บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยทิศทางแบรนด์ครึ่งปีหลังในงาน “MG Dealer Conference 2024” เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าด้วยยนตรกรรมไฮบริดที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน พร้อมประกาศชัด
ยานยนต์กลุ่มสันดาปจะถูกแทนที่ด้วยยานยนต์ไฮบริดประสิทธิภาพสูง ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น ควบคู่กับการบริการที่ถูกยกระดับในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การตั้งราคาที่คุ้มค่า สมเหตุสมผล และการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เช่นการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งานที่สร้างความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้คนไทย พร้อมตั้งเป้าครึ่งปีหลังครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4%
ครึ่งปีแรกของปี 2567 นับเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ การมีผู้เล่นรายใหม่ เข้าสู่ตลาด ไปจนถึงสงครามราคาที่ดุเดือด ประกอบกับเทรนด์ตลาดยานยนต์ที่เปลี่ยนไป แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกของปี 2567 (ยอดจดทะเบียน 345,150 คัน) จะลดลงสูงถึง 24% เมื่อเทียบ
กับยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกของปี 2566 (ยอดจดทะเบียน 451,521 คัน) แต่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) กลับเติบโตสวนกระแสตลาด และหากพิจารณาสัดส่วนยอดขายของ เอ็มจี ครึ่งปีแรกพบว่า กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทำยอดขายได้มากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 55% และอีก 45% เป็นกลุ่มเครื่องยนต์สันดาปและพลังงานทางเลือก
ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดเช่นกัน จึงสะท้อนให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานทางเลือกอย่างแท้จริง
มร. ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด เผยว่า “ครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา เอ็มจี ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 3% ในครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้ เอ็มจี เตรียมแผนแนะนำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่สอดรับ กับเทรนด์ตลาดยานยนต์มากขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และมีนโยบายนำเทคโนโลยีไฮบริดทดแทนเครื่องยนต์สันดาป ใขณะเดียวกันรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำอีกระดับ และนำเสนอราคาอย่างสมเหตุสมผลมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด ALL NEW MG 3 HYBRID+ ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ทั้งคัน และถูกยกให้เป็นไฮบริดยุคใหม่ที่ครบเครื่องทั้งดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ และอัตราประหยัดน้ำมัน 1 ถัง ขับได้ไกลมากกว่า 800 กิโลเมตร โดย เอ็มจี เตรียมประกาศราคาและเปิดรับจองในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ
และเพื่อยกระดับความสามารถของผู้จำหน่ายในการทำตลาด เอ็มจี จึงมีการปรับกลยุทธ์การสื่อสารที่พุ่งเป้าไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เชิงลึก ความคุ้มค่าที่แท้จริง เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่ตอบโจทย์กับการใช้งานให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการผนึกกำลังกับผู้จำหน่ายกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ขับเคลื่อนแบรนด์ให้สอดรับกับกระแส หรือเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้เกิดความสดใหม่ในการสื่อสารอยู่เสมอ
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยผลักดันเป้าหมายในการครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4% คือ การยกระดับงานขาย และการบริการ ซึ่งหลังจากที่ เอ็มจี ขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่ระดับพรีเมียม นำโดย NEW MG MAXUS 9, NEW MG MAXUS 7 และ NEW MG CYBERSTER จึงมุ่งเน้นการยกระดับบริการหลังการขายให้สอดรับกับผลิตภัณฑ์ โดยการสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ และการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพผ่าน MG EV EVolution Showroom ทั้ง 9 แห่ง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ