Hyundai Veloster N 2020 สปอร์ตแฮทช์แบ็ค 3+1 ตัวแรงจากแดนกิมจิ ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากแผนก N ของทาง Hyundai กำลังจะได้รับการเปิดตัวในเร็วๆ นี้ โดยมีข่าวว่าตัวแรงจากค่ายกิมจิรุ่นใหม่ จะมากับระบบส่งกำลังชุดใหม่อย่าง ชุดเกียร์ DCT 8 สปีด ที่จะให้อารมณ์ในการขับที่สนุก มาพร้อมกับความจี๊ดจ๊าด ร้อนแรง และเร้าใจที่มากยิ่งขึ้น
จากข่าวที่ว่า Hyundai Veloster N 2020 จะมากับขุมพลัง 2.5 ลิตร ที่เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่นั้น เป็นเพียงแค่ข่าวลือ โดยสปอร์ตแฮทช์แบ็ค 3+1 ตัวแรงจากแดนกิมจิตัวนี้ ยังคงเป็นขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ รีดพละกำลังได้ 250 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 353 นิวตัน-เมตร แต่หากเป็นรุ่น Performance Package จะเพิ่มแรงม้าถึง 275 แรงม้า แรงบิด 377 นิวตัน-เมตร โดยทั้งหมดจะถูกส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT แบบคลัชท์คู่เปียก 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.6 วินาที
นอกจากนี้ระบบคลัชท์คู่ชุดนี้ ที่ติดตั้งอยู่ในตัว Hyundai Veloster N 2020 แล้วยังเสริมด้วยโหมดสมรรถนะสูง ซึ่งจะทำงานตามรูปแบบตามลักษณะของการขับ ได้แก่ โหมด NGS หรือ N Grin Shift ที่จะช่วยเพิ่มบูสต์บูสต์ของเทอร์โบ โดยจะดเพิ่มแรงบิดขึ้นถึง 7% เป็นระยะเวล่ต่อเนื่องถึง 20 วินาที โดยเพิ่มแรงบิดจาก 352 นิวตัน-เมตร เพิ่มขึ้นไปถึง 377 นิวตัน-เมตร นอกจากนี้ในชุดระบบชุดเกียร์ DCT 8 สปีด ใหม่ของ Hyundai Veloster N 2020 ยังมากับโหมด N Power Shift โดยเมื่อผู้ขับเร่งกำลังเครื่องยนต์ถึง 90% ระบบจะควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ และส่งกำลังไปยังล้ออย่างมีประสิทธิภาพ และในโหมด N Track Sense Shift (NTS) ระบบจะตรวจสภาพถนนว่าเป็นอย่างไร แล้วระบบจะปรับเจะังหวะการเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติ
Hyundai Veloster N 2020 รุ่นใหม่นี้ นอกจากจะได้รับการปรับเปลี่ยนในชุดส่งกำลังแล้วยังได้รับการอัพเกรดในส่วนอื่นๆอาทิเช่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ ที่มากับหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว, เสริมด้วยระบบเครื่องเสียงระดับพรี่เมี่ยมจากทาง JBL, พร้อมกับมีออฟชั่นเสริมสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสปแอร์ตมากกขึ้นด้วย เบาะนั่งทรงท Bucket Seats แบบใหม่ N Light Sports Bucket Seats ที่หุ้มด้วยหนัง Alcantara โดยในตัวเบาะนั่งจะมีน้ำหนักที่เบาลงกว่าใรุ่นมาตรฐานถึง 2 กิโลกรัม
นอกจากนั้นในส่วนระบบคงามปลอดภัยของ Hyundai Veloster N 2020 ชุดระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ประกอบด้วย Front Collision-Avoidance Assist ระบบเตือนการชนด้านหน้า, Driver Attention Warning ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน, Lane Following Assist ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ใช้เซนเซอร์และกล้องเพื่อรักษาระยะรถยนต์ ให้อยู่กลางช่องจราจร, Lane Keeping Assist ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ, High Beam Assist ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, Blind Spot Collision Warning ระบบเตือนจุดอับสายตาเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเลน และ Rear Cross-Traffic Collision Warning ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
สำหรับ Hyundai Veloster N จะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศเกาหลีใต้ ภายในเดือนเมษายน 2020 และจะทยอยวางจำหน่ายในส่วนตลาดอื่นๆทั่วโลกในช่วงถัดไป
