เขียนโดย: D Wisanuporn

เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2566 - 13:35

ความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีของโลกเกิดขึ้นที่นี่ BYD

        ความยิ่งใหญ่ที่เกิดจาก ความคิด ความฝัน ก่อเกิดเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากผู้ผลิตในแผ่นดินใหญ่ และนี่คือ BYD  (Build Your Dreams) ผู้นำในด้านการผลิต และคิดค้นนวัตกรรมอันหลากหลายที่ป้อนเข้าสู่วงการขนส่งมวลชน จนเป็นที่ยอมรับจากทั่วทุกมุมโลกอย่างแท้จริง ทว่าผู้ผลิตรายนี้ไม่ได้มีแค่ยานพาหนะไฟฟ้าเท่านั้น ยังมีเรื่องเทคโนโลยี และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกมากมายเกิดขึ้นในอนาจักรแห่งการสร้างสรรนี้ และวันนี้ BoxzaRacing ขอนำพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับแง่มุมอื่นๆ ของ BYD แน่นอนว่า นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิด และถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น ซึ่งหลายคนเองก็กำลังสงสัย และกังขาว่าแบรนด์ ชั้นนำจาก จีน นี้จะมีดีจริงหรือ

 

 

        BYD หนึ่งในผู้ผลิต EV (Electric Vehicle) ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัวเมื่อไม่นาน โดย บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ กับการเปิดตัว BYD ATTO 3 และเป็นที่รู้กันว่า SUV EV คันนี้ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ รุ่นใหม่ อย่างล้นหลาม ด้วยตัวเลขหลักหมื่นคัน และที่สำคัญพร้อมส่งมอบทันที แน่นอนว่านี่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมาใช้ EV จากประเทศจีนนี้ แต่ในขณะเดียวกัน คนที่มักคุ้นกับรถแบบ ICE (Internal Combustion Engine) หรือเครื่องยนต์สันดาป ยังคงมีความกังขาเรื่องของมาตรฐาน ความแข็งแรง และความปลอดภัย ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปกับผลิตภัณฑ์จากประเทศจีนตั้งแต่อดีต กระทั่งในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ BYD จึงต้องการให้สาธารณะชนได้เห็นถึงความจริงในเรื่องนี้ ด้วยการเปิดบ้านรับการมาเยื่อนของเหล่าบรรดาสื่อมวลชนให้เข้าชมความเป็นมา และเป็นไปของแบรนด์ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า BYD นั้นได้เข้ามาแทรกซึมอยู่ในบ้านเรานานกว่า 10 ปีแล้ว ทว่าไม่ใช่ในฐานผู้ผลิตรถ หากเป็นเรื่องสถานีน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึง Solar panel แน่นอนว่าสิ่งนี้อาจไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ แต่เรื่องราวที่จะนำเสนอต่อไปนี้ อาจสรุปได้ว่าทำไม BYD สามารถเข้าไปเป็นยืนอยู่ในระดับแนวหน้า ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนที่เกือบทั่วโลกยอมรับ

 

BYD F3 รถซีดานที่ขายดีที่สุดของจีนในปี 2009

 

ในปี 2008 BYD F3 PHEV คันแรกของโลกออกสู่สาธารนะชน

 

        สำหรับ BYD Co Ltd นั้น ได้ก่อตั้งบริษัทในเครือ BYD Auto ในปี 2003 หลังจากที่ซื้อกิจการ Qinchuan Machinery Works จาก Norinco ในปี 2002 และระดมทุนได้กว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกงในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง แน่นอนว่าการซื้อกิจการมีขึ้นเพียงเพื่อให้ได้ใบอนุญาตผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ที่ต้องถือโดยบริษัทที่ซื้อเท่านั้น และสำหรับ Qinchuan ผลิตรถยนต์มาตั้งแต่ปี 1987 เมื่อบริษัทเริ่มผลิตรุ่น QJC 7050 ขนาด 0.5 ลิตร โดยในช่วงเวลาของการซื้อขายกิจการนั้น QCJ7181 Flyer ก็อยู่ในระหว่างการผลิตแล้ว และตั้งแต่ปี 2005 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น BYD Flyer ต่อมา ในปี 2008 ได้มีการนำเสนอรถยนต์รูปแบบซีดานขนาดกะทัดรัด BYD F3 PHEV คันแรกของโลกออกสู่สาธารนะชน แน่นอนว่าทำให้ยอดขายรถยนต์รวมของ BYD ในปี 2009 อยู่ที่ 448,400 คัน และ BYD F3 เองก็เป็นรถซีดานที่ขายดีที่สุดของจีนในปีนั้น ในปีเดียวกันนี่เอง BYD เริ่มส่งออกรถยนต์ไปยังแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง แน่นอนว่ารถยนต์ที่เข้าไปทำตลาดนี้ แข่งขันกันที่ราคา ไม่ใช่คุณภาพ

 

BYD Design Center ศูนย์การออกแบบระดับโลก นำทีมโดย Wolfgang Egger

 

        แม้ว่าจะมีตัวเลขยอดจำหน่ายสูงในตลาดแอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงในจีนเอง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ BYD เข้าไปมีบทบาทในตลาดอื่นอย่างยุโรป หรือแม้แต่เอเซียเองก็ตาม กระทั่งในปี 2019 BYD ได้เปิดตัว BYD Design Center ศูนย์การออกแบบระดับโลก นำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง Audi, Ferrari และ Mercedes-Benz นำทีมโดย Wolfgang Egger และผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ได้เปิดตัว E-SEED GT อันเป็นความร่วมมือครั้งแรกจากทีมออกแบบชุดใหม่ โดยได้นำไปจัดแสดงที่งานแสดงอุตสาหกรรม Auto Shanghai ในเดือนเมษายน 2019 ที่ผ่านมา ด้วยแนวคิดการออกแบบแห่งอนาคตสะท้อนถึงเส้นสายที่ปราดเปรียวของมังกรจีน และบริษัทวางแผนที่จะนำเสนอความเป็นจีนมากขึ้น และเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในรูปแบบอนาคต

       ในปัจจุบัน บริษัท BYD ของจีนมีพนักงานกว่า 190,000 คนทำงานให้กับบริษัททั่วโลก และสร้างรายได้ประมาณ 9.1 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ โดยที่ผ่านมาผลิตให้กับ Motorola, Nokia ก่อนที่จะขยาย Knowhow และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่ปี 2003 นับเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทที่ทำให้ BYD เริ่มเป็นที่ยอมรับ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามคือ มาตฐานที่สูงขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในเรื่องของ แบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของ EV  ต้องบอกว่า BYD ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตรถเท่านั้น ยังมีผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่สามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เรียกว่า New Energy เช่น พลังงานหมุนเวียน หรือ Solar Cell ต่างๆ และ Rail Transit คมนาคมในรูปแบบราง รวมถึงยานยนต์ในหลากหลายรูปแบบโดยส่วนของยานพาหนะนในปีที่ผ่านมา BYD สามารถผลิตรถยนต์ทั้งในรูปแบบ BEV และ DMi (PHEV) ได้มากถึง 1,860,000 คัน ซึ่งมากกว่าในปี 2021 ถึง 3 เท่า นั่นส่งผลให้ BYD นอกจากนี้ในปี 2022 ยังเป็นแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายรถ EV สูงที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย

 

 

        สำหรับตัวสำนักงานใหญ่ BYD Auto Company เองนั้นตั้งอยู่ ณ เมืองเซินเจิ้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3.79 ล้านตารางเมตร ประกอบไปด้วยหลายส่วน ตั้งแต่ อาคารสำนักงานที่เรียกกันว่า Conference Center ที่เป็นทั้ง ศูนย์ประชุม อาคารรองรับ ที่จัดแสดง งานเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ซึ่งจะเรียกโซนนี้ว่า Showroom ก็ได้ ภายในแบ่งพื้นที่ แสดงของความเป็นมาของบริษัท ภาพรวมของธุรกิจในเครือ  โซนสำหรับโชว์เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีโครงสร้าง e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นแบบล่าสุด รวมไปถึง Cell to Body ที่ใช้ใน BYD Song L Concept และ BYD Seal เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มอีกหลากหลายรูปแบบ ที่คิดค้นให้มีความยืดหยุ่น และสามารถรองรับรถยนต์ได้ในหลายประเภท แน่นอนว่าแพลตฟอร์มนี้ก็ไม่จำกัดเรื่องต้นกำเนิดพลังในการขับเคลือนด้วย ส่วนท้ายของ Showroom เป็นโซนแสดงเทคโนโลยีระบบเชื่อมต่อ D-Link ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ขับ กับตัวรถให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และด้วยพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ที่นี่จึงวางระบบราง Mono Rail ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัท สำหรับบุคลากรในองค์กร รวมถึงผู้ที่มาเยี่ยมชมให้ได้ใช้เพื่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วอาณาบริเวณของ BYD Auto Company

 

พนังที่เดิมไปด้วย สิทธิบัตรนับพัน นับหมื่นรายการ

 

E-SEED GT เกิดความร่วมมือครั้งแรกจากทีมออกแบบชุดใหม่ โดยได้นำไปจัดแสดงไว้ที่โซนโชว์รูม

 

 จัดแสดงเครื่องยนต์รูปแบบต่างๆ ที่พัฒนาไปพร้อมกับ DM Technology Platform

 

 

       นอกจากที่เราได้มีโอกาสเยี่ยมชมพื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยี ความเป็นมาของแบรนด์ BYD แล้ว ครั้งนี้ยังได้เข้าชม การทดสอบแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน ในการสาธิตนี้ จะเป็นการ เจาะทะลุ (Nail Penetration Test) แบตเตอรี่รถ EV ในรูปแบบทั่วไป กับ BYD Blade Battery โดยผลที่ออกมาจะเห็นว่า แบตเตอรี่แบบ NMC ทั่วไป เมื่อถูกเจาะทะลุผ่านแล้ว จะทำให้อุณหภูมิภายในแบตเตอรี่จะพุ่งสูงกว่า 600 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และมีการลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง และจับดับลงเมื่อสารตั้งต้นในการทำปฏิกิริยาภายในสูญเสียคุณสมบัติหรือ จางหายไป แต่สำหรับ BYD Blade Battery เมื่อถูกเจาะทะลุ อุณหภูมิจะสูงขึ้นไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าด้วยความร้อนเพียงเท่านี้ส่งผลให้เกิดการระเบิดน้อยมาก หรือในความเป็นจริงแล้วแทบไม่มีโอกาสในการระเบิด เป็นการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัย และให้ประสิทธิในระดับสูง และแน่นอนว่า นี่คือ เทคโนโลยีที่ทาง BYD ภูมิใจนำเสนออย่างมาก

 

 สาธิตการทดสอบแบตเตอรี่ หรือ Nail Penetration Test

 

        แม้จะได้รับเชิญให้เข้ามาเยี่ยมชมโรงงานอย่างเป็นทางการ ทว่ายังมีในบางแผนกของ BYD งดบันทึกภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ทดสอบการชน GB Standrat เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำภาพสดๆ ในการเทรสครั้งนี้มาให้ชมได้ สำหรับรูปแบบการทดสอบแต่ละค่ายไม่ทดสอบการชนแบบไร้ทิศทางหรือ ทำไปแบบลวกๆ นั่นเป็นเพราะเรื่องของ ต้นทุน ในการทดสอบแต่ละครั้งมีค่าสูง จากข้อมูลที่ได้มา ในการทดอลองแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 – 400,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 500,000 – 2,000,000 บาท ในบางรุ่น ในความเป็นจริงแล้วแต่ละคัน ต้องทำการทดสอบ 30-50 ครั้ง กระทั้งได้ผลออกมาตรงตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย CHINIS Standrat ของประเทศจีน และการจำลองการชนทางที่เราทีมงานได้อยู่ดูอย่างใกล็ชิด เป็นการทดสอบการชนด้านหน้ามุมตรงด้วยความเร็ว 35 กม./ชม. ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ จะมีการติดตั้งกล้อง ปรับแสงไฟ เพื่อให้เห็นจุดประทะ และความเสียที่เกิดจากการชนทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาที และเป็น 10 วินาทีที่ต้องแลกมาด้วยจำนวนเงินกว่า 5 แสนบาท

 

Crash Test Dummies ในหลายรูปแบบ (ในภาพเป็นตัวอย่างไม่ใช่รุ่นที่ทดสอบของ BYD)

 

       นอกจากนี้ เรายังได้เห็นเข้าถึง สเตชั่นต่างๆ ในการทดสอบการชน เท่าที่เห็นจะมีการกำหนดมุมต่างๆ ในการชนถึง 8 ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น มุมตรงจากทางด้านหน้า, มุม 15- 90 และ 180 องศา ที่สามารถรองรับความเร็วในการชนสูงสุดถึง 120 กม./ชม.โดยพื้นแห่งนี้มีลักษณะคล้ายโกดังขนาดใหญ่ ในส่วนเป็นการทุนสูงถึง 200 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ไม่เพียงแค่การลงทุกเฉพาะตัวรถต้องเอามาชนแล้วทิ้งเท่านั้น องค์ประกอบสำคัญอย่าง หุ่น ที่ใช้สำหรับการทดสอบก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหุ่นเหล่านี้คือตัวแทนของคนขับ และผู้โดยสารจริง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบภายในโรงงานของ BYD จากข้อมูลที่ได้ หุ่นที่มีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 13 ล้านหยวน หรือประมาณ 65 ล้านบาท โดยในแต่ละตัว ถูกใช้ทดสอบการชนได้สูงประมาณ 20 ครั้ง การลงทุนมูลที่มีค่ามหาศาลนี้ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงสุด และท้ายสุดในการเยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้ปิดท้ายด้วยการชม Lap ทดสอบการรบกวนของสัญญาณต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวรถ หรือเรียกว่า EMC Test แน่นอนว่าในบ้างสัญญาณที่ส่งมานี้มีผลกับคนด้วยเช่นกัน ดังนั้นการทดสอบนี้ไม่ใช่เพียงแค่ให้รถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ต้องป้องกันผู้ใช้ได้อย่างแท้จริงด้วย สำหรับ Lap แห่งนี้ มีขนาดใหญ่ รองรับรถบัสที่มีความยาวถึง 12 เมตร ซึ่งมีฐานล้อยาวที่สุดที่สามารถวัดได้ คือ 6 เมตร รวมไปถึงหัวรถรางที่ใช้ Lap นี้เช่นกัน นับเป็นห้องทดสอบที่มีความทันสมัยในระดับแถวหน้าของแบรนด์รถยนต์ในประเทศจีนทีเดียว

 

 

        ก่อนเดินทางสู่งาน Shanghai Auto Show ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมการผลิตแบตเตอรี่ของโรงงานที่ เซินเจิ้น ซึ่ง BYD ได้ก็รับการยอมรับให้ ผลิตแบตเตอรี่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์แบรนด์ชั้นนำ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ให้กับ Samsung, LG, Huawei, Mi, Oppo, Google รวมถึง Microsoft จากที่ได้สัมผัสทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่เกินกว่าระดับประเทศ ต้องบอกว่าโรงงานแห่งนี้มากด้วยเทคโนโลยี กำลังการผลิต รวมถึงมาตรฐานการผลิตจาก BYD  ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำมากมายที่กล่าวมา ทว่าเป็นที่น่าเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานผลิต Blade Battery สำหรับติดตั้งในรถ BYD ซึ่งตั้งอยู่ที่ ฉงฉิ้ง และซีอาน แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถบอกได้ว่าแบรนด์รถยนต์จากจีนนี้มีศักยภาพมากเพียงใด

 

       โดยส่วนตัวแล้ว แม้จะได้เห็นแนวทางการคิดค้น ตลอดจนกระบวนการผลิตแล้ว ก็ยังไม่หมดสิ้นความสงสัย โดยเฉพาะเทคโนโลยี และการผลิตของ BYD ที่จะมีขึ้นในอนาคต ทว่าการเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานการผลิตทุกแห่งในครั้งนั้น ก็สามารถเปลี่ยนมุมมองในเรื่องผลิตภัณฑ์จากประเทศจีน แน่นอนว่าความตั้งใจที่ก้าวเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตรถพลังงานทางเลือกที่มีอย่างต่อเนื่องกว่า 28 ปี อีกทั้งรวมการลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลเกินกว่าที่คนอย่างเราๆ จะรู้ การจะยอมรับว่า EV ของแบรนด์นี้เหมาะที่จะก้าวไปอยู่แถวหน้าของโลกยานยนต์นั้น สามารถยอมรับได้แบบไร้ข้อกังขา หากนำเรื่องราวทั้งหมดมาเป็นปัจจัย

        สุดท้ายการจะทำให้ผู้คนโดยเฉพาะคนไทยเองยอมรับความในมาตฐานที่สร้างมา ต้องทำให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าการโฆษณาเพียงอย่างเดียว และแน่นอนว่า ทางเราทีมงาน BoxzaRacing พร้อมนำเสนอในทุกแง่มุมอันเป็นประโยชน์ แก่ผู้บริโภค  สุดท้ายขอขอบคุณ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ และทีมงาน ที่ให้เกียรติได้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน ณ  ประเทศจีนที่ผ่านมา

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook