เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 27 ธันวาคม 2559 - 10:48

8 รายการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นก่อนเดินทางไกล ที่ง่าย รวดเร็ว และประหยัด

 

       ใกล้ช่วงวันหยุดยาวปลายปีแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสพิเศษของช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและการกลับภูมิลำเนา หลายคนยังเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากสะดวกสบายและสามารถเดินทางไปพร้อมกันได้ทั้งครอบครัวซึ่งทาง "ศูนย์บริการ เชลล์ เฮลิกส์ พลัส" ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น จึงขอแนะนำเทคนิคดีๆ เพื่อตรวจเช็ครถยนต์คู่ใจก่อนออกเดินทางไกลในวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงนี้ มอบความปลอดภัยและห่วงใยผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ซึ่งมีด้วยกันดังนี้

 

1. ตรวจเช็ครอยรั่วซึมตามจุดต่างๆ

          ตรวจสอบดูใต้ท้องรถว่ามีของเหลวใดๆ ไหลซึมออกมาหรือไม่ อาจเป็นรอยน้ำหยดที่เกิดจากน้ำยาแอร์รั่วซึม หรืออาจหนักถึงขั้นเป็นรอยรั่วจากน้ำมันเกียร์และน้ำมันเครื่องก็เป็นได้ ดังนั้นหากพบรอยรั่วซึม ก็ไม่ควรชะล่าใจและรีบนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที

 

2. ตรวจเช็คความดันลมยางและดอกยาง

          เช็คความดันลมยาง ดอกยาง รอยฉีกขาดที่อาจเกิดขึ้นบนหน้ายาง เพราะว่าจะไม่สนุกแน่หากขับรถไปต่างจังหวัดแล้วยางแบนระหว่างทาง ความดันลมยางที่เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละรุ่นสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือประจำรถ หรือสังเกตขอบประตูด้านในฝั่งคนขับจะมีตัวเลขความดันลมยางที่เหมาะสมระบุเอาไว้ นอกจากนี้การเดินทางไกลก็ควรเพิ่มแรงดันลมยางจากที่ระบุไว้ไปอีก 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว

 

3. ตรวจเช็คไฟรถรอบคันและมาตรวัดต่างๆ

          ระหว่างการเดินทางไกลนั้น การให้สัญญาณไฟระหว่างรถยนต์ด้วยกันเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้ารถสูง-ต่ำ, ไฟเบรก, ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน สัญญาณไฟที่ส่องสว่างได้ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้โดยเฉพาะในเวลากลางคืน มาตรวัดต่างๆ ก็เช่นกัน สังเกตดูว่าเมื่อเรากดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์หรือบิดกุญแจแล้ว มีสัญญาณแจ้งเตือนที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาหรือไม่

 

4. ตรวจเช็คระบบเบรก

          เบรก คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในการขับรถ ลองสตาร์ทรถและเข้าเกียร์ D จากนั้นลองเหยียบแป้นเบรกดูว่ารถเบรกอยู่หรือไม่ ระยะห่างระหว่างขากับแป้นเบรกอยู่ในระยะพอเหมาะหรือไม่ ตัวแป้นเบรกมีระยะฟรีและการคืนตัวเป็นอย่างไร หากพบสิ่งผิดปกติ รีบนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที

 

5. ตรวจเช็คแบตเตอรี่และระดับน้ำกลั่น

          เช็คแบตเตอรี่โดยการดูที่ขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานหรือไม่ หากไม่ใช่แบตเตอรี่แบบแห้ง ก็ควรเติมน้ำกลั่นแบตเตอรรี่ให้อยู่ในระดับที่กำหนดก่อนออกเดินทาง

 

6. ตรวจเช็คสายพานภายในรถยนต์

          สายพานขับต่างๆ ต้องไม่มีรอยแตกหรือเปื้อนน้ำมันหล่อลื่น และทดลองฟังเสียงว่าเมื่อเดินเครื่องแล้วมีเสียงแปลกๆ ออกมาจากสายพานหรือไม่ และลองใช้มือกดลงตรงกลางของสายพาน หากกดแล้วสายพานหย่อนเกิน 10 มิลลิเมตรก็แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนสายพานแล้ว

 

7. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝนและเติมน้ำยาล้างกระจก

          การเดินทางไกล บางครั้งอาจเลี่ยงฝนไม่ได้ ที่ปัดน้ำฝนที่ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางขณะขับขี่ได้อย่างปลอดภัยจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยใช้งานยางปัดน้ำฝนก็ตาม แต่หากที่ปัดน้ำฝนโดนแสงแดดอยู่เป็นประจำ ก็อาจทำให้ขอบยางที่ปัดเสื่อมสภาพได้ ลองตรวจเช็คโดยฉีดน้ำลงบนกระจกและเปิดสวิทช์ปรับน้ำฝน และสังเกตว่าขอบยางปัดน้ำฝนสามารถปัดคราบน้ำบนกระจกออกหมดหรือไม่ หากปัดออกไม่หมดแสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนอันใหม่

 

8.  ตรวจเช็คระดับของเหลวภายในเครื่องยนต์

          อย่าลืมดูแลเครื่องยนต์ของคุณด้วยการตรวจเช็คระดับของเหลวภายในเครื่อง อะไรที่พร่องไปก็ควรเติมให้อยู่ในระดับเหมาะสม เช่น น้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ น้ำกลั่นในแบตเตอรรี่ น้ำมันเบรกและคลัทช์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์เฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ และที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องของน้ำมันเครื่อง โดยต้องเลือกประเภทที่เหมาะสมกับประเภทเครื่องยนต์ที่ใช้งาน และเปลี่ยนตามรอบที่กำหนด

 

 

          อย่าลืมนำเคล็ดลับง่ายๆ ปฏิบัติเพื่อการเดินทางที่ไม่สะดุด แต่หากยากเกินไป รู้หรือไม่ว่าทีมช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการ เชลล์ เฮลิกส์ พลัส ทุกสาขาในปั๊มเชลล์ทั่วประเทศ ยินดีตรวจเช็คฟรีถึง 10 จุดให้คุณ แม้ว่าจะยังไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ตาม และยังพร้อมให้คำแนะนำได้เป็นอย่างดีว่าน้ำมันเครื่องแบบใดที่เหมาะกับรถของคุณ อย่าลืมแวะปั๊มเชลล์ก่อนเดินทาง เพื่อให้เที่ยวได้อย่างอุ่นใจวันหยุดยาวนี้

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook