ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันตลาดรถ SUV ในเมืองไทยมีการแข่งขันกันอย่างคึกคัก ในแต่ละเดือนหลายเจ้าหลายแบรนด์ก็สลับกันขึ้นครองความเป็นเบอร์หนึ่งของวงการรถยนต์ SUV ในเมืองไทย ซึ่งแบรนด์รถ MG ก็เคยขึ้นมารั้งเบอร์หนึ่งในรถเซกเม้นท์นี้ในตลาดเมืองไทย เพราะด้วยความเอาจริงเอาจังของทาง MG ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการตลาด รวมถึงส่งรถที่เน้นหนักจัดออฟชั่นเต็มไม่เกรงใจคู่แข่ง อีกทั้งยังทำราคาได้โดนใจ จึงที่ให้สามารถฝ่าฝันคู่แข่งเจ้าตลาดมาได้
ในปัจจุบันทาง MG มีรถประเภท SUV อยู่หลายหลากไซส์ไม่ว่าจะเป็น MG ZS ที่มีทั้งเป็นเครื่องยนต์สันดาป และที่เป็นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนอย่าง MG ZS EV และอีกหนึ่งไลน์ที่เป็น SUV ขนาดใหญ่อย่าง MG HS ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลังจากการเปิดตัวออกมาไม่นาน ก็ประสบความสำเร็จด้านยอดขายในไทย ไม่ว่ามาจากทรวดทรงที่สวยไม่แพ้คู่แข่ง ออปชั่นความปลอดภัยแบบจัดเต็ม และที่สำคัญมาในราคาที่ถูกกว่าเจ้าตลาดหลายแสน
ดังนั้นเพื่อที่จะต้องการครองความเป็นหนึ่งในตลาดประเภท SUV ในเมืองไทย ล่าสุดทาง MG จึงขยับตัวอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ทาง MG เตรียมส่ง SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือกใหม่ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดอย่าง MG eHS PHEV ลงตลาดในเมืองไทย ซึ่งกำหนดการณ์คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ก่อนที่ะถึงวันเผนโฉมเรามาดูรายละเอียดคราวๆ ของ SUV ตัวใหม่จากค่าย MG กันก่อน
MG eHS PHEV เป็น SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งในปัจจุบัน SUV ที่เป็นปลั๊กอินไฮบริด ในขายอยู่ตลาดเมืองไทยก็จะมีรถระดับหรูในฝากฝั่งยุโรปอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Volvo ที่จะมีราคาค่อนข้างจะสูง โดย MG eHS PHEV ที่จะมาทำตลาดในบ้านเรานั้น จากรายงานข่าวจะมาในราคาราว 1.3 ล้านบาท +- ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าตัว MG ZS EV เล็กน้อย
ด้านมิติตัวถัง และรูปลักษณ์หน้าตาของ MG eHS PHEV จะเท่ากับ และเหมือนกับในตัว MG HS ในรูปแบบเครื่องยนต์สันดาป ที่ขายอยู่ในบ้านเรา เรียกว่าอยู่บนตัวพื้นฐานเดียวกัน โดยมีมิติความยาวของตัวรถอยู่ที่ 4,574 มม., กว้าง 1,876 มม., สูง 1,664 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,720 มม. กระจังหน้ายังคงมากับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ที่จะเห็นระยิบระยับลานล้อม ตราโลโก้ MG อยู่ตรงกลาง, ชุดไฟหน้า แบบ LED Projector พร้อมไฟส่องสว่าง ที่ดีไซน์ให้โฉบเฉี่ยว มาพร้อมไฟ Daytime Running Lights
สิ่งที่จะปรับเปลี่ยนไปคงจะเป็นในส่วนลายล้ออัลลอย แต่ขนาดยังคงเดิมที่ 18 นิ้ว และสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาจะเป็น สัญลัษณ์โลโก้ตัว e สีเขียว ที่อยู่หน้าชื่อรุ่น ที่ติดอยู่ด้านท้ายรถ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นปลั๊กอินไฮบริด
ส่วนรายละเอียดภายห้องโดยสารก็เช่นเดียวกันจะเหมือนกับตัว MG HS ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัตฟังช์ชั่นทรงสปอร์ต ท้ายตัดแบบ 3 ก้าน, เบาะนั่งทรงสปอร์ต Bucket Seat, หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร ที่สามารถมองวิวทางด้านบนได้อย่างจัดเจน, ตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม Soft Touch ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยภานในห้องโดยสารจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 เฉดสี ได้แก่ สีทูโทนน้ำเงิน-ขาว Monaco Blue และภายในสีดำเดินด้ายตะเข็บแดง London by Night ตกแต่งด้วยหนังแท้ผสมหนัง Alcantara
ส่วนตรงกลางคอนโซลหน้านั้น เป็นหน้าจอแบบ Touchscreen ขนาด 10.1 นิ้ว, นอกจากนั้นภายในห้องโดยสารยังโดดเด่นด้วย ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับ ได้มากถึง 64 เฉดสี และมาพร้อมระบบเครื่องเสียงคุณภาพจาก Bose ส่วนที่ปรับเปลี่ยนใหม่จะเป็นปรับเปลี่ยนใหม่จะเป็นเพียงส่วนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น อาทิเช่น ในส่วนเรือนไมล์ใหม่ที่เป็นจอ TFT จอสี แบบดิจิตอลเต็มระบบที่ที่จะดูทันสมัยกว่ารุ่นปกติ
ด้านพละกำลังของ MG eHS PHEV จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 169 แรงม้า มากับแรงบิดที่ 250 นิวตัน-เมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังอยู่ที่ 122 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุดอยู่ที่ 291 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ EDU II 10 สปีด เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ความจุ 16.6 kWh ส่งผลให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม.-ชม. ในเวลา 5.8 วินาที โดย MG eHS PHEV จะสามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆได้ระยะทาง 75 กม. ซึ่งถือว่าวิ่งได้ไกลมากดถ้าเทียบกับรถปลั๊กอินไฮบริด หลายๆ เจ้าในบ้านเรา นอกจากนั้นยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 1.3 ลิตร/ 100 กม. หรือราว 76.92 กม./ลิตร
ทั้งหมดเป็นรายละเอียดบางส่วนของ MG eHS PHEV SUV เสียบปลั๊กชาร์จไฟตัวใหม่ที่จะมาทำตลาดในเมืองไทยช่วงสิ้นปี 2563 ซึ่งการมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการมาโกยยอดก่อนคู่แข่งโดยตรงอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV ที่มีข่าวว่าจะมาบ้านเราเช่นเดียวกัน แต่คงจะเป็นในช่วงต้นปีหน้า า่วนรายละเอียดโดยรวมทั้งหมดรวมถึงราคาที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร ทางทีมงาน BoxzaRacing จะรีบนำรายงานทันทีที่ MG eHS PHEV เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้