ดอกยางมีไว้รีดน้ำ...ไม่ได้มีไว้เพื่อให้รถเกาะถนน
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว BoxzaRacing ทุกท่าน วันนี้เรามาไขปัญหาข้อข้องใจของเพื่อนๆ หลายๆ คนที่กำลังคิดว่าดอกยาง หรือยางแบบไหน ที่มีความสามารถเกาะถนนได้มากกว่ากัน ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะยังเกิดความเข้าใจผิดๆ อยู่เกี่ยวกับดอกยางเพราะดอกยางจริงๆ แล้วนั้น มีหน้าที่รีดน้ำออกจากยางมากกว่า โดยรายละเอียดเบื้องลึกจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปศึกษาพร้อมๆ กันเลยครับ
ประเด็นสำคัญที่บอกว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คือ การคิดว่ายางโล้น ยางไม่มีดอก จะไม่เกาะถนน แต่อันที่จริงแล้ว...การยึดเกาะของยางกับถนนเกิดจากหน้ายางที่กดแนบลงกับพื้นถนน ยิ่งมีหน้าสัมผัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกาะมากขึ้นเท่านั้น โดยร่องยางซึ่งแทรกอยู่ระหว่างดอกยาง ก็มีแค่อากาศไหลผ่านเข้าไป ไม่ได้มีเนื้อยางกดลงบนพื้นแต่อย่างไร ซึ่งถ้าหน้ายางมีความกว้างเท่ากัน ยางไม่มีดอกหรือไม่มีร่อง ก็ย่อมมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่ายางที่มีร่องระหว่างดอกยาง แล้วทำไมยางรถยนต์ทั่วไป จึงมีดอกยางหรือมีร่องยาง ทั้งที่ผลิตยากกว่าแบบเรียบ และต้องเสียหน้าสัมผัสกับพื้นถนนไปด้วยล่ะ ?
นั่นก็เพราะว่ายางหน้าเรียบเกาะถนนดีบนถนนเรียบแห้งเพียงเท่านั้น แต่ถ้าถนนเปียกก็จะเกิดอาการลื่น เพราะหน้ายางที่แบนและกว้าง จะไม่สามารถกดรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ เพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนได้ตามปกติ และน้ำก็จะกลายเป็นเหมือนชั้นฟิล์มอยู่ระหว่างยางกับพื้นผิวถนน ซึ่งยางก็จะไม่สามารถรีดน้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ จึงต้องทำการแบ่งหน้าสัมผัสยางออกด้วยดอกยางและร่องยาง ทำให้การกดรีดน้ำออกจากหน้ายางทำได้ดีขึ้นเพราะเท่ากับเป็นการรีดน้ำออกจากพื้นที่ย่อยๆ ที่แคบลง และมีร่องลึกอยู่รอบๆ จะทำให้น้ำที่ถูกรีดแทรกตัวเข้าไปได้ และถ้าร่องต่อกันก็จะช่วยให้สลัดน้ำออกด้านข้างได้ดีขึ้นไปอีก ดอกหรือร่องยางจึงลดอาการลื่นของยางลงไปได้ เมื่อต้องขับรถยนต์ลุยฝนหรือบนถนนลื่นนั่นเองครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับสาระดีๆ เกี่ยวกับดอกยางที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ อย่างไรก็ตามถึงจะไม่ใช่หน้าฝน แต่ถ้าดอกยางใกล้จะหมดก็ควรจะเปลี่ยนยางนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าจะไปเจอกับถนนเปียกหรือถนนที่ลื่นเมื่อไหร่ และก็ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ และในครั้งหน้า BoxzaRacing จะสาระดีๆ แบบใดมาฝากกันอีกนั้น ก็ต้องติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้คงต้องลากันไปก่อน ขอบคุณและสวัสดีครับ