เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 27 ธันวาคม 2559 - 10:32

OBD II คือ อะไร และมีประโยชน์อย่างไร เหตุใดจึงควรมีติดรถไว้ วันนี้รู้กัน

 

          กลับมาพบกันอีกครั้ง กับคอลัมน์เกร็ดความรู้ดีๆ จากทาง BoxzaRacing ซึ่งในวันนี้ ทางทีมงานจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ OBD II ซึ่งเป็นช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน ที่สามารถบอกค่ารายละเอียดต่างๆ ในการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างละเอียด เพื่อการแสดงสถานะการทำงาน ร่วมไปถึงอ่านค่าที่หน้าปัดรถยนต์ไม่สามารถบอกรายละเอียดแบบเจาะลึกได้อย่างครบถ้วน ส่วน OBD II คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรนั้น เราไปชมกันเลย

 

OBD II เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAE และ ISO ซึ่งกำหนดมาตรฐานวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอล

 

          OBD II มาจากคำว่า On-board Diagnostic เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAE และ ISO ซึ่งกำหนดมาตรฐานวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอล ระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย (Emission) กับเครื่องสแกนข้อมูล ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ตำแหน่งการติดตั้งรหัสบันทึกความบกพร่องที่ตรวจพบ (Malfunction Indicator Light : MIL) แล้วแสดงค่าออกมาให้คนขับหรือช่างได้รู้ถึงปัญหานั้น

          ในปี 1988 The California Air Resources Board (CARB) ได้กำหนดความต้องการไว้ว่า รถยนต์ทุกคันต้องมีระบบที่สามารถแยกแยะปัญหาการขัดข้องที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย (emission system) และระบบควบคุมเครื่องยนต์ (powertrain system) ซึ่งเรียกว่าระบบ OBD I ในขณะเดียวกัน CARB ยังได้กำหนดมาตรฐาน OBD II ขึ้นมา และให้มีผลบังคับใช้กับรถยนต์ทุกคันในอเมริกา ตั้งแต่ปี 1996 เพื่อจะได้เป็นแนวทางใหม่ให้กับช่างในการแก้ปัญหา การซ่อมเครื่องยนต์ และระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย

 

ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ OBD II แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  • DTC (Diagnostic Trouble Code) หมายถึง รหัสวิเคราะห์ปัญหา ซึ่งใช้ในการคาดคะเนความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น เมื่ออ่านรหัสวิเคราะห์ปัญหาเป็นรหัส P0068 ตามมาตรฐานที่กำหนดก็จะหมายถึงว่า อุณหภูมิน้ำมันเชื้อเพลิงสูงเกินไป เป็นต้น
  • ข้อมูลการทำงานแบบ Real-time เป็นข้อมูลที่ได้จากตัวตรวจจับการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อใช้วัดประสิทธิภาพการทำงาน หรือใช้เพื่อประมวลความเสียหายประกอบกับรหัส DTC หรือข้อมูลอื่นๆ เช่น รอบเครื่องยนต์, อุณหภูมิหม้อน้ำ, แรงดันคอมมอลเรล, ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดขณะรถกำลังวิ่งหรือไม่ (รถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ ก็จะมีค่าที่แตกต่างกันออกไป)
  • ข้อมูลการทำงานแต่ละช่วงเวลา เป็นการอ่านข้อมูลแบบ Real-time ในช่วงต้นของรอบเวลา และล็อคข้อมูลนั้นไว้ จนครบรอบของเวลา ก่อนที่จะอ่านข้อมูลอีกครั้ง ข้อมูลที่ได้นี้จะใช้สำหรับประกอบการปรับแต่งการทำงานของเครื่องยนต์

 

Monster Gauge จาก ECU-Shop เครื่องมือที่จะอ่านข้อมูล OBD II ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำที่สุด

 

          ซึ่งเครื่องมือที่จะอ่านข้อมูล OBD II ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำที่สุด คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น Monster Gauge จาก ECU-Shop ที่สามารถอ่านเพื่อวิเคราะห์ DTC (Diagnostic Trouble Code) และสามารถลบ DTC ที่เกิดจากไฟ Check Engine ได้ นอกจากนี้ยังสามารถโชว์ DTC ทันทีเมื่อมี Check Engine ขึ้นใน Tuning Mode, สามารถเก็บข้อมูล DTC ได้ถึง 20 ข้อมูล มีวันที่ และเวลา, SPD, RPM, CRPTBP, ACP, TPS, ECT และ MAP, สามารถเก็บความความร้อนสูงสุด บอกรายละเอียด ณ อุณหภูมินั้นๆ สามารถจับเวลา 0-100 กม./ชม., จับเวลา Drag ที่ 201 และ 402 เมตร รวมไปถึงการวัดแรงม้า และจับเวลา Gymkhana ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการเตือนอุณหภูมิน้ำ, ความเร็ว และรอบเครื่อง ปิดท้ายด้วยการตั้งค่าการเตือนเช็คระยะทาง (กม.) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ECU-Shop รับประกัน 1 ปีเต็มๆ โดยสำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย ECU Shop ทั่วประเทศ หรือติดตามได้ที่แฟนเพจ ECU Shop 

 

ปลั๊กเสียบ OBD II จะถูกติดตั้งมาสำหรับรถทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน

 

          และนี่คือความสำคัญ และประโยชน์ของค่า OBD II ที่ทาง BoxzaRacing นำเกร็ดความรู้ดีๆ มาฝากกันในครั้งนี้ สำหรับครั้งหน้าจะมีเกร็ดความรู้ดีๆ ในเรื่องใดมานำเสนอนั้น โปรดติดตามได้ที่ BoxzaRacing ที่นี่...ที่เดียว 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook