เขียนโดย: ART 4G

เมื่อ: 27 กรกฏาคม 2557 - 11:05

ยางเรเดียล กับยางสลิค ต่างกันยังไง

ลักษณะของยาง Slick และยาง Radial

 

          เชื่อว่าในบ้านเรา ยังคงมีอีกหลายๆ คนที่มีใจรักทางด้านของรถแรง, รถแต่ง และรถแข่ง ยังงง และสงสัยกันอยู่มากพอสมควรกับเรื่องราวของยางเรเดียล กับยางสลิค เพราะบ้างก็บอกว่าในเมื่อยาง SLICK มันใช้ได้ดีกับรถแข่ง ถ้ายังงั้นเอามาใส่ในรถบ้านมันก็จะยิ่งทำให้การขับขี่ดีขึ้นนะสิ หรือบางคนก็ยังคิดว่ายาง RADIAL จะสามารถนำมาใช้ Burn แบบมันส์ๆ ได้เหมือนยาง SLICK ซึ่งนั่นล้วนแล้วแต่เป็นความเข้าใจที่ผิดๆ และถ้าคุณยังเข้าใจอยู่อย่างนั้น ขอบอกว่ามันส่งผลเสียต่อชีวิตของคุณอย่างแน่นอนครับ ดังนั้นวันนี้ทางทีมงาน Boxzaracing.com จึงได้หยิบเอาความรู้ในเรื่องนี้แบบคร่าวๆ มาให้ได้ลองอ่าน และศีกษาทำความเข้าใจกัน จะได้เลือกใช้ยางรถให้ถูกประเภท 

          ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจอย่างนึงว่า ยางรถยนต์ที่ทำออกมาใช้งานตามท้องถนน มันจะต่างจากยางที่ทำออกมาเพื่อใช้ในการแข่งขันอย่างสิ้นเชิง แถมลักษณะการใช้งานก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย เอาอย่างนี้มาปูพื้นฐานความรู้เรื่องยางกันที่ยางรถยนต์ธรรมดาทั่วๆ ไปที่เรียกว่า RADIAL กันก่อน แล้วเสร็จจากตรงนี้ค่อยไปดูกันที่ยางที่ใช้แข่งขันก็แล้วกัน 

 

ลักษณะของยางเรเดียล

 

ยางเรเดียล (RADIAL)
          ยางเรเดียล เป็นยางที่โรงงานผู้ผลิตทำออกมาให้มีโครงสร้างของยาง โดยโครงสร้างภายในจะสานออกมาเป็นใยตาสานไขว้กัน โดยในยุคแรกๆ ของยางเรเดียล  เพื่อให้เกิดความแข็งแรงก็จะมีการเสริมใยเหล็กเข้าไปที่ตัวยาง เพื่อเน้นให้มีความทนทานมากที่สุด และในบางครั้งก็ยังใส่ยางในเข้าไปด้วย ซึ่งก็ต้องคอยลุ้นกันว่ายางในมันจะระเบิดเมื่อไหร่ ถ้าในความเร็วต่ำก็อาจแค่ตกใจ แต่ในความเร็วสูงก็ควรหาพระดีๆ เอาไว้คุ้มภัย เวลารถมันเสียหลักลงข้างทาง

 

ส่วนประกอบหลักๆ ของยางเรเดียล

 

 

          แต่ที่พูดมานั้นเป็นยางเรเดียลยุคแรกๆ แต่ในปัจจุบันยางเรเดียล ไม่ได้มียางใน หรือเสริมใยเหล็กอีกแล้ว แต่จะเน้นการผลิตเนื้อยางให้มีความทนทานมากขึ้น ซึ่งอย่างที่บอกเอาไว้ว่า ยาง RADIAL จะยังมีโครงยางขึ้นรูป และเนื้อยางก็จะทำออกมาเพื่อใช้ขับขี่บนท้องถนนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเนื้อยางจะต้องออกแบบให้วิ่งบนถนนแห้ง ,ยางมะตอย และ ASPHALT CONCRETE แถมยังจำเป็นที่จะต้องลุยฝ่าน้ำเจิ่งนองได้ดี รวมทั้งในบางโอกาสก็จะต้องลุยผ่านโคลนยามฝนตกใหม่ๆ ได้ด้วย  แต่ถ้าเป็นลักษณะยางแข่งขันจะแบ่งประเภทการใช้งานไว้อย่างชัดเจน เอาไว้ตรงนี้เดี๋ยวจะพูดไปในส่วนของยางแข่งขัน ซึ่งตามคุณสมบัติของยาง RADIAL นั้นจะต้องมีการสึกหรอที่ไม่สูงจนเกินไป เพราะรถใช้งานจะมามัวเปลี่ยนยาง 3 เดือนทีก็ไม่ไหว ฉะนั้นตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าเนื้อยางเรเดียล ค่อนข้างที่จะมีการเกาะถนนที่น้อยกว่ายางแบบสลิค อย่างแน่นอน  ซึ่งเมื่อมีปัญหาการเกาะถนน ที่สู้ยางแข่งไม่ได้ จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตยางเหล่านี้จึงออกแบบยาง RADIAL ที่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันได้ โดยยางประเภทนี้จะถูกเรียกว่า RADIAL SLICK ซึ่งความเป็นจริงการสร้างยางลักษณะนี้ก็แทบไม่แตกต่างจากยาง RADIAL โดยทั่วๆ ไป โครงสร้างยังเหมือนเดิม แต่จะมีการออกแบบเนื้อยางให้มีความเหนียวหนึบกว่าเดิม และหากใช้ในรูปแบบการแข่งขันอย่างแดร็ก หรือเซอร์กิต ลักษณะของยาง RADIAL SLICK แบบนี้แน่นอนว่าหากนำมาใช้ในการแข่งขันก็ต้องเลือกให้เหมาะกับการนำไปใช้ บางตัวทำเพื่อเซอร์กิต และบางตัวก็ทำมาใส่กับแดร็ก  โดยเฉพาะ

 

ตัวอย่างรถแข่งที่ใช้ยาง RADIAL DRAG 

 

          โดยยาง RADIAL DRAG ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาก็จะเป็นยาง HOOSIER และก็ยังมียาง GOODYEAR รวมทั้งยาง BF GOODRICH และอีกมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งถ้าหากถามว่าแล้วทำไมไม่ทำให้มันเป็นยางสลิค ซะเลย อะไรที่มันดูก้ำกึ่ง ก็จะสามารถทำได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนการถ่ายแรงม้าลงพื้น RADIAL ก็จะทำได้ไม่ดีเท่า SLICK แต่ที่ทางค่ายยางต้องทำสินค้าให้มีออกมาหลากหลายก็เพราะเพื่อตอบรับกับ ความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากบางคนต้องการทำรถเอาไว้ใช้งาน และใช้ในการแข่งขันได้ด้วย หรือที่เรียกกันว่า STREET DRAG ฉะนั้นยางก็จะต้องใช้วิ่งบนถนนได้ และก็จะต้องสามารถใช้ในการแข่งขันได้ดีอีกด้วย 

 

 

ลักษณะของยางสลิค

 

 

ยางสลิค (SLICK)
          ความหมายของยางสลิค จริงๆ นั้น หมายถึงยางที่ไม่มีโครงยาง แต่จะเป็นการปั๊มขึ้นรูปขึ้นมา จะสังเกตได้จากเวลายางติดตั้งอยู่ในรถเราจะเห็นเหมือนยางรั่วซึม และเห็นเนื้อยางเป็นริ้วๆ เวลาโดนน้ำหนักกดทับลงไป และในจังหวะออกตัว เนื้อยางมีความเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ แค่เพียงใช้มือสัมผัสกับผิวยางก็จะรับรู้ได้ว่ามันเหนียวหนึบกว่าเนื้อยาง ที่เป็น RADIAL แท้ๆ 

          โดยส่วนใหญ่เราจะเห็นยาง SLICK มักจะนำมาใช้ในการแข่งขันรูปแบบแดร็ก เรซซิ่ง(Drag Racing) ถามว่าแล้วทำไมยางสลิค ถึงต้องใช้ในวงการแดร็ก เรซซิ่ง กันอย่างหนาตา อย่าลืมซิครับว่า การแข่งขันรูปแบบนี้มันเป็นการทำเวลาให้ได้เร็วที่สุดในระยะทาง 402 เมตร และคิดง่ายๆ หากคุณจะทำเวลาให้ได้เร็วที่สุดก็จะเป็นที่จะต้องใส่แรงม้ามันเข้าไปเยอะๆ และเมื่อแรงม้าเยอะ คุณก็จะต้องจับมันลงพื้นแทร็ค(Track) ให้ได้ครบทุกตัว ซึ่งพอเป็นอย่างนี้จะทำยังไง ก็จะบอกให้ว่าคุณก็ต้องหายาง SLICK มาใส่มันเข้าไป เพื่อให้แรงม้าเป็นพันๆ ตัวถ่ายเทลงพื้นได้อย่างหมดจด ซึ่งนอกจากจะใช้ในการแข่งขันแดร็ก หรือควอเตอร์ไมล์แล้ว ก็ยังใช้ในการแข่งขันเซอร์กิตได้อีกด้วย

 

ตัวอย่างรถแข่งที่ใช้ยางสลิค สำหรับการแข่งเซอร์กิต

 

          เนื้อยางของการแข่งขันเซอร์กิต กับการแข่งขันแดร็กจะแตกต่างกันออกไป ยาง SLICK สำหรับ Circuit จะมีเนื้อยางที่แข็งและมีโครงสร้างของยางมากกว่า แต่สำหรับยาง SLICK สำหรับ Drag จะเน้นที่เนื้อยางนิ่มหนึบโครงยางไม่ค่อยเน้นให้เป็นรูปร่างมาก นักเพราะไม่ต้องการไหล่ยางเอาไว้เข้าโค้งแต่อย่างใด แต่จะใช้ขับสำหรับทางตรงๆ เท่านั้น โดยจะปั๊มเอาไว้ว่า DRAG SLICK ซึ่งหมายถึงว่ายางสลิค ที่ใช้กับการแข่งขันแดร็กเท่านั้น

 

ตัวอย่างรถแข่งที่ใช้ยางสลิค สำหรับการแข่งแดร็ก

 

 

          ซึ่งในการใช้งาน อันนี้หล่ะ จำเป็นที่จะต้องเบิร์นยางกันอย่างจริงจัง เพราะเจ้ายางประเภทนี้จำเป็นต้องเบิร์น ให้เนื้อยางให้ได้อุณหภูมิที่ เหมาะสม เนื้อยางถึงจะจับกับพื้นแทร็คได้ดี และย้ำอีกเช่นกัน ในทางกลับกันหากยางประเภทนี้เบิร์น ไม่ได้ที่มันถึงกับเป็นสาเหตุให้รถแข่ง พลิกคว่ำหรือหลุดออกจากแทร็คได้ในพริบตากันเลยทีเดียว และคิดดูก็แล้วกันว่ารถแข่งที่หลุดออกจากแทร็คบนความเร็วเกือบ 300 กม./ชม. มันจะสร้างความเสียหายได้มากขนาดไหน 

          มาถึงตอนนี้คงรับรู้เรื่องยางทั้งสองชนิดกันอย่างคร่าวๆ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแต่เพียงว่าหากคุณจะเลือกใช้ยางซักชุด ก็ขอให้นึกถึงสิ่งที่ผมเขียนกันหน่อยก็แล้วกัน แล้วคุณจะได้ชื่อว่าเป็นคนหนึ่งที่ใช้ยางได้ถูกประเภท แล้วคุณจะรู้ว่ายางนั้นมันมีอะไรดีกว่าที่คุณจะเปลี่ยนเพื่อใส่ในรถแล้วใช้ วิ่งมันไปวันๆ และในครั้งหน้าทางทีมงานของเราจะนำความรู้เรื่องรถแต่ง อะไรมาให้ได้ชมกันนั้น คอยติดตามกันได้ในเว็ปไซต์ Boxzaracing.com กันได้เลยนะครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook