Ford ชวนคุณท่องศาสตร์แห่งรถกระบะ ไปกับโหมดการขับ Ford Ranger Raptor X ที่พร้อมพาคุณพิชิตทุกเส้นทาง ด้วยระบบกันสะเทือนสไตล์รถแข่ง ระยะล้อที่กว้างขึ้น และแชสซีที่เสริมความแข็งแกร่งมาเป็นพิเศษ พร้อมดีไซน์สไตล์สปอร์ตด้วยสติกเกอร์กราฟฟิกสไตล์ Over the Top รอบคัน เพิ่มความดุดันด้วยชุดแต่งสีดำพร้อมโรลบาร์แบบยาว ชุดหูลากหน้ารถสีแดงสไตล์สปอร์ต ทั้งหมดนี้ต่างเป็นองค์ประกอบของ Ford Ranger Raptor X ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้คุณพิชิตทุกเส้นทางออฟโรดสุดท้าทายได้ด้วยความเร็วสูง ภายใต้การควบคุมที่ดีเยี่ยม และหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยในการควบคุมคือระบบ Terrain Management System (TMS) ที่มีโหมดการขับทั้งหมดถึง 6 รูปแบบ รวมถึงโหมดบาฮา (Baja) อันเป็นเอกลักษณ์
โหมดการขับเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ ดีเอ็นเอ ของ Ford Performance มร.ร็อบ ฮิวโก้ วิศวกรหัวหน้าฝ่ายประสบการณ์การขับ ของ Ford ออสเตรเลีย กล่าว ไม่ว่าจะเป็นโหมดแทร็ค (Track) หรือโหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) ในมัสแตง ไปจนถึงโหมดการขับขี่เส้นทางออฟโรดแบบต่างๆ ใน Ranger Raptor ล้วนเป็นดีเอ็นเอของ Ford Performance นอกจากนี้ ระบบ TMS ยังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ ชีวิตง่ายขึ้นและช่วยให้รถลุยไปทุกเส้นทางได้อย่างง่ายดาย สำหรับผู้ขับขี่มือเก๋า ระบบนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ขับขี่ไปขึ้นอีกขั้น
โหมดการขับขี่คืออะไร
เนื่องจากสภาพเส้นทางแต่ละรูปแบบ ทั้งโคลน หิน หญ้า กรวด ทราย และหิมะ ต่างต้องการการตอบสนองจากรถแตกต่างกัน ระบบ TMS หรือโหมดการขับใน Ford Ranger Raptor และ Ranger Raptor Xจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้รถพร้อมรับมือกับแต่ละสภาพเส้นทางได้อย่างเหมาะสม
แต่เราก็ไม่ควรเลือกโหมดการขับขี่แบบสุ่มๆ ผู้ขับควรต้องรู้ว่าจะต้องใช้โหมดการขับอะไรและทำไมถึงใช้โหมดนี้ อย่างเช่น โหมดสปอร์ตเหมาะสำหรับการขับบนถนนเมื่อขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะต้องใช้การขับเคลื่อน 4H เท่านั้น ขณะที่โหมดโคลน/ทราย และโหมดบาฮา ใช้การขับเคลื่อนแบบ 4H หรือ 4L ก็ได้ แต่สำหรับโหมดหิน ต้องขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น
การปรับโหมดการขับ แต่ละโหมดเกิดจากการทำงานของระบบซอฟต์แวร์มากกว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกล โดยระบบพร้อมควบคุมการทำงานของหลายๆ องค์ประกอบให้สอดประสานกันตั้งแต่การตอบสนองของคันเร่ง ระบบเกียร์ ระบบเบรกและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ไปจนถึงการปรับการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว แนวคิดเบื้องหลังการพัฒนาโหมดการขับขี่ใน Ford Ranger Raptor และ Ford Ranger Raptor X คือการช่วยให้นักขับมือใหม่เดินทางไปได้ทุกที่ ส่วนนักขับมือฉมังก็จะได้รับประสบการณ์ขับขี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น
ควรใช้โหมดขับอะไร
ไม่ว่าคุณจะขับขี่บนท้องถนนหรือบนเส้นทางออฟโรด Ford Ranger Raptor X มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่เหมาะกับทุกการเดินทาง ความเข้าใจในการเลือกใช้โหมดการขับ ทำให้ผู้ขับ ทั้งที่มีประสบการณ์ และไม่มีประสบการณ์สามารถใช้งานรถได้เต็มสมรรถนะ ผู้ขับส่วนใหญ่อาจเลือกใช้โหมดปกติในการขับบนเส้นทางออฟโรด แต่เพราะ Ford ใส่ใจในการพัฒนาโหมดการขับต่างๆ เพื่อยกระดับสมรรถนะของ Ranger Raptor ผมจึงอยากแนะนำให้ผู้ขับทุกท่านลองใช้โหมดการขับที่เหมาะสม เมื่อคุณออกผจญภัยบนเส้นทางออฟโรดครั้งต่อไป
โหมดปกติ คือโหมดการขับใน Ranger Raptor ที่เป็นตัวเลือกอัตโนมัติ เหมาะกับการขับในชีวิตประจำวัน คุณใช้โหมดนี้ได้ทั้งบนท้องถนนและเส้นทางออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนแบบ 2 หรือ 4 ล้อก็ตาม ถ้าคุณออกจากถนนลาดยาง และมุ่งหน้าสู่ทางลูกรัง โหมดที่แนะนำคือโหมดปกติและการขับเคลื่อนแบบ 4H
สำหรับ โหมดสปอร์ต คันเร่งจะตอบสนองฉับไวขึ้น ขณะที่ระบบส่งกำลังจะลากเกียร์นานกว่าโหมดปกติเล็กน้อย การบังคับพวงมาลัยจะให้ความรู้สึกหนักขึ้นเล็กน้อยในตำแหน่งตั้งตรง นอกจากให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตในการขับแล้ว เรายังอยากแนะนำให้คุณใช้โหมดสปอร์ตขณะลากจูง และการขับบนเส้นทางขึ้นหรือลงทางชัน เพราะรถจะลากเกียร์นานกว่าปกติเพื่อลดการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่จำเป็น
โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ เหมาะสำหรับพื้นผิวลื่น ซึ่งแตกต่างจากการขับแบบออฟโรดทั่วไป เพราะโหมดนี้เหมาะกับถนนที่มีพื้นผิวลื่น เช่น ถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง หรือถนนที่มีโคลนเละๆ หลังจากฝนตกใหม่ๆ โหมดนี้จะกำหนดให้คุณต้องใช้การขับแบบ 4H และทำงานโดยลดการตอบสนองของคันเร่ง ช่วยให้คุณไม่เผลอเร่งความเร็วมากเกินไปบนถนนลื่นๆ ปรับการทำงานของระบบเกียร์ซึ่งรวมถึงการออกตัวที่เกียร์สองแทนที่จะเป็นเกียร์หนึ่ง เป็นต้น
โหมดโคลน/ทราย ออกแบบเพื่อใช้ขับบนทรายหรือโคลนลึกๆ ซึ่งจะต้องรักษาการจ่ายกำลังที่เหมาะสม และต่อเนื่อง เมื่อเลือกใช้โหมดนี้ ผู้ขับต้องปรับเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ขณะที่การคันเร่งจะไวขึ้น และระบบส่งกำลังจะลากเกียร์ยาวขึ้น โหมดนี้ยังช่วยรักษาโมเมนตัมของรถได้ด้วยการลดความไวของเบรก และการตอบสนองของระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ขณะที่ควบคุมเสถียรภาพการขับขี่จะยอมปล่อยให้รถไถลได้มากขึ้น
การขับบนพื้นทรายมีความนุ่ม จึงต้องการรถที่ตอบสนองแตกต่างออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการหมุนของล้อเกินจำเป็นและทำให้รถจม การขับบนเส้นทางที่เป็นทรายและโคลนจึงต้องรักษาโมเมนตัมให้รถขยับอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพ้นพื้นผิวที่มีดินหลวม ซึ่งบางทีก็สังเกตุได้ยาก
โหมดหิน เป็นโหมดการขับขี่ที่ใช้ได้กับการขับเคลื่อนแบบ 4L เท่านั้น โดยคุณใช้โหมดนี้ได้เมื่อต้องการการยึดเกาะถนนสูงมากๆ และควรขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าหินก้อนโตๆ หรือร่องลึก ซึ่งอาจทำให้มีล้อข้างใดข้างหนึ่งลอยขึ้นจากพื้น ระบบเบรกป้องกันล้อหมุนฟรีจะยังคงทำงานในขณะที่ใช้โหมดหิน เพื่อรักษาโมเมนตัมให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าและรักษาการควบคุมรถขณะขับไปบนเส้นทางที่มีหินก้อนใหญ่ๆ หรือร่องลึก แต่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวจะหยุดทำงานชั่วคราว เพราะคุณต้องขับด้วยความเร็วต่ำแบบ 4L
การตอบสนองของคันเร่งจะไวขึ้นเพราะเท้าของผู้ขับอาจจะกระเด็นออกจากแป้นคันเร่งขณะขับ และเราไม่ต้องการให้รถกระตุก ขณะที่ระบบเกียร์จะเน้นใช้เกียร์หนึ่งและเปลี่ยนเกียร์ช้าลง โดยคุณอาจะเลือกเข้สเกียร์แบบธรรมดาเองได้ด้วย
โหมดบาฮา คือจุดเด่นของ Ford Ranger Raptor ที่ได้แรงบันดาลใจจากสนามบาฮา 1000 ซึ่งเป็นการแข่งขันออฟโรดสุดหฤโหดอันโด่งดังระดับโลกบนคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนีย เม็กซิโก โดย Ranger Raptor ได้ผ่านการทดสอบสุดโหดแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Ford F-150 Raptor ทั้งในทะเลทรายบอร์เรโก สปริงส์ ในสหรัฐอเมริกาและเส้นทางที่ใช้ในการแข่งขับขับรถข้ามทะเลทราย ฟิงค์ เดสเสิร์ท เรซ ในออสเตรเลีย โหมดบาฮา ออกแบบมาเพื่อการขับแบบออฟโร้ดด้วยความเร็วสูงที่ไม่มีใครเหมือน คันเร่งและเกียร์ปรับให้ตอบสนองไวขึ้น เพื่อให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตมากขึ้น
ด้วยแชสซีที่แข็งแรง ความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุดใต้ท้องรถที่เพิ่มขึ้น โช้คอัพที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย FOX โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ล้อที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไปจนถึงเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะที่ครบครัน ทำให้ Ford Ranger Raptor เป็นรถกระบะในตระกูล Ranger ที่มีสมรรถนะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา