ในงาน New ERA New Growth for MG and Thailand Automotive Industry งานแสดงวิสัยทัศน์ของเอ็มจี ค่ายรถยนต์ที่เชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีศักยภาพเทียบชั้นยานยนต์โลกได้ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี ยนตกรรมล้ำสมัย และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ที่เอ็มจีประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดรถยนต์ไทยปัจจุบัน โดยมีตัวเลขของส่วนแบ่งการตลาดที่สูงถึง 90% พร้อมกันนี้ MG ยังคาดว่าในปี 2565 ตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโต และมียอดขายรวมประมาณ 850,000 คัน ซึ่งเอ็มจีตั้งเป้าตัวเองไว้ถึง 50,000 คัน
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวไว้ในงานว่า ทิศทางและแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการขับขี่ (Autonomous) การเชื่อมต่อระหว่างคนและรถ (Connectivity) มากยิ่งขึ้น การใช้งานรถร่วมกัน (Sharing Economy) ได้รับการพูดถึงมากขึ้น รวมถึงการที่โลกกำลังเดินหน้าไปสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาด (Green Economy) และให้ความสำคัญกับ Emission Standard จากการตั้งเป้าหมายของแต่ละประเทศเพื่อทำให้เกิด Zero Emission จึงทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เติบโต อย่างก้าวกระโดด
ในปีที่ผ่านมา MG มียอดขายรวมถึง 31,005 คัน ซึ่งเติบโตขึ้น 9.5% เรียกว่าโตสวนกระแสก็ว่าได้ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมากจากการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาสอดแทรกอย่างมีนัยยะสำคัญในการผลิตรถยนต์ ซึ่งตรงกับแนวทางของ MG ที่มุ่งนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ด้วยการผสมผสานความลงตัวของ เทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และคุณค่า (Value) เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อยกระดับยานยนต์ไทย พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในระยะยาว (New Growth) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหันมาให้ความสำคัญกับสภาวะแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมยานยนต์ให้ความสำคัญมากขึ้น เราจึงได้เห็นความพยายามในการลดการสร้างมลพิษในรูปแบบต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่ายรถยนต์เองการแนะนำรถยนต์พลังงานทางเลือก คือหนึ่งในแนวทางที่ถูกกำหนดไว้ในแผนการดำเนินงาน สำหรับเอ็มจีนอกจากการพัฒนารถยนต์ให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคแล้ว เอ็มจียังได้วางรากฐานเรื่องระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า อย่าง EV Ecosystem ซึ่งเราจะเห็นว่า ได้มีการสร้าง และขยายเครือข่ายสถานีชาร์จทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานที่ขยายตัวขึ้น คลายความกังวล และเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และผู้ที่กำลังหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
อีกทั้งยังมีแผนในการสร้างความรู้พื้นฐานให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้เข้าใจและเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มี นอกจากนี้ MG ยังได้รับการอนุมัติจาก BOI ในการจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงกำลังมีการศึกษาวิจัยเรื่องการจัดการแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอีกด้วย
ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับ และมียอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าวันนี้ ประเทศไทยก้าวมาไกล และได้ใช้รถที่มีเทคโนโลยีทัดเทียมกับประชาคมโลก อย่างที่ MG ตั้งใจไว้ ด้วยเหตุ และผลต่างๆ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมวันนี้รถยนต์ MG จึงเป็นที่นิยมและยอมรับจากผู้ใช้มากขึ้น กระทั่งสามารถกล่าวได้ว่าวันนี้ MG เป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง