วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามในเครือวินกรุ๊ป ที่โดดเด่นและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม EV กำลังจับตามองและตั้งเป้าหมายที่จะสร้างส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจทั่วโลก ด้วยจุดแข็งของการให้บริการหลังการขายอันเหนือชั้นภายใต้ปรัชญาธุรกิจที่มุ่งลูกค้าเป็นศูนย์กลาง วินฟาสต์หวังที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นําในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยที่กําลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ในเวียดนาม วินฟาสต์ผงาดขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศอย่างรวดเร็ว เปรียบได้กับเรื่องราวของ Saint Giong ตำนานวีรบุรุษพื้นบ้านของประวัติศาสตร์ของเวียดนามที่ รวบรวมกำลังพลได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีเพื่อต่อสู้เอาชนะศัตรูและปกป้องแผ่นดิน ชื่อแบรนด์จึงสะท้อนให้เห็นถึงการขยายการเติบโตอย่างรวดเร็วของวินฟาสต์ในตลาดโลก
ปรากฏการณ์วินฟาสต์
การก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบของวินฟาสต์ได้สร้างความสั่นสะเทือนในวงการรถยนตของโลก นับจากการก่อตั้งขึ้นในปี 2017 บริษัทฯ ได้เติบโตสู่การเป็นผู้กุมตลาดหลักของเวียดนาม พร้อมด้วยเป้าหมายอันแรงกล้าที่จะวางรากฐานอย่างมั่นคงบนเวทีโลกในอนาคต
เส้นทางการเติบโตอันน่าทึ่งนี้ เกิดจากหลายปัจจัย ประการแรก วินฟาสต์ได้รับประโยชน์จากภาคการผลิตที่กําลังเติบโตของเวียดนาม และความมุ่งมั่นที่จะสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้แข็งแกร่ง ประการที่สอง บริษัทให้ความสําคัญกับนวัตกรรมด้านรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์โลกที่กำลังมุ่งเปลี่ยนแปลงภาคการขนส่งสู่ความยั่งยืน
วินฟาสต์เริ่มธุรกิจด้วยการก่อตั้งศูนย์การผลิตรถยนต์อันทันสมัยที่เมืองไฮฟองในปี 2017 เพียงหนึ่งปีหลังจากนั้น ก็ได้เปิดตัวรถซีดานและเอสยูวี รุ่น Lux ที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ ซึ่งคว้ารางวัล "A Star Is Born"อันทรงเกียรติจาก AutoBest นับเป็นความสำเร็จที่ได้มาอย่างรวดเร็ว และสะท้อนให้เห็นชัดเจนถึ งความมุ่งมั่นในด้านการออกแบบ และคุณภาพการผลิตที่เป็นเลิศ
ในปี 2019 วินฟาสต์เริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัวรถยนต์สามรุ่น ได้แก่ VinFast Lux SA2.0, VinFast Lux A2.0 และ VinFast Fadil รวมทั้งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอีกสามรุ่นในตลาดเวียดนาม จากนั้น
ในปี 2020 วินฟาสต์ได้สร้างชื่อเสียงอย่างโดดเด่นด้วยการครองยอดขายสูงสุดในสามกลุ่มรถยนต์ของตลาดเวียดนาม การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นําตลาดอย่างเต็มตัว
ในปี 2021 วินฟาสต์ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สู่รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะโดยเปิดตัวสามรุ่น ได้แก่ VF e34, VF 8 และ VF 9 รองรับกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย และยังนําเสนอสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าใหม่สองรุ่น ได้แก่ Theon และ Feliz ควบคู่ไปกับรถบัสไฟฟ้าคันแรกของเวียดนามในปีเดียวกัน วินฟาสต์ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยี AR/VR สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการด้วยบริการสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) สําหรับรถยนต์รุ่น VF 8 และ VF 9 ซึ่งเน้นย้ำถึงความตั้งใจของวินฟาสต์ในด้านนวั ตกรรมและการสร้างแรงบั นดาลใจระดับโลก
ก้าวสู่ตลาดโลกและปักหมุดหมายใหม่
ในปี 2022 วินฟาสต์เริ่มก้าวสู่การเป็นผู้เล่นระดับโลก โดยเริ่มรับพรีออเดอร์และส่งมอบรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่น VF 8 และ VF 9 ในตลาดต่างประเทศ จากนั้นก็ได้เริ่มเปิดโชว์รูมในเมืองสำคัญต่างๆ ในต่างประเทศเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในตลาดโลก
บริษัทฯ ยังคงรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคม 2023 ได้เริ่มก่อตั้งโรงงานในมลรัฐนอร์ทแคโรไลน่า แสดงถึงความมุ่งมั่นครั้งสําคัญที่มีต่อตลาดสหรัฐฯ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับ
ความเป็นผู้นำของวินฟาสต์ในฐานะผู้เล่นระดับโลก
ต่อมาวินฟาสต์ประสบความสําเร็จครั้งสําคัญในเดือนสิงหาคม 2023 ด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนพอเพียงต่อการขยายธุรกิจทั่วโลก และแสดงจุดยืนของบริษัทในการร่วมเป็นพลังผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างประเทศ
ความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq พร้อมกระแสข่าวที่โด่งดังในสื่อต่างๆ ส่งผลให้แบรนด์วินฟาสต์เป็นที่ รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบตะวันตก และเป็นแรงส่งสู่การขยายเครือข่ายโชว์รูมในประเทศต่าง ๆ ทั้งแคนาดา สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
แม้ว่ายอดขายรถวินฟาสต์ในปี 2023 จะต่ำกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ 40,000 - 50,000 คัน แต่บริษัทก็สามารถส่งมอบรถได้ 34,885 คัน โดยไตรมาสสุดท้ายของปีเพียงไตรมาสเดียวมีการส่งมอบถึง 13,513 คัน และยอดขายส่วนใหญ่อยู่ในตลาดเวียดนาม
มองไปข้างหน้าสู่อนาคตอันสดใส
รากฐานอันแข็งแกร่งได้นำความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่มาสู่วินฟาสต์ ผู้ผลิตรถยนต์เวียดนามหน้าใหม่ ที่เต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ในปีนี้วินฟาสต์ได้เข้าร่วมงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (BIMS 2024) และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย การขับเคลื่อนกลยุทธ์ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่คึกคักที่ สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวั นออกเฉียงใต้นี้จะช่วยยกระดับแผนการขยายธุรกิจทั่วโลกของวินฟาสต์ และเป็นสิ่งยืนยันความตั้งใจจริงต่อการสัญจรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในงาน BIMS 2024 วินฟาสต์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ าครบทุกรุ่นเป็นครั้งแรกในเอเชี ยตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบด้วย มินิเอสยูวี VF 3, รถยนต์รุ่น VF 5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9 ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่ม A-SUV ถึง E-SUV รวมทั้งจัดแสดงรถกระบะไฟฟ้าต้ นแบบ VF Wild ซึ่งได้สร้างความฮือฮาไปทั่ วโลกนับตั้งแต่เปิดตัวในงาน CES 2024 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
รถยนต์รุ่น VF 5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9 ที่นำมาจัดแสดงจะเป็นรุ่ นพวงมาลัยขวาซึ่งพัฒนาขึ้ นเฉพาะสําหรับตลาดเมืองไทย และเคยเปิดตัวที่งาน Indonesia International Motor Show (IIMS) 2024 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
วินฟาสต์มุ่งมั่นส่งเสริมการใช้ รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก โดยนําเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทั นสมัย และชาญฉลาดครบทุกรุ่นในงาน Bangkok International Motor Show (BIMS) การเดินหน้ากลยุทธ์ครั้งนี้ยั งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของวินฟาสต์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตและส่อกยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” และช่วยส่งเสริมความสามารถทางการแข่งขันของแบรนด์ในไทยอีกด้วย
ด้วยชื่อเสียงในระดับโลก ประสบการณ์และผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย วินฟาสต์จะนำเสนอทางเลือกในการเดินทางที่ชาญฉลาดและน่าตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย และยังมีนโยบายด้านบริการหลังการขายที่เป็นเลิศและแนวทางในการจำหน่ายที่ยืดหยุ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้รถในประเทศไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น
กลยุทธ์ของวินฟาสต์ในการเข้าสู่ ตลาดไทยมีองค์ประกอบสําคัญคือ การมุ่งเน้นนโยบายบริการหลั งการขายที่ดีเลิศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งอันสำคัญยิ่ง เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุ บันที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับกลางในประเทศไทยยังมีบริการหลังการขายที่ไม่เพียงพอต่อการรองรับลูกค้า
ประเทศไทยคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนําของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2024 นี้
ภายใต้กระแสการปฏิวัติรถยนต์ ไฟฟ้าในปัจจุบัน วินฟาสต์พร้อมแล้วที่จะขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมและความมุ่งมั่นให้เกิดการสัญจรอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าที่จะก้าวเป็นผู้นําระดับโลกในการปฏิวัติ ภาคการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม