาพสูงมาก วัดจากชั้นฟีล์มของเนื้อสี ความฉ่ำเงา รวมไปถึงยังสามารถทนทานต่อสารเคมีกัดกร่อนชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันเบรค และรวมไปถึงทนทานต่อแสงแดดได้ดีอีกด้วยครับ

 

 

สี 2K

           สี 2K คือ สีที่มี 2 Komponent นั่นเอง จะต่างจากสีแบบ 1K ตรงที่ สีแบบนี้จะมีองค์ประกอบที่ 2 นั่นคือ สารเร่งปฏิกริยา ไม่ว่าจะเป็น Hard หรือ Activator นั่นเอง ซึ่งจำเป็นต้องผสมทั้ง 2 องค์ประกอบอย่างสมส่วนและลงตัว จึงจะทำให้สีที่ออกมาทำปฏิกริยา แล้วเกิดการแห้งจากปฏิกริยาเคมีนั่นเองครับ โดยหลักๆ แล้ว สีแบบ 2K นั่นจะมีอยู่ 2 แบบ คือ 2K Epoxy และ 2K Polyurethane  ส่วนสารทำละลายหรือตัวเร่งปฏิกริยานั้น จะนิยมใช้เป็นสารในจำพวก Isocyanate ถ้าหากสีแบบ 2K แห้งแล้ว จะให้คุณภาพของสีที่เทียบเคียงได้กับสีเดิมจากโรงงานมากที่สุด ทั้งเรื่องคุณภาพความเงา ความทนทาน รวมไปถึงชั้นฟีล์มที่ได้ สามรถเทียบได้กับ OEM เลยทีเดียวครับ โดยทั่วไปแล้ว เจ้าสี 2K มักจะรู้จักกันในนามของ สีแห้งช้า ซึ่งก็ไม่ถูกซะทีเดียว เนื่องจากสี 2K นั้น ก็มีการผลิตสีแบบแห้งเร็วอีกด้วย ฉะนั้นการที่เรียกว่า สีแห้งช้า คือ 2K แห้งเร็ว คือ1K ต้องทำความเข้าใจใหม่นะครับ เพราะแต่ละตัวนั้น มีการออกแบบทั้งแบบแห้งช้าและแห้งเร็วได้เหมือนกัน  

 

Lamborghini Aventador LP700-4 สุดหล่อ

 

          หากจะกล่างถึงข้อดีเทียบกันระหว่าง 1K กับ 2K คงจะตอบได้ไม่ยากว่า 2K มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า เหตุผลหลักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับระยะเวลาการแห้งของสีก็มีผล เพราะว่าสีที่แห้งช้า ทำให้ชั้น Resin ในเนื้อสีสามารถทำ ปฏิกริยากับ Hardner ได้อย่างเต็มที่ ผลที่ได้คือ ชั้นฟิล์มที่หนากว่าแบบ 1K มีผลต่ออายุการใช้งานที่ยาวนานมาก ทนต่อสภาพดินฟ้าอากศที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงทนการกัดกร่อนจากสารเคมี เช่น น้ำมันเบรคได้ดี และที่สำคัญความเงางามที่สี 1K นั้น เทียบไม่ได้เลยครับ แต่จะว่าไปสี 1K นั้นก็มีข้อได้เปรียบตรงที่ราคานั้นจะถูกกว่าเกือบครึ่งเลยทีเดียว รวมไปถึงระยะเวลายังใช้น้อยกว่า 2K อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆแล้วล่ะครับว่าสะดวกแบบไหน สำหรับครั้งนี้ต้องลากันไปก่อนแล้ว และอย่าลืมติดตตาม เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ แบบนี้ได้ที่ BoxzaRacing.com นะครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook